กรุงเทพฯ--20 ก.พ.--กสท โทรคมนาคม
วันนี้ (20 ก.พ. 2550) เวลา 11.00 น. นายมารุต บูรณะเศรษฐกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาดและการขาย บมจ. กสท โทรคมนาคม หรือ CAT TELECOM ได้แถลงถึงข้อเท็จจริงกรณีเชื่อมต่อ Internet Gateway ระหว่าง กสท กับ TRUE Internet Gateway โดยเปิดเผยว่า
ในปี 2549 ที่ผ่านมา กสท ได้รับการติดต่อจากผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมประเภทที่ 2 (บริการ Internet Gateway) จาก กทช.รายใหม่ ได้แก่ บริษัท สกาย ออฟฟิศ (หรือ TIG: TRUE Internet Gateway) และบริษัท ADC โดยทั้งสองบริษัทขอเชื่อมต่อเครือข่าย Internet Exchange ภายในประเทศ (NIX) ส่วนบริษัท TIG ขอเชื่อมต่อทั้งเครือข่าย NIX และ เครือข่ายเชื่อมโยงระหว่างประเทศแบบ IPLC มาพร้อมกัน
CAT TELECOM ในฐานะผู้ได้รับใบอนุญาตจาก กทช. ประเภทที่ 3 และเป็นผู้ให้บริการและเป็นเจ้าของระบบเชื่อมโยงระหว่างประเทศรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ได้หารือกับทั้งสองบริษัทพร้อมกับแจ้ง กทช. ถึงความพร้อมในการให้เชื่อมต่อโครงข่ายตามที่ต้องการ โดยสำหรับ NIX ซึ่งเป็น Exchange ที่ไม่ต้องอาศัยวงจรระหว่างประเทศ ซึ่งมีจุดติดตั้งและให้บริการอยู่ที่อาคารโทรคมนาคม 30 ชั้น บางรัก นั้น CAT TELECOM ได้ชี้แจงให้บริษัทฯและ กทช. ทราบแล้วว่า CAT TELECOM ยินดีให้เชื่อมต่อและปฏิบัติตามประกาศของ กทช. ทุกประการซึ่ง TIG ได้ยืนยันความต้องการมายัง กสท ตั้งแต่เดือน มกราคม 2550 ที่ผ่านมา ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการติดตั้งและเชื่อมโยงอุปกรณ์ ส่วนทางบริษัท ADC ได้เชื่อมโยงและติดตั้งอุปกรณ์กับ NIX ของ กสท เรียบร้อยแล้ว
ในส่วนของ IPLC เบื้องต้นทางบริษัท TIG ได้ขอเชื่อมต่อในระดับเส้นใยแก้วนำแสงระหว่างประเทศผ่านจุดขึ้นบกของ กสท ที่จังหวัดสตูลและจังหวัดสงขลา CAT TELECOM ได้ทำความเข้าใจกับบริษัทให้ทราบถึงข้อจำกัดทางเทคนิคของระบบเชื่อมโยงเส้นใยแก้วนำแสงระหว่างประเทศว่าไม่สามารถทำให้ได้เนื่องจากจำนวนคู่สายใยแก้วนำแสงที่มีการติดตั้งไว้มีจำนวนจำกัดซึ่งเป็นการออกแบบระบบที่ประเทศภาคีที่ลงทุนในระบบเคเบิ้ลใต้น้ำระหว่างประเทศต่างๆ ได้ติดตั้งไว้นานแล้ว จึงไม่สามารถให้เชื่อมต่อในระดับเส้นใยแก้วนำแสงได้ แต่ทั้งนี้ CAT TELECOM ยินดีที่จะให้บริษัทเชื่อมต่อผ่านชุมสายบริการ IPLC เพื่อเชื่อมโยงไปยังต่างประเทศ ซึ่งมีความจุของ Bandwidth เพียงพอต่อการให้บริการได้ในทันทีและจากแผนธุรกิจของบริษัท TIG ที่ต้องการเริ่มต้นให้บริการตั้งแต่ปลายปี 2549 นั้น กสท ได้เล็งเห็นถึงความพร้อมในการสนับสนุนต่อธุรกิจของบริษัท และทำความเข้าใจกับบริษัทพร้อมแจ้ง กทช. ไปแล้วว่า เพื่อไม่ให้แผนธุรกิจของบริษัทล่าช้ากว่ากำหนด CAT TELECOM มีความพร้อมให้บริษัทเชื่อมต่อระบบ Internet Gateway ได้ที่อาคารโทรคมนาคม 30 ชั้น บางรัก ทันที โดยหากเชื่อมต่อกับจุดขึ้นบกหรือในจุดอื่นนั้นจำเป็นต้องมีการโยกย้ายและปรับปรุงสภาพพื้นที่และอุปกรณ์ภายในและสร้างระบบ Security เพื่อรองรับการเชื่อมต่อของผู้ได้รับใบอนุญาตรายต่างๆรวมทั้งบริษัท TIG ด้วย ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการปรับปรุงเพิ่มเติมอาจทำให้บริษัทไม่สามารถให้บริการได้ทันตามกำหนด
ภายหลังจากการให้ข้อมูลข้างต้นแก่ทั้งบริษัท TIG และ กทช. ไปแล้ว ยังไม่ได้รับการยืนยันถึงความต้องการเชื่อมต่อจากบริษัท TIG เพิ่มเติมมาแต่อย่างใด จนถึงเดือนมกราคม ที่ผ่านมาทางบริษัทTIG ได้ออกข่าวว่า กทช.ได้อนุญาตให้บริษัทTIG เชื่อมต่อออกต่างประเทศผ่านมาเลเซียได้เป็นการชั่วคราว 3 เดือน ขณะเดียวกัน กสท ยังไม่ได้รับการติดต่อจากทั้ง กทช. และ บริษัทTIG ในเรื่องการยืนยันขอเชื่อมต่อกับ กสท หรือแนวทางปฏิบัติและแก้ไขปัญหาร่วมกันแต่อย่างใด จากข่าวที่บริษัท TIG ได้กล่าวว่า กสท ไม่ยอมเปิดทางให้เชื่อม Internet Gateway ไปยังต่างประเทศผ่านทางสื่อฯนั้น จึงเป็นเพียงแหล่งข้อมูลเดียวที่ทาง กสท ได้รับทราบจาก TIG ถึงนโยบายและความต้องการของ TIG
อย่างไรก็ตาม CAT TELECOM ยังคงยืนยันและพร้อมที่จะเจรจาบนพื้นฐานแห่งข้อเท็จจริงและ CAT TELECOM ในฐานะเป็นผู้ให้บริการที่เกิดมาจากกิจการรัฐวิสาหกิจของประเทศและถูกกำหนดมาให้เป็นผู้ดูแลระบบเชื่อมโยงระหว่างประเทศ ที่เปรียบเสมือนเป็นสมบัติของประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนโดยทั่วไป CAT TELECOM ได้ย้ำให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ว่า CAT TELECOM ยินดีให้เกิดการแข่งขันแบบเสรีบนพื้นฐานที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้อีกปัจจัยหนึ่งที่เป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการแข่งขันเสรีของธุรกิจ Internet ในประเทศไทย คือการ Unbundling Local loop และการให้เชื่อมต่อโครงข่ายในระดับ Access ภายในประเทศซึ่งผู้ประกอบการที่ได้รับสัมปทานและเป็นเจ้าของโครงข่ายในประเทศคิดค่าใช้จ่ายในราคาสูงกว่านี้ตนเองขายให้กับผู้ใช้บริการรายย่อย ซึ่งเป็นสภาพการผูกขาดของธุรกิจ Broadband internet ของผู้ประกอบการที่ได้เปรียบจากการมีโครงข่าย Last mile ที่มากกว่าผู้ประกอบการรายอื่นอย่างมีนัยสำคัญ จึงเป็นเรื่องที่ กทช. สมควรเร่งรัด ดังเป็นการแก้ไขเพื่อการแข่งขันอย่างเป็นธรรมในทุกด้าน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ฝ่ายสื่อสารการตลาด
ส่วนเผยแพร่และสื่อมวลชน
โทร. 02-506-3246,02-506-3248