กรุงเทพฯ--21 ก.พ.--ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น
บมจ.ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น (MINOR) ประกาศกำไรสุทธิปี 2549 เท่ากับ 261 ล้านบาท เติบโต 4% เมื่อเทียบ กับปีก่อน ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน ภาวะเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปี ตลอดจนเหตุการณ์ไม่แน่นอนทางการเมือง และเกิดรัฐประหารในช่วงปลายปี จนส่งผลให้ความเชื่อมั่นของ ผู้บริโภคลดต่ำลง รายได้รวมของบริษัทฯ เท่ากับ 3,213 ล้านบาท เติบโต 9% จากปีก่อน โดยเป็นผลมาจาก การที่บริษัทฯ มีการนำเสนอสินค้าแฟชั่นใหม่ และมียอดขายจากธุรกิจรับจ้างผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าอัตรากำไรของธุรกิจค้าปลีกจำพวกสินค้าไลฟ์สไตล์ลดลงอย่างมาก แต่ก็สามารถชดเชยด้วยอัตรากำไรที่สูงขึ้นของธุรกิจรับจ้างผลิต และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนใน MINT หลังจากที่บริษัทฯ เพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน ไตรมาส 3/48 จาก 4.3% เป็น 19.1% และมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตลอดทั้งปี 2549
ยอดขายของธุรกิจแฟชั่นค้าปลีกคิดเป็นสัดส่วน 44% ของยอดขายรวมในปี 2549 ในขณะที่ตัวเลขความ เชื่อมั่นของผู้บริโภคจะลดต่ำลง แต่ยอดขายในกลุ่มนี้มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ระดับ 9% เป็นมูลค่า 1,080 ล้าน บาท แต่อัตรากำไรจากการดำเนินงานลดลง 28% ด้วยสาเหตุหลักจากการการปรับกลยุทธ์ทางด้านการตลาด และด้านราคาในกลุ่มสินค้าเพื่อเพิ่มยอดขายในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่มีกำลังซื้อที่ลดลง โดยธุรกิจแฟชั่นค้าปลีก ยังคงนำโดยสินค้าแบรนด์หลักของบริษัทฯอย่าง เอสปรี และ บอสสินี่ รวมทั้งแบรนด์ใหม่ เช่น ทิมเบอร์แลนด์ และ ชาร์ลส แอนด์ คีธ ส่งผลให้รายได้ของสินค้าแฟชั่นเพิ่มขึ้น 9% สำหรับยอดขายของสินค้าเครื่องสำอางค์ ซึ่งประกอบด้วย เรด เอิร์ธ บลูม ลาเนจ และเอลีมิส เพิ่มขึ้น 5% เป็นมูลค่า 220 ล้านบาท
บริษัทฯมีรายได้จากการรับจ้างผลิตสินค้าคิดเป็นสัดส่วน 46% ของยอดขายรวมในปี 2549 เพิ่มขึ้นถึง 12% และมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 17% โรงงานของบริษัทฯ เริ่มดำเนินการผลิตในไตรมาส 4/47 และเริ่ม สร้างฐานลูกค้าและเพิ่มจำนวนการผลิตสินค้ามากขึ้น รวมทั้งสร้างพันธมิตรใหม่ทางธุรกิจ ส่งผลให้อัตราการ ผลิตของโรงงานเพิ่มขึ้นตลอดปี 2549
ในปี 2549 บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนใน MINT เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งผลการ ดำเนินงานของ MINT มียอดกำไรสุทธิถึง 1,280 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ได้มีการเพิ่มการลงทุนใน MINT จาก 4.3% เป็น 19.1% ตั้งแต่ไตรมาส 3/48 ที่ราคา 4 บาท/หุ้น การลงทุนดังกล่าวนับว่าเป็นกลยุทธ์การลงทุนระยะ ยาวที่ถูกต้อง เนื่องจากราคาหุ้น MINT ได้ปรับขึ้นมาถึง 193% นับแต่วันที่เข้าซื้อ มาเป็น ณ ปัจจุบันที่ 11.70 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่าตลาดเท่ากับ 6.6 พันล้านบาท
บริษัทไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (MINOR) เป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นจาก ต่างประเทศในประเทศไทย ทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องสำอาง และอุปกรณ์ส่งเสริมการเรียนการสอน โดยยี่ห้อที่บริษัทฯเป็นผู้จัดจำหน่ายในปัจจุบันได้แก่ เอสปรี เรดเอิร์ธ บอสสินี่ ซีเนะควอนอน ทิมเบอร์แลนด์ บลูม ลาเนจ
อิลิมีส ทูมี่ เฮงเคล ไทม์ไลฟ์ และเวิร์ดบุ๊ค นอกจากนี้บริษัทฯยังมีธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้า โดยมีโรงงานเป็นของตัวเอง อีกทั้งยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) โดยถือหุ้นในสัดส่วน 19.1% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วในปัจจุบัน และบริษัทมีนโยบายที่จะยังคงสัดส่วนของการลงทุน
ในบริษัทย่อยต่อไป รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าเยี่ยมชมเวบไซด์ www.minornet.com
Press Contacts: ปรารถนา มโนมัยพิบูลย์ / ประภารัตน์ ตังควัฒนา โทร. (662) 381-5151