กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--ก.ไอซีที
นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินงานภายหลัง “การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงยุติธรรม ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีสารสนเทศ” ว่า หลังจากที่ได้มีการสนธิกำลัง 3 กระทรวงแล้ว ได้มีการบูรณาการความร่วมมือและประสานงานทั้งด้านนโยบายและการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยได้มีการกำหนดแนวทางความร่วมมือตามข้อตกลง 3 กระทรวงไว้ 4 ข้อหลักๆ คือ 1.กำหนดนโยบายและปฏิบัติการตามกฎหมายและภารกิจของกระทรวง 2.สนับสนุน ประสานงาน แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร สนับสนุนเครื่องมือ อุปกรณ์ กำลังเจ้าหน้าที่ และผู้ปฏิบัติงานในระหว่างหน่วยงานของแต่ละกระทรวงและหน่วยงานภาคี รวมทั้งการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานของแต่ละกระทรวงและหน่วยงานภาคีเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามกฎหมายของแต่ละกระทรวงโดยเร็ว 3.สนับสนุนและประสานงานกันในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายของแต่ละกระทรวงเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายและการปฏิบัติงานของแต่ละกระทรวงและการปฏิบัติงานร่วมกันตามบันทึกข้อตกลงนี้ และ 4.จัดการประชุมประสานงานทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติการเพื่อให้เกิดการประสานงานที่ดีระหว่างกัน รวมทั้งพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมบันทึกข้อตกลงนี้ให้มีความเหมาะสม เพื่อให้การปฏิบัติการร่วมกันตามบันทึกข้อตกลงนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและถาวร
“ในการดำเนินงานตามข้อตกลงความร่วมมือ 3 กระทรวงนั้น จำเป็นต้องมีการจัดทำ Road Map เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติการ โดยได้มอบหมายให้สำนักกำกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ กระทรวงไอซีที เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดทำแผนงาน กระบวนการ และขั้นตอนการทำงานที่กระชับชัดเจนเป็นรายไตรมาส รวมถึงจัดทำระบบสารสนเทศอินทราเน็ตสำหรับการทำงานร่วมกันระหว่าง 3 กระทรวงด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการออกแบบเพื่อนำไปประยุกต์ใช้
ส่วนการติดตามความคืบหน้าการดำเนินการและวางแผนปฏิบัติการตามข้อตกลงความร่วมมือ 3 กระทรวงนั้น ได้สั่งการให้จัดทำระบบการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ หรือ Video Conference System สำหรับใช้ในการประชุมหารือร่วมกัน รวมทั้งให้มีการตั้งคณะทำงานติดตามความคืบหน้าการดำเนินการและวางแผนปฏิบัติการตามข้อตกลงความร่วมมือ 3 กระทรวง โดยมีผู้แทนจากแต่ละกระทรวงไม่น้อยกว่า 5 คน มีที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นที่ปรึกษาของคณะทำงาน” นายจุติ กล่าว
นอกจากนี้ยังให้มีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจที่มีความสามารถทั้งในด้านกฎหมาย ด้านวัฒนธรรม ด้านสืบสวนสอบสวนจากแต่ละกระทรวงให้มาดำเนินงานร่วมกัน โดยตรวจสอบคุณสมบัติพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเคยได้รับแต่งตั้งแล้ว และสอบถามถึงความพร้อมที่จะเข้ามาร่วมดำเนินการในคณะทำงานเฉพาะกิจ รวมถึงจัดให้มีสถานที่กลางสำหรับประชุมหารือของคณะทำงานเฉพาะกิจ และให้มีการประชุมเป็นประจำเพื่อดำเนินงานร่วมกัน ส่วนการแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 นั้น จะมีการฝึกอบรมเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อนมีการ ลงนามแต่งตั้ง
พร้อมกันนี้ยังสนับสนุนให้มีอาสาสมัครเข้ามาปฏิบัติงาน โดยนำบุคคลที่มีความสมัครใจเข้ามาปฏิบัติหน้าที่คัดกรอง และรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมาย กระทบต่อสถาบันหลักของชาติ สื่อลามกอนาจาร การพนันออนไลน์ ยาเสพติด อาหาร ยา และอื่นๆ แล้วส่งให้กระทรวงฯ เพื่อพิจารณาดำเนินการ ซึ่งกระทรวงไอซีที สามารถดำเนินการผ่านโครงการศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ที่มีอยู่ทั่วประเทศได้ โดยให้มีการรับอาสาสมัครจากภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ทหาร สมาคมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมอื่นๆ และอาสาสมัครในเครือข่ายของกระทรวงวัฒนธรรม ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการคัดกรองและรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น รวมทั้งให้ใช้ช่องทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม “ยุติธรรม แชนแนล” ของกระทรวงยุติธรรม ในการสร้างเครือข่าย ตลอดจนการประชาสัมพันธ์การดำเนินงานด้วย
สำหรับประเด็นการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายของแต่ละกระทรวงนั้น ได้มอบหมายพันตำรวจเอกญาณพล ยั่งยืน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปทบทวน เสนอแนะ ข้อดี ข้อด้อย ของกฎกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะการดำเนินงานทั้งในปัจจุบันและในอนาคต