กรุงเทพฯ--21 ต.ค.--ปภ.
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ระบุยังมีพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยเป็นพิเศษ โดยเฉพาะใน 4 อำเภอของจังหวัดนครราชสีมา 3 อำเภอในจังหวัดลพบุรี รวมถึงพื้นที่จังหวัดขอนแก่นเป็นพื้นที่รับน้ำจากเขื่อน จุฬาภรณ์และเขื่อนลำปะทาว จังหวัดบุรีรัมย์ โดยเฉพาะบริเวณอำเภอสะตึก เพราะเป็นพื้นที่แรกที่รับน้ำจากลำน้ำมูล จังหวัดนครราชสีมา ตลอดจนพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและปทุมธานี ขอให้ประชาชน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว เตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นบนที่สูง ติดตามประกาศแจ้งเตือนภัย และปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานราชการอย่างเคร่งครัด
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์อุทกภัย พบว่า ยังมีพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดในหลายจังหวัด ดังนี้ จังหวัดนครราชสีมา ได้แก่ อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอปักธงชัย อำเภอพิมาย อำเภอสูงเนิน และอำเภอโชคชัย ซึ่งระดับน้ำยังคงทรงตัว และคาดการณ์ว่าในอีก 1- 2 วันนี้ น้ำจะไหลหลากเข้าสู่พื้นที่ท้ายน้ำทำให้ระดับน้ำท่วมเพิ่มสูงขึ้นใน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอจักรราช อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอโนนไทย และอำเภอโนนสูง จังหวัดลพบุรี พื้นที่ที่สถานการณ์น้ำท่วมยังวิกฤตหนัก ได้แก่ อำเภอท่าวุ้ง อำเภอบ้านหมี่ และอำเภอเมืองลพบุรี เนื่องจากในปีนี้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณน้ำมากที่สุดตั้งแต่สร้างเขื่อน จังหวัดนครสวรรค์ ได้แก่ อำเภอท่าตะโก ระดับน้ำอยู่ที่ 1.20 — 1.5 เมตร
เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำจากจังหวัดลพบุรีและเพชรบูรณ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะเป็นจุดรวมในการรับน้ำจากแม่น้ำป่าสัก แม่น้ำน้อย แม่น้ำลพบุรี ซึ่งมีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในช่วงวันที่ 23 — 25 ตุลาคม 2553 จะมีน้ำทะเลหนุน จึงต้องเฝ้าระวังพื้นที่ดังกล่าวเป็นพิเศษ จังหวัดปราจีนบุรี ในพื้นที่อำเภอกบินทร์บุรี สถานการณ์ยังคงวิกฤต ระดับน้ำทรงตัวอยู่ที่ 1.50 เมตร และขณะนี้น้ำไหลลงสู่พื้นที่อำเภอศรีมหาโพธิ์แล้ว จึงต้องเฝ้าระวังพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง จังหวัดปทุมธานี เนื่องจากเป็นจุดรับน้ำจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โดยสถานการณ์ อุทกภัยในพื้นที่ดังกล่าวขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย ได้แก่ ปริมาณน้ำเหนือที่ไหลเข้ามา ภาวะฝนตก (ขณะนี้พบว่ามีการก่อตัวของกลุ่มฝน) รวมถึงภาวะน้ำทะเลหนุนในช่วงวันที่ 23 — 26 ตุลาคม 2553 จังหวัดบุรีรัมย์ โดยเฉพาะบริเวณอำเภอสะตึก เพราะเป็นพื้นที่แรกที่รับน้ำจากลำน้ำมูล จังหวัดนครราชสีมา แต่คาดว่าสถานการณ์จะไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากลำน้ำมูลค่อนข้างกว้าง จึงคาดว่าจะสามารถรับปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาในพื้นที่ได้ จังหวัดขอนแก่น เป็นพื้นที่รับน้ำจากเขื่อนจุฬาภรณ์และเขื่อนลำปะทาว จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งคาดว่าภายใน 12 ชั่วโมง น้ำจะไหลเข้าสู่พื้นที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งทั้ง 2 จังหวัดได้ประสานแจ้งเตือนหน่วยงานในพื้นที่ให้เฝ้าระวังสถานการณ์ภัยแล้ว
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานไปยังจังหวัดดังกล่าวแจ้งเตือนนายอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ภาครัฐในพื้นที่ให้ประกาศแจ้งเตือนภัยแก่ประชาชนแล้ว จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยในจังหวัดดังกล่าว เตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นบนที่สูง ติดตามประกาศแจ้งเตือนภัยอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานราชการอย่างเคร่งครัด ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัย สามารถติดต่อขอรับการช่วยเหลือได้ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด 75 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตทั้ง 18 เขต หรือทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานและให้การช่วยเหลือต่อไป