กรุงเทพฯ--20 ต.ค.--Frost & Sullivan
การประชุมทางวีดีโอ หรือ Video conference ของบริษัทต่างๆในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ได้รับการคาดการณ์ว่าจะขยายตัวขึ้นราวร้อยละ 13.6 (CAGR) จนถึงปี 2559 และมีมูลค่าสูงถึง 820 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับยอดการจัดส่ง (Unit shipments) คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต (CAGR)อยู่ที่ร้อยละ 16.3 (2552-2559)
“รายจ่ายที่เกิดจากการใช้บริการ Video conference ของบริษัทต่างๆในปีที่ผ่านมาและในปี 2553 มีความใกล้เคียงกัน” มร.ปรานาเบช นาจ นักวิเคราะห์จากฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน องค์กรที่ปรึกษาและวิจัยระดับโลกได้ให้ความคิดเห็น ซึ่ง มร.นาจได้คาดการณ์ว่า ข้อสันนิษฐานเชิงบวกอันนี้ จะดำเนินต่อไป หากเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้มีการฟื้นตัว
อัตราการเติบโตของตลาด Video conference ได้ลดลงอย่างรวดเร็วถึงประมาณ 5.4% โดยมีมูลค่าประมาณ 335 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2552 เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกทำให้บริษัทต่างๆ ลดค่าใช้จ่ายลง
“เมื่อปีที่ผ่านมา การลงทุนเรื่อง Video conference จะลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจนมากในภาคธุรกิจ โดยเฉพาะภาคการธนาคารและสถาบันการเงิน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเหล่านี้กลับสูงขึ้นในส่วนของภาครัฐ ” มร.นาจ กล่าว
จากผลการวิจัยของ บริษัท ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน (http://www.conferencing.frost.com) เรื่อง Asia-Pacific Video Conferencing Endpoints Market พบว่าเอเชียแปซิฟิกทั้ง 14 ประเทศ รวมทั้งญี่ปุ่น จะมีรายได้โดยประมาณของ 367.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในสิ้นปีนี้ โดย ขยายตัวร้อยละ 9.5 ต่อปี ในขณะที่ การจัดส่งจะขยายตัวร้อยละ 14.1 หรือประมาณ 108,434 หน่วย
จากรายงานพบว่า ในปีที่ผ่านมา รายจ่ายในสามไตรมาสแรกของทุกประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้นลดลง แต่พอถึงสิ้นปีทุกอย่างก็กลับมาสู่สภาพเดิม มร. นาจให้ข้อสังเกต
ตลอดปีที่ผ่านมา แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกจะอยู่ในช่วงถดถอยแต่ตลาดดังกล่าวยังทรงตัวอยู่ได้จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆจากผู้ผลิตต่างๆ โดยเฉพาะ HD System ที่กำลังเป็นที่นิยมและราคาไม่แพงนัก ดังนั้นจึงทำให้ยอดของตลาดนี้ส่วนใหญ่มาจาก high definition solutions แทบทั้งสิ้น
มร. นาจ คาดว่า ปริมาณการนำ HD มาใช้จะมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี 2559 แม้แต่ในประเทศจีน และ อินเดีย ทั้งนี้เนื่องมาจากราคาต่อหน่วยลดลงและผู้ใช้ต่างก็ตระหนักดีถึงประสิทธิภาพในการใช้งานที่ดีขึ้นของ HD
?
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02 630 1734 Frost & Sullivan