กรุงเทพฯ--12 ต.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน
บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศทิศทางการดำเนินธุรกิจประจำปีงบประมาณ 2554 พร้อมทั้งแสดงวิสัยทัศน์ในการนำประเทศไทยเข้าสู่ยุคคลาวด์คอมพิวติ้ง เผยแนวทางรักษาการเติบโตทางธุรกิจของบริษัทฯ เอาไว้ ด้วยการนำเสนอประโยชน์ในการใช้งานซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์แก่ผู้บริโภค ในขณะเดียวกัน ก็มุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ท้องถิ่นและการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน
นางสาวปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปีงบประมาณที่ผ่านมาว่า “แม้ในภาวะเศรษฐกิจผันผวน ผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2553 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย โดยมีการเติบโตถึงร้อยละ 13 นอกจากนี้ ยังประสบผลสำเร็จในส่วนของ Microsoft Partner Network โดยคู่ค้าของไมโครซอฟท์จำนวนทั้งสิ้น 4 ราย ได้รับรางวัลคู่ค้าดีเด่นจาก Microsoft Worldwide Partner Conference 2010 ในขณะเดียวกัน การ์ทเนอร์ ยังได้จัดอันดับให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งใน 30 ประเทศที่มีศักยภาพทางด้าน IT Outsourcing สูงสุด โดยเป็นผลสืบเนื่องโดยตรงมาจากการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในประเทศ”
“สำหรับทิศทางในอนาคต เราเริ่มต้นปีงบประมาณ 2554 ด้วยข่าวดีจากการชนะเลิศการแข่งขัน Imagine Cup 2010 ประเภท Software Design ของทีม SkeeK จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในโลกที่คว้ารางวัลดังกล่าวมาได้ถึง 2 สมัย” นาวสาวปฐมา กล่าวเสริม “อย่างไรก็ตาม คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศไทยยังคงต้องเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ไมโครซอฟท์จึงให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการค้นหาแนวทางใหม่ๆ ในการนำเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ไปช่วยส่งเสริมให้เกิดความสำเร็จในประเทศ ผ่านความร่วมมือและความมุ่งมั่นในโครงการต่างๆ เพื่อความสำเร็จในระยะยาว”
ทิศทางในการดำเนินงานที่สำคัญของไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ในปีนี้ ได้แก่ การสร้างความต่อเนื่องของผลิตภัณฑ์วินโดวส์ 7 และไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ 2010 การยกระดับความพึงพอใจให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาผลิตภัณฑ์และธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และการเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง โดยผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์ที่จะออกสู่ตลาดในอนาคตอันใกล้นี้ ได้แก่ Internet Explorer 9 (บุคคลทั่วไปสามารถดาวน์โหลดเวอร์ชั่นเบต้าได้แล้ว) และวินโดวส์โฟน 7
“จากความสำเร็จของวินโดวส์ 7 ในปี 2552 ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคชาวไทยอย่างท่วมท้น จนทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่มีการเริ่มใช้งานวินโดวส์ 7 เร็วที่สุดในโลก ไมโครซอฟท์มุ่งมั่นที่จะสื่อสารและใกล้ชิดกับผู้บริโภคยิ่งขึ้น นอกเหนือไปจากการเปิดตัวช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์แบบออนไลน์ที่ www.msonlinestore.com แล้ว ปี 2553 ยังเป็นปีสำคัญที่ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัว ไมโครซอฟท์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ แกลเลอรี่ อย่างเป็นทางการ 3 แห่ง ในกรุงเทพฯ ณ ห้างสรรพสินค้าไอทีมอลล์ และได้ร่วมมือกับคอมเซเว่น อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดตัวสาขาล่าสุดที่ห้างพาราไดซ์พาร์ค เมื่อเร็วๆ นี้ และต่างจังหวัด ที่เชียงใหม่ ซึ่งเป็นความร่วมมือกับเชียงใหม่สยามทีวี ทั้งยังมีแผนที่จะเปิดเพิ่มเติมอีกหลายแห่งทั่วประเทศ ช่องทางดังกล่าวเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของไมโครซอฟท์ก่อนตัดสินใจซื้อ โดยจะช่วยเปลี่ยนทัศนคติของผู้บริโภคให้เห็นถึงคุณค่าของซอฟต์แวร์แท้ ทั้งยังสอดคล้องกับแคมเปญ ‘100% Value of Genuine’ ของไมโครซอฟท์ที่ต้องการจะส่งเสริมความเข้าใจประโยชน์จากการใช้งานซอฟต์แวร์วินโดวส์ 7 แบบลิขสิทธ์ของผู้บริโภค”
นอกจากนี้ การขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้ธีม ‘Looking Beyond the Future’ ของไมโครซอฟท์ในปีงบประมาณนี้ ยังรวมไปถึงการมุ่งไปสู่เทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง และเตรียมพร้อมคู่ค้า ผู้ใช้งาน และ ธุรกิจต่างๆ ในการก้าวไปสู่ยุคคลาวด์ คอมพิวติ้ง อย่างเต็มรูปแบบ ไมโครซอฟท์พร้อมในการนำเสนอเทคโนโลยี คลาวด์ คอมพิวติ้ง ใน 3 รูปแบบ ได้แก่ ‘software as a service’, ‘platform as a service’ และ ‘infrastructure as a service’ ซึ่งรวมไปถึงบริการแบบ private, public และ on-premises โดยสามารถเข้าถึงได้ผ่านทาง 3 ช่องทาง คือ พีซี เบราเซอร์ และ โทรศัพท์เคลื่อนที่ จึงทำให้ครอบคลุมทั้งผู้ใช้งานทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นคอนซูมเมอร์ทั่วไปและกลุ่มธุรกิจต่างๆ
“ด้วยประสบการณ์ในการให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งขนาดใหญ่ที่สุดและน่าเชื่อถือมากที่สุดมากว่า 15 ปี ไมโครซอฟท์พร้อมแล้วที่จะนำอุตสาหกรรมไอทีเข้าสู่ยุคคลาวด์คอมพิวติ้ง และไมโครซอฟท์นับเป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ในการให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งทั้งประเภท public และ private ทั้งยังพร้อมในการนำเสนอโซลูชั่นต่างๆ ของไมโครซอฟท์เพื่อความยืดหยุ่นในการทำธุรกิจ และการลดค่าใช้จ่าย สำหรับภาคธุรกิจ ภาครัฐ และผู้ใช้งานทั่วประเทศ” นางสาวปฐมา จันทรักษ์ กล่าว
ภายในงานแถลงทิศทางการดำเนินธุรกิจของไมโครซอฟท์ ยังได้รับเกียรติจากตัวแทนจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่ได้มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การใช้งานคลาวด์คอมพิวติ้งของไมโครซอฟท์ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย และเสริมประสิทธิภาพในการทำงาน
“เราเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร เตรียมโครงสร้างพื้นฐานและนำเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง ของไมโครซอฟท์มาใช้ทั้ง Virtualization และ Dynamic Data Center องค์ประกอบสำคัญต่อการบริหารทรัพยากรคอมพิวเตอร์ของประเทศในอนาคตสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขัน และการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ” ดร.ภุชงค์ อุทโภาศ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าว
ด้านอาจารย์ปรเมศ ส่งแสงเติม รองอธิการบดีฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า “เมื่อต้นปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในประเทศที่ได้นำเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งของไมโครซอฟท์ไปใช้ เพื่อสร้างสังคมการเรียนรู้แบบดิจิตอล ด้วยการผนวกรวมระบบ Hybrid Learning 2.0 เข้ากับหลักสูตรในการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัย เราได้เปลี่ยนโฉมหน้าของการเรียนภายในห้องเรียนไปอย่างสิ้นเชิง โดยการเปิดโอกาสให้นักศึกษา และอาจารย์สามารถสื่อสารกันได้ผ่านทางชุมชนออนไลน์ ผ่านทางบริการคลาวด์คอมพิวติ้งของไมโครซอฟท์ ดังนั้น นักศึกษาจึงสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด หรือใช้เครื่องมือใดก็ตาม วิสัยทัศน์ของไมโครซอฟท์ทางด้านคลาวด์คอมพิวติ้ง นับได้ว่าช่วยยกระดับมาตรฐานทางด้านการศึกษาของเราให้ทันสมัยยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องเป็นอย่างดีกับไลฟ์สไตล์ในแบบดิจิตอลของนักศึกษาในศตวรรษที่ 21”
และเพื่อเป็นการสนับสนุนการพัฒนาโซลูชั่นที่เกี่ยวกับคลาวด์คอมพิวติ้งและการนำไปใช้งานจริงในภาคธุรกิจ ไมโครซอฟท์ได้จัดทำ Microsoft ISV Solution Directory 2010 ผ่านเว็บไซต์ www.microsoft.com/thailand/isv ซึ่งรวบรวมรายชื่อบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์โซลูชั่นที่เกี่ยวกับคลาวด์คอมพิวติ้ง เพื่อเป็นช่องทางให้ภาคธุรกิจได้ค้นหาบริษัทพัฒนาโซลูชั่นคลาวด์คอมพิวติ้งเพื่อตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจ
นายสรณะ ทัศนสันติ์ Business Development Executive บริษัท ไทยเควสท์ จำกัด กล่าวว่า “ไทยเควสท์ได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีไมโครซอฟท์ ซึ่งมีการใช้งานง่าย ในการพัฒนาเครื่องมือค้นหาข้อมูลและแอพพลิเคชั่นค้นหาข่าวออนไลน์ อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนทางเทคนิค ผ่าน Microsoft ISV Solution Directory 2010 ซึ่งเป็นเสมือนตัวกลางจับคู่ระหว่างบริษัทและนักพัฒนาซอฟต์แวร์ท้องถิ่น และภาคธุรกิจที่กำลังมองหาโซลูชั่น จึงช่วยให้บริษัทฯ สามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในแง่ความรวดเร็วและการตอบโจทย์ความต้องการการใช้งานของลูกค้า เราตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความสนใจจากภาคธุรกิจต่างๆ ที่ต้องการซอฟต์แวร์แอพพลิเคชั่นในรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น ตัวอย่างเช่น แอพพลิเคชั่น ThaiQuest e-Edition ของบริษัทฯ ซึ่งเป็น proof of concept ประเภทคลาวด์คอมพิวติ้ง ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นมาสำหรับผู้จัดพิมพ์ข่าว โดยแอพพลิเคชั่นดังกล่าวช่วยให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถเข้าถึงข่าวต่างๆ ซึ่งถูกโฮสต์ไว้บนคลาวด์คอมพิวติ้งได้ผ่านทางเว็บเบราเซอร์ นอกจากนี้ ด้วยการรองรับการใช้งานกับอุปกรณ์ประเภททัชสกรีน ผู้อ่านจะได้รับประสบการณ์รูปแบบใหม่จากการอ่านข้อความและรูปภาพต่างๆ ในข่าวในรูปแบบดิจิตอล ทั้งยังสามารถใช้ฟีเจอร์การค้นหาข้อมูล ThaiQuest Enterprise Search เพื่อค้นหาข่าวต่างๆ ในฐานข้อมูลด้วยการใช้คีย์เวิร์ดได้อย่างง่ายดาย”
เทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งมีส่วนอย่างยิ่งในการนำโอกาสใหม่ๆ เข้ามาสู่ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย และยังช่วยเสริมให้ความมุ่งมั่นของไมโครซอฟท์ในการสนับสนุนนวัตกรรมท้องถิ่น และโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในทุกๆ ช่วงได้ดียิ่งขึ้น นับตั้งแต่การทดสอบการใช้งานซอฟต์แวร์ ไปจนถึงการจับคู่ทางธุรกิจ อาทิ ศูนย์พัฒนานวัตกรรมซอฟต์แวร์ไทย หรือ Microsoft Innovation Centre รวมถึงโครงการ Microsoft BizSpark และ โครงการ WebsiteSpark
“สำหรับไมโครซอฟท์ เรามองเห็นโอกาสที่สดใสในการเติบโตแบบก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของประเทศ เมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้น เราจะต้องพัฒนาเทคโนโลยีที่ปลอดภัย สร้างสรรค์ และได้มาตรฐาน ซึ่งจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่แน่ชัดภายใต้ราคาที่สมเหตุสมผล ในฐานะที่เป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีและที่ปรึกษาทางด้านเทคโนโลยีที่มีความน่าเชื่อถือ ไมโครซอฟท์ยังคงมุ่งมั่นที่จะผลักดันเทคโนโลยีให้เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเสริมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย” นาวสางปฐมา กล่าวสรุป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
คุณศุภาดา ชัยวงษ์
ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน ประเทศไทย
โทรศัพท์: 0-2627-3501 ต่อ 209
โทรสาร: 0-2627-3510
Email: sjaidee@th.hillandknowlton.com