ปภ. รายงานสถานการณ์อุทกภัย ๒๗ จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุกทกภัยอีก ๑๗ จังหวัด

ข่าวทั่วไป Tuesday October 19, 2010 09:06 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ต.ค.--ปภ. กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานภาวะฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ทำให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยใน ๒๗ จังหวัด ๗๘ อำเภอ ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ๑๐ จังหวัด แต่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ ๑๗ จังหวัด ได้แก่ พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท อ่างทอง อยุธยา นครราชสีมา เพชรบุรี ระยอง ตราด สระแก้ว ปราจีนบุรี ลพบุรี ชัยภูมิ ศรีสะเกษ นครนายก เพชรบูรณ์ สระบุรี นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านประเทศไทย ทำให้มีฝนตกชุกหนาแน่นหลายพื้นที่ ส่งผลให้เกิดสถานการณ์อุทกภัย ๒๗ จังหวัด ๗๘ อำเภอ ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ๑๐ จังหวัด ได้แก่ เชียงราย น่าน สุโขทัย ลำพูน สิงห์บุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี กาญจนบุรี สมุทรสาคร และชลบุรี แต่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ ๑๗ จังหวัด ได้แก่ พิจิตร น้ำในแม่น้ำยมเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมฝั่งใน ๔ อำเภอ ๑๔ ตำบล ได้แก่ อำเภอสามง่าม โพธิ์ประทับช้าง บึงนางราง และโพทะเล ชัยนาท น้ำท่วมพื้นที่ ๓ อำเภอ ๑๗ ตำบล ๑๗๕ หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอเนินขาม หันคา และสรรพยา อ่างทอง น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่อำเภอป่าโมก ๒ ตำบล พระนครศรีอยุธยา น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำลพบุรี แม่น้ำน้อยเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มการเกษตรใน ๕ อำเภอ ๕๔ ตำบล ๒๙๗ หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน ๔,๔๙๔ ครัวเรือน ๑๓,๙๗๗ คน ได้แก่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา บางไทร มหาราช ผักไห่ และบางบาล เพชรบุรีน้ำท่วมพื้นที่ ๘ อำเภอ ๗๙ ตำบล ขณะนี้ยังคงมีน้ำท่วมขัง ๒ อำเภอ ได้แก่ อำเภอบ้านแหลม และบ้านลาด ระยอง น้ำท่วมในพื้นที่ ๒ อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองระยอง และวังจันทร์ ตราด เกิดน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มในพื้นที่ ๒ อำเภอ ได้แก่ อำเภอเกาะช้าง และแหลมงอบ สระแก้ว น้ำท่วมในพื้นที่ ๔ อำเภอ ๑๐ ตำบล ได้แก่ อำเภออรัญประเทศ วังน้ำเย็น ตาพญา และโคกสูง นครราชสีมา น้ำท่วมในพื้นที่ ๑๔ อำเภอ ๑๑๒ ตำบล ได้แก่ อำเภอเมืองนครราชสีมา ปักธงชัย โชคชัย ปากช่อง สูงเนิน ด่านขุนทด สีคิ้ว เฉลิมพระเกียรติ เสิงสาง พระทองคำ ขามทะเลสอ เทพารักษ์ คง และโนนไทย ปราจีนบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ ๒ อำเภอ ได้แก่ อำเภอนาดี และกบินทร์บุรี ความเสียหายอยู่ในระหว่างการสำรวจ ลพบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ ๑๑ อำเภอ ๗๕ ตำบล ได้แก่ อำเภอเมืองลพบุรี โคกสำโรง ชัยบาดาล พัฒนานิคม ลำสนธิ ท่าหลวง หนองม่วง สระโบสถ์ โคกเจริญ บ้านหมี่และท่าวุ้ง นครสวรรค์ น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอท่าตะโก ร วม ๓ ตำบล ความเสียหายอยู่ในระหว่างการสำรวจ ชัยภูมิ น้ำท่วมในพื้นที่ ๒ อำเภอ ได้แก่ อำเภอบำเหน็จณรงค์ และจัตุรัส ความเสียหายอยู่ในระหว่างการสำรวจ สระบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ ๓ อำเภอ ได้แก่อำเภอเมืองสระบุรี หมวกเหล็ก และเสาไห้ ความเสียหายอยู่ในระหว่างการสำรวจ ศรีสะเกษ น้ำล้นสปริงเวย์เข้าท่วมในพื้นที่ตำบลกันทรอม อำเภอขุนหาญ ความเสียหายอยู่ในระหว่างการสำรวจ นครนายก น้ำท่วมในอำเภอบ้านนา ๒ ตำบล ราษฎรเดือดร้อน ๕๐๐ ครัวเรือน ๑๕๐๐ คน เพชรบูรณ์ น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอวิเชียรบุรี รวม ๑๔ ตำบล นอกจากนี้ ได้เกิดฝนตกหนัก ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมเส้นทางสายต่างๆ รวม ๘ สาย ดังนี้ จังหวัดนครราชสีมา ๓ สาย ได้แก่ ถนนสาย ๒๐๑ สีคิ้ว-ด่านขุนทด-ชัยภูมิ สาย ๒ ปากช่อง-ชัยภูมิ อำเภอปากช่อง สาย ๒๐๖๘ ทางเข้าอำเภอขามทะเลสอ จังหวัดสระแก้ว ได้แก่ ถนนสาย ๓๓๖๖ ท่าข้าม-หนองเอี่ยน อำเภออรัญประเทศ จังหวัดนครสวรรค์ ถนนสาย ๑๑ นองกลับ-คลองวัวมะเดื่อ อำเภอหนองบัว จังหวัดลพบุรี ๓ สาย ได้แก่ ถนนสาย ๒๐๕ ฉลุงเหล็ก-โคกสำโรง-ลำนารายณ์-ลำสนธิ อำเภอโคกสำโรง สาย ๒๒๔๗ เขาน้อย-จงโก อำเภอลำสนธิสาย ๒๓๔๐มหาโภชน์-สระโบสถ์ อำเภอชัยบาดาล รวมถึงการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ประกาศปิดเส้นทางรถไฟสายเหนือสถานีช่องแค — สถานีจันเสน ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือสถานีโคกกรวด - สถานีกุดจิก สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ๒ สุพรรณบุรี และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ประสบภัยได้ประสานความร่วมมือกับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัย จัดส่งเรือท้องแบน ๙๑ ลำ รถผลิตน้ำ ๔ คัน รถบรรทุกน้ำ ๗ คัน รถบรรทุกขวดน้ำ ๑ คัน รถแมคโคร ๔ คัน รถส่องไฟฟ้า ๒ คันรถเครน ๘ คัน รถบรรทุก ๕ คัน เต็นท์พักอาศัยชั่วคราว ๔๕ หลัง เครื่องสูบน้ำ ๒ เครื่อง กำลังพล ๙๒ นาย และถุงยังชีพ ๓,๓๐๐ ถุง สนับสนุนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว ตลอดจนเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ สุดท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือทางสายด่วนนิรภัย ๑๗๘๔ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง เพื่อประสานและให้ความช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ