กรุงเทพฯ--15 ต.ค.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
2 นางสาวไทยรุ่นพี่ แนะสาวงามรุ่นน้องที่มาสมัครประกวดนางสาวไทย 2553 ปีนี้คึกคัก มีนางงามเวทีอื่น หมอฟัน พยาบาล นักกีฬา ไฮโซ อาจารย์ และนักเรียนนอก ร่วมประชันโฉมบนเวทีอันทรงเกียรตินี้ ร่วม 300 คน
หลังจากเปิดรับสมัครสาวงามทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายนจนถึง 3 ตุลาคมที่ผ่านมา ร่วมประชันโฉมบนเวทีการประกวดนางสาวไทย ปี 2553 ภายใต้แนวคิด “งามอย่างยั่งยืน” มีสาวงามที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติต่อคิวยื่นใบสมัครรวมทั้งสิ้นร่วม 300 คน ณ อสมท ถนนพระราม 9 โดยมี 2 นางสาวไทยรุ่นพี่ บุ๋ม — พรรณประภา ยงค์ตระกูล นางสาวไทย ปี 2551 และโจอี้ — อรวิภา กนกนทีสวัสดิ์ นางสาวไทยปี 2552 เป็นผู้รับสมัคร และให้คำแนะนำแก่สาวงามที่มาสมัครประกวดนางสาวไทย ปี 2553 ซึ่งปีนี้ได้รับความสนใจจากสาวงามมากมายทั้งนักศึกษาในระดับปริญญาตรี และปริญญาโท รวมถึงสาวงามจากหลากหลายวงการ อาทิ หมอฟัน พยาบาล อาจารย์ นักกีฬา ไฮโซ นักเรียนนอก และนางงามจากเวทีอื่น ซึ่งหลังจากนี้กองประกวดจะทำการคัดเลือกสาวงามเพื่อเข้าสู่รอบ 124 คน, 40 คน และ 18 คนสุดท้าย โดยจะจัดแถลงข่าวเปิดตัวผู้เข้าสู่รอบ 18 คนสุดท้าย ในวันที่ 8 ตุลาคมศกนี้ ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ ถนนรางน้ำ และรอบตัดสินกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 21 ตุลาคม 2553 ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ ถนนรางน้ำ เช่นกัน
บุ๋ม — พรรณประภา ยงค์ตระกูล นางสาวไทย ปี 2551 เผยคำแนะนำให้แก่สาวงามที่เข้าประกวดนางสาวไทย ปี 2553 ว่า “นางสาวไทยเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ และต้องรับใช้สังคม และอยากให้กำลังใจน้องๆ เพื่อนๆ ที่เข้ามาสมัครประกวดในครั้งนี้ว่า ประสบการณ์นี้จะเป็นประสบการณ์ที่มีค่าครั้งหนึ่งในชีวิตที่หาไม่ได้จากที่ไหน ไม่ได้ตำแหน่งไม่เป็นไร อย่าสิ้นหวัง อยากให้ทุกคนทำให้เต็มที่แล้ว ทำให้ดีที่สุดค่ะ”
ด้าน โจอี้ — อรวิภา กนกนทีสวัสดิ์ นางสาวไทยปี 2552 เผยว่า “วันนี้โจอี้ได้แนะนำผู้ที่มาสมัครเข้าประกวด นางสาวไทยในปีนี้ว่า อยากให้ทุกคนตอบคำถามด้วยความมั่นใจ ตอบอย่างมีสติ และมีความเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งอยากจะบอกว่าทุกรอบของการคัดเลือก คณะกรรมการจะสัมภาษณ์อย่างเข้มข้นมาก รวมถึงความสามารถพิเศษที่ทุกคนกรอกในใบสมัครด้วย จะต้องเป็นสิ่งที่ตัวเองทำได้จริงๆ เพราะการให้คะแนนส่วนหนึ่งกรรมการก็ดูจากความสามารถในจุดนี้ด้วย และอยากให้ทุกคนตีความหมายของแนวคิดการประกวดให้ได้ เช่นปีนี้ที่มีแนวคิด “งามอย่างยั่งยืน” นั้น ในความคิดของผู้สมัครหมายถึงอะไร ซึ่งโจอี้เชื่อค่ะว่า ถ้าผู้สมัครสามารถตีโจทย์ตรงนี้ได้ คุณก็มีโอกาสที่จะสามารถเป็นนางสาวไทยได้ค่ะ”
บรรยากาศของการเปิดรับสมัครประกวดนางสาวไทย 2553 ตลอดทั้ง 5 วัน คลาคล่ำไปด้วยสาวงามจากทั่วประเทศ โดยปีนี้ที่น่าในใจ ได้แก่ นส.กฤชกร หอมบุญญาศักดิ์ นางงามเชียงใหม่ ปี 2553, นส. ณัฐธิดา ทองเกษม เทพีหางดง ปี 2553, นส.สกาวรัตน์ ครุยทอง เจ้าของตำแหน่ง Editor’s Choice 2009 จากเวทีไทยซุปเปอร์โมเดล 2009 รวมถึงไฮโซสาว โอบอุ้ม-วัฒน์ธิดา ชุมสาย ณ อยุธยา บุตรีของ ดร.ปาริชาติ ชุมสาย ณ อยุธยา และ สุวัฒน์ สุขสงเคราะห์
นอกจากนี้ยังมีสาวงามหลายแวดวง อาทิ วงการแพทย์ ทันตเพทย์ อมรรัตน์ มโนสุดประสิทธิ์ จาก โรงพยาบาลทันตกรรม คณะทันตแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ นส.วนิดา เหมหา นางพยาบาลตึกผู้ป่วยวิกฤตทางอายุรกรรม โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า, วงการศึกษา เช่น นส.อนรรฆนง พิชิตธนารัตน์ อาจารย์เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยีภาคตะวันออก วงการกีฬา นส.ประภาภรณ์ แสงนรินทร์ อดีตนักกีฬาเทควันโด ทีมชาติ ปี 2549-2552 และ นส. ณัฐกานต์ กองมณี อดีตนักกีฬาเทควันโดเหรียญทองจังหวัดลำพูน ภาค 5 การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งประเทศไทย 2547 วงการท่องเที่ยว นส.ธิตยานันท ใหม่สุวรรณ แห่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ที่คึกคักเป็นพิเศษจากเด็กนักเรียนนอก อาทิ นส.พิมพ์รติ สิริกรัณย์ นักศึกษาปริญญาตรีจากอเมริกา สาขา Corporate Communications จาก Northern Illinois University และ นส.อรพันธ์ วัชรพุกก์ นักศึกษาปริญญาโทจากอเมริกา คณะบริหารธุรกิจต่างประเทศ มหาวิทยาลัย California State, Fullerton รวมทั้งนักศึกษาในประเทศจากหลากหลายคณะ อาทิ คณะแพทยศาสตร์, เศรษฐศาสตร์, สาธารณสุขศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์, รัฐศาสตร์, บัญชี, บริหารธุรกิจ, มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, มนุษยศาสตร์, นิเทศศาสตร์, กายภาพบำบัด, อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ, วิทยาศาสตร์, คณะศิลปกรรมศาสตร์ และคณะพยาบาลศาสตร์ ที่มาพร้อมด้วยความสามารถพิเศษ อาทิ มวยไทย ลีลาศ มายากล ฟ้อนรำ เดินแบบ เทควันโด เป็นต้น
มาร่วมลุ้นกันว่าหนึ่งในสาวงามเหล่านี้ ใครจะมีโอกาสได้เข้าสู่รอบ 18 คนสุดท้าย ในการประกวดนางสาวไทย ปี 2553 โดยในวันที่ 4-6 ตุลาคมศกนี้ ทางกองประกวดจะทำการคัดเลือกผู้สมัครทั่วประเทศเหลือ 124 คน , 40 คน และ 18 คน โดยจะมีงานแถลงข่าวผู้ผ่านเข้ารอบ 18 คนสุดท้าย ในวันที่ 8 ตุลาคมศกนี้ ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ ถนนรางน้ำ และรอบตัดสินกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 21 ตุลาคม 2553 ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ ถนนรางน้ำ เช่นกัน
ส่วนหนึ่งของสาวงามลงสมัครประกวดนางสาวไทย 2553 ได้แสดงความคิดเห็นในการสมัครประกวดในครั้งนี้
นางงามเชียงใหม่ปีล่าสุด กิ๊ฟ — น.ส.กฤชกร หอมบุญญาศักดิ์ นักศึกษาปริญญาตรี ปี 2 คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่า “กิ๊ฟอยากสานต่อจากเวทีนางงามเชียงใหม่ สู่นางงามระดับประเทศ เพราะที่ผ่านมาในระยะหลังๆ ไม่เคยมีนางงามเชียงใหม่ได้ตำแหน่งนางสาวไทยเลยค่ะ ถ้าถามว่าความงามอย่างยั่งยืนคืออะไร กิ๊ฟเชื่อว่าต้องเริ่มมาจากจิตใจค่ะ เพราผู้หญิงเราไม่เพียงแต่ต้องสวยทั้งรูปร่างหน้าตาแล้ว แต่ต้องมีความสุขจากข้างในจิตใจด้วยค่ะ เมื่อเรามีความสุขจากภายในก็จะสะท้อนออกมาเองค่ะ ส่วนตัวกิ๊ฟว่าการได้ตำแหน่งมาก่อนก็มีข้อดีเพราะว่าสามารถนำมาปรับใช้กับเวทีนางสาวไทย แต่กิ๊ฟก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่จะทำให้ดีที่สุด”
ในขณะที่ นุ่น — ณัฐธิดา ทองเกษม เทพีหางดง ปี 2553 และยังเป็นทูตไบเออร์เพื่อสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย ปี 2551 “แม้ว่าการประกวดนางสาวไทย จะเป็นหนึ่งในความฝันวัยเด็กของนุ่น แต่เหตุผลหลักของการมาสมัครประกวดในครั้งนี้ นุ่นคิดว่าหากนุ่นมีโอกาสได้เป็นนางสาวไทย สิ่งนี้จะเป็นต้นทุนทางสังคมให้นุ่นสามารถทำงานเพื่อสิ่งแวดล้อมที่นุ่นทำมาตลอด 7 ปี ได้มากขึ้น เพราะสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่มนุษย์ต้องอาศัยพึ่งพา และปัจจุบันสิ่งแวดล้อมกำลังอยู่ในภาวะวิกฤตค่ะ”
ด้าน ลูกน้ำ — สกาวรัตน์ ครุยทอง เจ้าของตำแหน่ง Editor’s Choice 2009 จากเวทีไทยซุปเปอร์โมเดล 2009 เผยว่า “นางงามก็เป็นอีกหนึ่งความฝันของลูกน้ำค่ะ แม้จะเคยมีประสบการณ์จากการประกวดเวทีอื่นมาก่อน แต่ก็ตื่นเต้นเสมอ ลูกน้ำคิดว่าการประกวดจะให้ประสบการณ์ มิตรภาพ และยังให้เราได้ร่วมทำกิจกรรมอะไรหลายๆ อย่างที่จะมีค่าและประสบการณ์ที่จะหาไม่ได้จากที่ไหน แม้ว่านางงามกับนางแบบจะต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของการเดิน การพูดจาตอบคำถาม แต่ก็สามารถนำมาปรับใช้กันได้ค่ะ”
ส่วนไฮโซสาว โอบอุ้ม-วัฒน์ธิดา ชุมสาย ณ อยุธยา นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ บุตรีของ ดร.ปาริชาติ ชุมสาย ณ อยุธยา และ สุวัฒน์ สุขสงเคราะห์ เผยว่า “เวทีการประกวดนางสาวไทยเป็นเวทีหนึ่งที่มีความสง่างาม ที่ยังเป็นเวทีที่ส่งเสริมให้วัยรุ่นหญิงไทย ได้แสดงความรู้ความสามารถที่เป็นไทยอย่างแท้จริง และยังเป็นเวทีการประกวดสาวงามที่ไม่ได้ค้นหาสาวงามเพื่อไปประกวดเวทีอื่นๆ ต่อ แต่กลับหาญิงสาวที่พร้อมจะทำภารกิจเพื่อช่วยเหลือสังคม จึงคิดว่าเวทีนี้เหมาะสมกับตัวเอง ที่โอบอุ้มชอบทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม เนื่องจากที่บ้านตัวเองมีมูลนิธิเช่นกันค่ะ คือ มูลนิธิ เฉลิมขวัญ ชุมสาย ณ อยุธยา โอบอุ้มจึงเข้าใจและคลุกคลีสิ่งเหล่านี้ เพราะถูกปลูกฝังมาจากคุณแม่ตั้งแต่เด็ก ให้เป็นคนมีจิตสาธารณะช่วยเหลือสังคมค่ะ”
ส่วน 2 สาวนักเรียนนอก แป้ง-พิมพ์รติ สิริกรัณย์ เพิ่งสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีจาก Corporate Communications มหาวิทยาลัย Northern Illinois เผยว่า “แป้งอยู่อเมริกาตั้งอายุ 5 ขวบ ทำให้ทราบถึงสายตาของคนต่างชาติที่เขามองมายังประเทศไทย แป้งอยากช่วยปรับปรุงให้คนต่างชาติมองประเทศเราดีขึ้น ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว อยากมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมดีๆ ให้กับสังคมไทย ถึงแม้แป้งจะใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก แต่แป้งก็สำนึกเสมอว่า แป้งเป็นคนไทย” และ ออร่า-อรพันธ์ วัชรพุกก์ อายุ 25 ปี จบการศึกษาปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจต่างประเทศ มหาวิทยาลัย California State, Fullerton เผยว่า “ออร่าเพิ่งเรียนจบค่ะ ทำให้มีความพร้อมในการทำในสิ่งที่อยากทำ ออร่าอยากหาประสบการณ์ใหม่ เพราะในปัจจุบันโอกาสดีๆ หายากขึ้นทุกวัน โอกาสไม่วิ่งเข้ามาหาเราง่ายๆ แต่เราต้องเป็นฝ่ายวิ่งเข้าหาโอกาส นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เรียนรู้วัฒนธรรม ได้เพื่อนใหม่อีกด้วยค่ะ”
ด้าน คุณหมอฟัน อิ๋ง - ทันตแพทย์หญิง อมรรัตน์ มโนสุดประสิทธิ์ จาก โรงพยาบาลทันตกรรม คณะทันตแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยว่า “อยากลองมาหาประสบการณ์ค่ะ และคิดว่าเวทีนี้เป็นเวทีที่มีเกียรติ เพราะหากพูดถึงนางงาม ก็จะต้องนึกถึงนางสาวไทยค่ะ และตัวเองก็ยังไม่เคยผ่านการประกวดที่เวทีไหนเลย เวทีนี้เป็นเวทีแรกในชีวิต ซึ่งคิดว่าหากไม่ได้ตำแหน่งอะไรใดๆ เลย แค่ได้เข้ามาสัมผัส ก็นับเป็นการเปิดโลกทัศน์ที่กว้างขึ้น และหากมีโอกาสได้เข้าไปสู่รอบอื่นๆ แม้จะไม่ได้ไปจนถึงรอบเข้าชิงชนะเลิศ ก็ถือว่าเรามีโอกาสมากกว่าคนอื่นๆ ในการได้มาพัฒนาบุคลิกภาพ ความคิด และการเข้าสังคม ในอีกระดับหนึ่งค่ะ”
ในขณะที่ แนท-ณัฐกานต์ กองมณี อดีตนักกีฬาเทควันโด จังหวัดลำพูน เหรียญเงิน ภาค 5 การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งประเทศไทย ปี 2547 และกำลังศึกษาคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่า “แนทประทับใจ และรู้สึกชื่นชมกับการประกวดนางสาวไทยมากค่ะ ทำให้อยากลองเข้ามาประกวดดู กิจกรรมต่างๆ ของนางสาวไทย เป็นกิจกรรมที่ดี ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีโอกาสได้ทำ แต่ต้องอาศัยความพร้อม ต้องสวย เก่ง และฉลาด ควบคู่กันไป แนทอยากได้โอกาสที่ดีเหล่านี้บ้างค่ะ จึงตัดสินใจที่จะเข้ามาสมัคร อย่างน้อยเราก็ได้พยายามแล้วค่ะ”
ส่วน แอน - นส.ศิริลักษณ์ พิชยานุวรรต นักศึกษาปริญญาโท คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เผยว่า “เวทีนางสาวไทยมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนค่ะ คือ งามอย่างไทย สวยอย่างไทย ซึ่งเป็นเวทีที่สะท้อนความเป็นผู้หญิงไทยอย่างแท้จริง เช่น การไม่สวมชุดว่ายน้ำในที่สาธารณะ และตัวเองในฐานะที่เป็นผู้หญิงไทยที่มีคุณสมบัติพร้อม จึงอยากลองมาหาประสบการณ์ใหม่ๆ มาฝึกความกล้าแสดงออก ฝึกบุคลิกภาพ ซึ่งเป็นโอกาสที่หาที่ไหนไม่ได้ค่ะ”
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทร.0-2434-8300 สุจินดา, แสงนภา, ภัควลัญชญ์