สินเชื่อไทยพาณิชย์ขยายตัว 9.8% ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า ส่งให้ผลประกอบการดีต่อเนื่องในไตรมาส 3/2553

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 20, 2010 08:56 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ต.ค.--ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2553 แสดงการเจริญเติบโตที่ดีสอดคล้องกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ สินเชื่อมีการขยายตัวถึง 9.8% เทียบกับปีก่อนหน้า โดยเป็นการขยายตัวไปในทุกกลุ่มลูกค้า ในส่วนของคุณภาพสินเชื่อปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนและสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ได้ลดลงมาอยู่ที่ 3.98% ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดใน รอบ 10 ปี ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/2553 ธนาคารมีกำไรสุทธิสูงถึง 6.5 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 24.6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552 หรือเพิ่มขึ้น 21.9% จากไตรมาสก่อนหน้า) กำไรสุทธิในระดับดีนี้มาจากการเจริญเติบโตอย่างแข็งแกร่งในธุรกิจทุกๆ ด้าน ซึ่งธนาคารเชื่อมั่นว่าธนาคารจะสามารถสร้างการเจริญเติบโตทางธุรกิจได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับปี 2553 ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ให้ความเห็นต่อผลประกอบการไตรมาส 3/2553 ว่า “ผลประกอบการที่แข็งแกร่งสะท้อนถึงการมียุทธศาสตร์ทางธุรกิจที่ถูกต้อง ตลอดจนความสามารถในการเดินตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้จนเกิดผลสำเร็จ การที่ธนาคารสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธนาคารเดินหน้าและเจริญเติบโตได้ด้วยดีแม้ว่าสภาพแวดล้อมทางธุรกิจยังมีความไม่แน่นอนอยู่มากก็ตาม นอกจากนี้ ธนาคารยังมุ่งสร้างโอกาสทางธุรกิจที่จะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวอีกด้วย ศักยภาพที่โดดเด่นเหล่านี้เป็นผลสำเร็จจากโครงการปรับปรุงธนาคารที่มีมาอย่างต่อเนื่อง” ผลกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2553 ที่เติบโตแข็งแกร่งมาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ธนาคารสามารถขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้น 9.8% เทียบกับปีก่อนหน้าตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเป็นการขยายตัวของสินเชื่อในทุกกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าธุรกิจขนาดเล็ก (small SME) และลูกค้าสินเชื่อรถยนต์ซึ่งเป็นกลุ่มที่ ธนาคารได้ตั้งเป้าหมายที่จะขยายส่วนแบ่งทางการตลาดมาตั้งแต่ต้นปี คุณภาพสินเชื่อปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนโดยสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ได้ลดลงมาอยู่ที่ 3.98% ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี ขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพปรับตัวสูงขึ้นเกินกว่าระดับ 100% เป็นครั้งแรก การปรับตัวที่ดีขึ้นของคุณภาพสินเชื่อสะท้อนถึงการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจไทย รวมถึงความเข้มแข็งในระบบการให้สินเชื่อและการบริหารความเสี่ยงของธนาคาร ผลกำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้นอย่างมากถึง 24.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และ 21.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2553 โดยปัจจัยหลักมาจาก 1) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ที่โตขึ้น 7.9% จากการเติบโตของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ และการขยายตัวของสินเชื่อ 2) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย เติบโตถึง 29% จากธุรกิจบัตร Bancassurance และรายได้อื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องจากการให้สินเชื่อเป็นหลัก นอกจากนี้ ธนาคารมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก และมีรายได้เพิ่มจากค่าธรรมเนียมบริการในกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และลูกค้าธุรกิจ SME ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์ทางธุรกิจของธนาคาร ทั้งนี้ ธนาคารเชื่อมั่นว่า ธนาคารจะสามารถสร้างความเติบโตทางธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องและเป็นไปตามเป้าหมายธุรกิจของปี 2553 ที่ได้ตั้งไว้ กล่าวคือ อัตราผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) จะอยู่ที่ 16-18% ขณะที่การให้สินเชื่อจะขยายตัว 7-10% และรายได้ ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น15% หรือในระดับที่สูงกว่า นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ให้ความเห็นว่า “ผลประกอบการที่ดีในไตรมาสนี้ สะท้อนถึงความสามารถของธนาคารและพนักงานที่ร่วมกันทำงานเพื่อเอาชนะอุปสรรคแต่างๆ ตลอดจนสร้างโอกาสทางธุรกิจแม้ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันมากขึ้น” กรรมการผู้จัดการใหญ่กล่าวเสริมว่า “ความมุ่งมั่นและความทุ่มเททำงานร่วมกันของพนักงานเป็นพลังสำคัญที่ทำให้ธนาคารสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีเยี่ยมต่อลูกค้าและสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอต่อผู้ถือหุ้น”

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ