กรุงเทพฯ--15 ต.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ข้อมูลทองคำวันนี้
- ราคาสมาคม เปิดที่ 19,350 - 19,450
- ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,378
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 29.82 — 29.86
- GFV10 Hi- Low 19,590 — 19,470 ปิดที่ 19,510
Gold Insight
สัญญาทองคำตลาด COMEX
ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 7.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,377.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,371.10 - 1,388.10 ดอลลาร์ เนื่องจากตลาดยังคงได้ปัจจัยบวกจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ร่วงลงเมื่อเทียบ กับสกุลเงินหลักๆ โดยเมื่อวานนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างหนักหลังจากธนาคารกลาง สิงคโปร์ประกาศใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน และจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะใช้มาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะยิ่งทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอีก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
พุ่งขึ้น 75.68 จุด หรือ 0.69% ปิดที่ 11,096.08 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 8.33 จุด หรือ 0.71% ปิดที่ 1,178.10 จุด ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของอินเทล คอร์ป และเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 32 เซนต์ ปิดที่ 82.69 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาอันเนื่องมาจากจำนวนคนว่าง งานที่เพิ่มขึ้นนั้น จะส่งผลให้ความต้องการพลังงานหดตัวลงด้วย ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของจำนวนคนว่างงานได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบที่ ลดลงเหนือความคาดหมายในสหรัฐ
กองทุน SPDR Gold Trust
กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 15 ต.ค. ซื้อเข้า 19.14 ตันเปลี่ยนแปลงการถือครองจากระดับ 1,285.20 ตัน เข้าสู่ระดับ 1,304.34 ตัน
USD/EU ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้หลังจากธนาคารกลางสิงคโปร์ประกาศใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินด้วยการปล่อยให้สกุลเงินดอลลาร์สิงคโปร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนกระหน่ำขายดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นสกุลเงินคู่ค้าหลักของสิงคโปร์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังคงถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะใช้มาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะยิ่งทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอีก โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.4025 ดอลลาร์ต่อยูโร
USD/JPY ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.40% เมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนที่ระดับ 81.440 เยน จากระดับของวันพุธ ที่ 81.770 เยน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 81.39 เยนต่อดอลลาร์
USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 29.80-29.84 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักจากการเปิดตลาดในตอนเช้ามากนัก ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 29.82-29.86 บาทต่อดอลลาร์
ข่าวเศรษฐกิจโลก
- นายนาโอโตะ คัง นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวแสดงความเห็นหลังจากที่เงินเยนแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 80 เยนต่อดอลลาร์ครั้งแรกในรอบกว่า 15 ปีในวันนี้ว่า อัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนมากจนเกินไปนั้นเป็นสถานการณ์ที่ไม่น่าพอใจ พร้อมระบุว่า ญี่ปุ่นจำเป็นต้องพิจารณาการตัดสินใจที่มีความหลากหลาย โดยรัฐบาลจะดำเนินมาตรการที่เด็ดขาดเพื่อควบคุมการแข็งค่าของเงินเยน หากเห็นว่าเป็นเรื่องที่จำเป็น
- กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) มีมติคงโควต้าการผลิตน้ำมันดิบไว้เท่าเดิมที่ 24.84 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมสมัยสามัญครั้งที่ 157 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวานนี้ (14 ต.ค.) โดยการตัดสินใจดังกล่าวสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ และสอดคล้องกับที่รัฐมนตรีพลังงานโอเปคอออกมาส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้านี้ว่าโอ เปคจะตัดสินใจคงโควตาการผลิตในการประชุมครั้งนี้
- กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 9 ต.ค. พุ่งขึ้น 13,000 ราย แตะระดับ 462,000 ราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 445,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ พุ่งขึ้น 2,250 ราย แตะระดับ 459,000 ราย จำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่พุ่งขึ้นเกินคาดสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงาน ของสหรัฐยังคงซบเซา ซึ่งทำให้รัฐบาลสหรัฐกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจด้วย
- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 8 ต.ค.ลดลง 416,000 บาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 360.53 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 255,000 บาร์เรล แตะระดับ 172.21 ล้านบาร์เรล แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 1.1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินร่วงลง 1.77 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 218.17 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.0 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 1.2% แตะระดับ 81.9%
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ระบุว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.4% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.2% เนื่องจากต้นทุนราคาอาหารและพลังงานปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมองว่าดัชนี PPI ปรับตัวขึ้นไม่มากนัก ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในสหรัฐยังอยู่ในระดับที่สามารถ ควบคุมได้ และอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังสามารถตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
- กระทรวงพาณิชย์ของ สหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนสิงหาคมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 8.8% จากเดือนกรกฎาคม แตะระดับ 4.63 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากมูลค่าการนำเข้าสินค้าของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา
อาทิตย์ที่
14 — 15 ต.ค. 2553
ข้อมูลที่น่าจับตา
ตัวเลขเดิม
ตัวเลขคาดการณ์ตัวเลขจริง
วันพฤหัสบดี
? PPI
? Trade Balance
? Unemployment Claims
0.4%
-42.8B
445K
0.2%
-43.5B
448K
0.4%
-46.3B
462K
วันศุกร์
? Fed Chairman Bernanke Speaks
? Core CPI
? Core Retail Sales
? Retail Sales
? CPI
? EmpireStateManufacturing Index
? Prelim UoM Consumer Sentiment
? Business Inventories
? Federal Budget Balance
-
0.0%
0.6 %
0.4%
0.3%
4.1
68.2
1.0%
-90.5B
-
0.1%
0.4%
0.5%
0.2%
7.1
68.8
0.5%
-32.3B