สหภาพยุโรปแถลงกฏระเบียบใหม่ด้านสารปรับปรุงอาหารและอาหารใหม่

ข่าวทั่วไป Friday October 15, 2010 13:59 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 ต.ค.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์ สารปรุงแต่งอาหาร (Food Additives), สารปรุงรสอาหาร (flavourings) เอนไซม์ (enzymes) คือ สิ่งที่สำคัญสำหรับการผลิตอาหาร ทั้งยังก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้บริโภคในแง่ของความสดใหม่และรสชาติอาหารที่อร่อย เพื่อเป็นการรับมือกับการใช้สารปรุงแต่งต่างๆในวงกว้างของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตอาหาร เมื่อเร็วๆนี้ ทางสหภาพยุโรป (อียู) จึงได้กำหนดชุดหลักเกณฑ์ซึ่งเป็นการพัฒนากฏเกณฑ์ที่มีอยู่ในด้านสารปรุงแต่ง และสารปรุงรสขึ้น ทั้งยังได้มีการออกกฏระเบียบเกี่ยวกับเอนไซม์ฉบับใหม่เพื่อใช้ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวในกลุ่มสหภาพยุโรป เป็นครั้งแรก กฏเกณฑ์ใหม่นี้ กำหนดขึ้นเพื่ออธิบายและปรับปรุงกฏข้อบังคับด้านสารปรับปรุงอาหารที่มีอยู่ ณ ปัจจุบันให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังเป็นการสร้างกระบวนการที่ไม่ซับซ้อน เพื่อใช้เป็นแนวทางร่วมกันสำหรับการใช้สารปรุงแต่งอาหาร สารปรุงรส รวมทั้งเอนไซม์ โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานจากความเห็นทางด้านวิทยาศาสตร์จากสำนักงานด้านความปลอดภัยอาหารยุโรป European Food Safety Authority (EFSA) ในวันที่ 14 ตุลาคม คณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทยและสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้ร่วมกันจัดการสัมมนาในหัวข้อ “การทำธุรกิจกับสหภาพยุโรป (อียู) ในด้านกฎระเบียบเกี่ยวกับสารปรุงแต่งอาหาร (food Additives) และอาหารใหม่ (Novel Foods)” ขึ้น ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจให้กับกลุ่มนักธุรกิจไทย รวมทั้งผู้กำหนดนโยบาย เกี่ยวกับกฏเกณฑ์ทั้งสองประเด็น นายอันโตนิโอ เบเรงเกอร์ (Mr. Antonio Berenguer) หัวหน้าฝ่ายการค้าและเศรษฐกิจ คณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย กล่าวว่า “การพัฒนาครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าสหภาพยุโรปให้ความสำคัญในด้านความปลอดภัยของอาหารโดยมุ่งที่จะปกป้องผู้บริโภคและลดความซับซ้อนและปรับปรุงกฏระเบียบให้ดีขึ้น โดยกฏเกณฑ์ใหม่นี้ จะไม่มีการแบ่งแยกระหว่างผลิตภัณฑ์อาหารที่มีการนำเข้า หรือที่มีการผลิตภายในกลุ่มสหภาพยุโรปแต่อย่างใด” “การปฏิบัติตามกฏระเบียบด้านความปลอดภัยอาหารของสหภาพยุโรปนั้น ไม่เพียงแต่จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคการส่งออกของไทย แต่ยังเป็นการช่วยยกระดับมาตรฐานอาหารของไทย ซึ่งจะก่อให้เกิดผลดีต่อผู้บริโภคชาวไทยเช่นกัน ปีที่ผ่านมา การส่งออกอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารของไทยไปยังสหภาพยุโรปนั้น มีมูลค่าสูงถึงกว่า 9 หมื่นล้านบาท (หรือกว่า 2.2 พันลานยูโร) ซึ่งคิดเป็น 15 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าการส่งออกของสินค้าทั้งหมดจากไทยไปยังสหภาพยุโรป” คุณเบเรงเกอร์ กล่าวเสริม นายศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ ผู้อำนวยการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กล่าวว่า “ในอดีต ผลิตภัณฑ์พื้นเมืองของไทยไม่ได้รับอนุญาติให้นำเข้าสู่ตลาดสหภาพยุโรปเนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านั้นไม่ได้ดำเนินการตามเงื่อนไขของกฏเกณฑ์อาหารใหม่ของสหภาพยุโรป (EU Novel Foods Regulation) ซึ่งถ้าก่อนหน้านี้ภาคการส่งออกไทยมีความเข้าใจในกฏเกณฑ์เหล่านี้มากกว่านี้ ก็จะทำให้สามารถให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อหน่วยงานของสหภาพยุโรปซึ่งจะทำให้สินค้าได้รับอนุญาตให้เข้าไปในตลาดอียูได้ ดังนั้นจึงจำเป็นมากที่ผู้ส่งออกไทยจะต้องคำนึงถึงกฏเกณฑ์ด้านอาหารใหม่” ในส่วนของการใช้สารปรุงแต่งอาหารและสารปรุงรสอาหารตามที่ได้กำหนดไว้ในกฏหมายปัจจุบัน กฏเกณฑ์ที่ออกขึ้นใหม่นั้นจะได้มีการปรับเงื่อนไขให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับการพัฒนาล่าสุดทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งยังทำให้กฏหมายมีความกระจ่างมากขึ้น นอกจากนี้ ร่างกฎหมายยังเสนอให้มีการใช้กฏเกณฑ์ใหม่ร่วมกันแทนที่กฏหมายเกี่ยวกับเอนไซม์อาหารซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศด้วย นอกจากนั้น เนื่องจากความทันสมัยที่เกิดขึ้นอย่างรวด+เร็วในด้านเทคโนโลยีอาหาร ทำให้เกิดการพัฒนาอาหารใหม่ใหม่ๆขึ้น หากแต่ยังขาดซึ่งการประเมินความปลอดภัย ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภค จึงได้มีการกำหนดหลักการในกฏเกณฑ์อาหารใหม่ ก่อนที่จะมีการรวมเอาอาหารและส่วนผสมของอาหารที่ยังไม่เคยได้รับการบริโภคในสหภาพยุโรปก่อนเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2540 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อติดต่อ คุณกุลวดี ที่อีเมล์ Delegation-thailand-pi@ec.europa.eu หรือ โทร 02.305.2644 และ 08.1917.5602 สำหรับสื่อมวลชน กรุณาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณภาริสา ฉายากุล / คุณอังคณา บุญสวัสดิ์ อีเมล์ samui@tqpr.com / ple@tqpr.com โทร. 02 260 5820 ext. 113 / 125

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ