ปภ. แนะวิธีขับรถขณะฝนตก

ข่าวทั่วไป Tuesday August 14, 2007 11:03 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 ส.ค.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนประชาชนเพิ่มความระมัดระวัง ในการขับขี่รถในช่วงฤดูฝนพร้อมแนะนำวิธีขับรถในขณะฝนตกให้ปลอดภัย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางถนน ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ขณะนี้เข้าสู่ฤดูฝนแล้วจึงมี ฝนตกบ่อยครั้ง อาจทำให้ถนนลื่น ทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ชัดเจน ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้ จึงขอฝากเตือนผู้ใช้รถใช้ถนน ให้เพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ โดยเฉพาะในขณะที่ฝนตก ควรเปิดไฟหน้า — หลังรถทุกครั้ง จะทำให้ผู้ขับขี่รถคันอื่นเห็นรถของเรา ได้ชัดเจนขึ้น และไม่ควรเปิดไฟสูงเพราะแสงไฟจะสะท้อนกับพื้นถนน ทำให้ผู้ขับรถสวนมาหรือคันหน้ามองไม่เห็นเส้นทาง นอกจากนี้ ไม่ควรขับรถชิดคันหน้ามากเกินไป เนื่องจากขณะฝนตก ถนนจะลื่น อาจทำให้ รถลื่นไถลไปชนรถคันหน้าได้ง่าย และขณะขับขี่รถหากเกิดการลื่นไถล ห้ามเหยียบเบรกจนล้อ หยุดหมุนในทันทีเพราะจะทำให้ รถพลิกคว่ำได้ ควรถอนคันเร่งเพื่อเบาเครื่องและ ลดความเร็วโดยใช้เกียร์ต่ำ ควบคุมพวงมาลัยให้มั่นแล้วจึงค่อยเหยียบเบรก เพื่อหยุดรถ และควรขับด้วยความเร็วไม่เกิน 60 ก.ม./ชม. โดยเว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าช่วงเวลาปกติประมาณ 10 — 15 เมตร นอกจากนี้ ควรตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆประจำรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เช่น ใบปัดน้ำฝนควรปัดกวาดน้ำฝน ได้สะอาดไม่มีรอยฝ้าบนผิวกระจก โดยปรับระดับความเร็วของใบปัดน้ำฝนให้สัมพันธ์กับความแรงของปริมาณน้ำฝน ที่ตกลงมา รวมทั้งหมั่นเติมน้ำ ในกระปุกฉีดน้ำ ปรับทิศทางของหัวฉีดน้ำให้พุ่งตรงไปยังกระจกหน้ารถ เนื่องจากในช่วงที่ ฝนเริ่มตกน้ำที่กระเด็น จากการดีดจะมีลักษณะเหนียวคล้ายโคลนไม่สามารถใช้ก้านปัดน้ำฝนออกได้หมด ควรใช้น้ำฉีดกระจกช่วยชะล้างคราบโคลน นอกจากนี้ควรเลือกใช้ยางรถยนต์ที่ดอกยางละเอียดจะทำให้ประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน และการรีดน้ำดีขึ้น และควรเพิ่มแรงดันลมให้มากกว่าปกติ 2 — 3 ปอนด์ / ตารางนิ้ว เพื่อให้หน้ายางแข็งและมีกำลังในการรีดน้ำ ได้ดีขึ้น กรณีทัศนวิสัยในการขับขี่แย่มากจนมองไม่เห็นเส้นทาง ควรแวะจอดรถบริเวณที่ปลอดภัย เช่น สถานีบริการน้ำมัน จุดพักรถข้างทาง เป็นต้น แล้วจึงค่อยขับรถต่อไป
นายอนุชา กล่าวต่อไปว่า การขับขี่ตอนฝนตกสามารถเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย นอกจากผู้ขับขี่จะต้องปฏิบัติตามวิธีที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ควรปฏิบัติตามกฎจราจรและมาตรการ 3 ม. 2 ข. 1 ร. อย่างเคร่งครัด จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่มากขึ้น และช่วยป้องกันและลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ สุดท้ายนี้ หากประชาชนในพื้นที่ใด ประสบความเดือดร้อนจากสาธารณภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วน 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานและให้ความช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ