บลจ.ไทยพาณิชย์โชว์ผลตอบแทน กอง LTFแจ่มสูงกว่า43% พร้อมปันผลรวมกว่า 1,400 ล้าน คาดไตรมาสสุดท้ายยังโตแม้ดัชนีหุ้นแตะพันจุด แนะลงทุนตามความเสี่ยง

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday October 19, 2010 14:03 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ต.ค.--PRdd นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึง สถานการณ์การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ในขณะนี้ว่า ถึงแม้ปัจจุบันดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 1,000 จุดแล้วก็ตาม แต่เชื่อว่ากองทุน LTF ยังคงมีอัตราการเติบโตไปจนถึงสิ้นปี และยังสามารถลงทุนได้ เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาว ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มที่ปรับตัวขึ้นต่อไปได้อีก แม้ว่าอาจมีการปรับฐานเป็นระยะๆ เนื่องจากได้รับปัจจัยเชิงบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศเอง รวมทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐจากการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ต่างๆ ผนวกกับได้รับอานิสงส์จากการอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่งผลให้เม็ดเงินดังกล่าวไหลเข้ามาในประเทศไทยด้วย อย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่คิดจะลงทุนในกองทุน LTF ควรคำนึงถึงพฤติกรรมการลงทุน หรือความสามารถในการรับความเสี่ยงของผู้ลงทุนเองด้วย และเลือกลงทุนให้เหมาะสมกับสไตล์ของตนเอง โดยปัจจุบัน บลจ.ไทยพาณิชย์ มีกองทุน LTF ให้เลือกจำนวน 6 กองทุน ซึ่งมีนโยบายที่สามารถตอบสนองระดับความเสี่ยงและความคาดหวังผลตอบแทนของนักลงทุนที่แตกต่างกัน คือตั้งแต่ความเสี่ยงที่ต่ำกว่าตลาด เช่น กองทุน SCBLTS จะลดความผันผวนโดยการทำ hedging SET50 Futures ไว้ประมาณ 30-35% ซึ่งจะเป็นตัวช่วยลดความผันผวนได้ในกรณีที่หุ้นตก กองทุน SCBLT1 มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเพียง 70% ส่วนอีก 30% ลงทุนในตราสารหนี้ ทั้งนี้สำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงที่มากขึ้นได้ โดยคาดหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้น มีกองทุน SCBLT2, SCBLT3, SCBLTT และ SCBLT4 โดยที่กองทุน SCBLT2 ลงทุนในหุ้น 100% โดยเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ ส่วนกองทุน SCBLT3 จะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีอัตราการเติบโตของผลกำไรสูง ขณะที่กองทุน SCBLTT จะมีนโยบายการลงทุนคล้ายกับ SCBLT3 แต่ต่างกันที่ SCBLTT จะมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในขณะที่ SCBLT3 ไม่มี ส่วนกองทุนสุดท้ายคือ SCBLT4 จะมีการกระจายการลงทุนที่มากขึ้น โดยมีการนำเงินบางส่วนไปลงทุนในต่างประเทศ สำหรับผลการดำเนินงานกองทุน LTF ของบลจ.ไทยพาณิชย์ในปีนี้ อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ มีกองทุนที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าตลาดหลักทรัพย์ซึ่งอยู่ที่ 35.14% จำนวน 2 กองทุนคือ กองทุน SCBLT3 ให้ผลตอบแทนไปแล้วถึง 43.14% (ณ 13 ต.ค.53) และกองทุน SCBLTT ให้ผลตอบแทน 41.92% อีกทั้งยังจ่ายเงินปันผลกองทุน LTF ไปแล้วจำนวน 3 กองทุน คือกองทุน SCBLT1 กองทุน SCBLT4 และกองทุน SCBLTT จำนวน 15 ครั้งนับแต่จัดตั้งกองทุน รวมมูลค่า 1,481.86 ล้านบาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล กองทุน SCBLT1 อยู่ที่ 17.75% กองทุน SCBLT4 อยู่ที่ 5% และกองทุน SCBLTT อยู่ที่ 8.40% “ในสิ้นปีนี้ เราคาดว่าตลาดหุ้นน่าจะไปยืนเหนือ 1,050 จุดได้ และปีหน้าจะไปลุ้นที่ 1,200 จุด จากปัจจัยที่กล่าวข้างต้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่ต้องการผลประโยชน์ทางภาษี แต่ยังไม่มีความคุ้นเคยกับความผันผวนของการลงทุนในกองทุน LTF และเห็นว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ได้ปรับตัวขึ้นมาสูงแล้ว อาจจะเริ่มลงทุนกับกองทุนที่มีความผันผวนต่ำก่อนได้ เช่น กองทุน SCBLTS และ กองทุน SCBLT1 และเมื่อมีความคุ้นเคยกับความผันผวนแล้วจึงค่อยกระจายการลงทุนไปสู่กองทุนที่มีความเสี่ยงและผลตอบแทนมากขึ้น อย่างกองทุน SCBLT2, SCBLT3, หรือ SCBLT4” นางโชติกากล่าว ทั้งนี้ ล่าสุดบลจ.ไทยพาณิชย์ ยังได้ออกแคมเปญ “ลดหย่อนภาษีวันนี้ บินฟรีถึงสิงคโปร์” เพื่อกระตุ้นยอดขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี พร้อมของรางวัลอื่นๆอีกมากโดยจะให้สิทธิย้อนหลังสำหรับลูกค้าที่ลงทุนในกองทุนดังกล่าวมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 53 หรือมีการลงทุนในช่วงนี้ไปจนถึง 30 ธ.ค. นี้ โดยจะนับยอดรวมทั้งรายการซื้อ สับเปลี่ยนเข้า หรือการโอนมาจากบลจ.อื่น สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขา ตัวแทนจำหน่าย หรือ บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด โทร.02-777-7777 กด 0 กด 6 หรือ www.scbam.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ