กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส
SECC โชว์ผลงานปี 2549 กำไรสุทธิ 121.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.69% จากปีก่อน ระบุเป็นผลงานจากการปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ภายหลังราคาน้ำมันพุ่ง และภาครัฐปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ส่วนแผนถัดจากนี้วางกลยุทธ์เตรียมสานต่อธุรกิจติดตั้งอุปกรณ์เอ็นจีวีและรถยนต์มือสองต้นปีนี้ มั่นใจหนุนรายได้เติบโตเด่นชัดตั้งแต่ไตรมาส 2/50 ดันรายได้ทั้งปีทะลุ 3,000 ล้านบาทได้สำเร็จ
นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการ บริษัท เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน)(SECC) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2549 ว่าบริษัทมีรายได้ 2,890.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ที่มีรายได้ 2,505.85 ล้านบาท ในขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 121.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.69% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2548 ที่มีกำไรสุทธิ 102.26 ล้านบาท โดยความสำเร็จของผลประกอบการในปี 2549 เนื่องจากบริษัทได้ปรับโครงสร้างทางธุรกิจให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างทันท่วงทีหลังจากรัฐบาล ได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ส่วนแนวโน้มธุรกิจในปี 2550 นายสมพงษ์ ยังมีความมั่นใจว่าธุรกิจจัดจำหน่ายรถยนต์มีโอกาสปรับตัว ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2549 เนื่องจากปัจจัยลบหลายประการได้คลี่คลายลง โดยเฉพาะราคาน้ำมันซึ่งแม้ว่าปัจจุบันความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันจะยังไม่นิ่งและมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ แต่ก็ถือว่ามีความชัดเจนมากกว่าปีที่ผ่านมา ดังนั้นเชื่อว่าธุรกิจจัดจำหน่ายรถยนต์ระดับหรูจะได้รับผลดีไปในทิศทางเดียวกัน
เขากล่าวต่อว่าในช่วงก่อนหน้านี้ลูกค้านิยมรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ ซี.ซี.ค่อนข้างสูง อาทิ รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อเอนกประสงค์ (SUV) รถยนต์ตรวจการณ์เอนกประสงค์ (off-road) แต่หลังจากที่ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นและโครงสร้างภาษีรถยนต์หันมาเก็บภาษีเป็นขั้นบันไดตามจำนวน ซี.ซี.ของเครื่องยนต์ จึงทำให้ลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรม หันมาใช้รถยนต์ที่มี ซี.ซี.ต่ำลงแต่ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น อาทิ กลุ่มรถยนต์นั่งเอนกประสงค์ (MPV) รถยนต์ไฮบริด ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าร่วมกับพลังงานเชื้อเพลิง ถือเป็นรถยนต์รุ่นประหยัดพลังงานซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯสามารถนำเข้ารถยนต์รุ่นใหม่มาตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ทัน จึงทำให้รายได้และกำไรเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ประกอบกับธุรกิจจัดจำหน่ายรถยนต์นำเข้าของบริษัทได้รับการยอมรับจากลูกค้าอย่างกว้างขวางมาเป็นมาเวลานาน ทั้งเรื่องมาตรฐานสินค้า การให้บริการก่อนและหลังการขาย รวมทั้งศูนย์บริการที่มีมาตรฐานและทันสมัยสามารถไว้วางใจได้ และธุรกิจที่เป็นระบบมีแบบแผนแน่นอน จึงทำให้ธุรกิจจัดจำหน่ายรถยนต์นำเข้าของ SECC แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นในตลาดอย่างสิ้นเชิง ประกอบกับมีโชว์รูมกระจายอยู่ถึง 7 สาขาทั่วกรุงเทพฯ และหัวเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญภายใต้มาตรฐานเดียวกัน ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าใช้บริการได้อย่างสะดวกและมั่นใจในคุณภาพ ถือเป็นจุดแข็งที่ทำให้บริษัทเติบโตอย่างมั่นคงแม้ว่าธุรกิจนี้จะมีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง
"ในปี 2549 แม้ตลาดรถยนต์โดยรวมจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบหลายประการจนทำให้ยอดขายชะลอตัวลง แต่สำหรับ SECC แทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าว เพราะลูกค้าของเรามีกำลังซื้อสูง การซื้อรถยนต์จึงไม่ได้อิงกับภาวะเศรษฐกิจ และประการสำคัญในปี 2549 บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยหันมาจัดจำหน่ายรถยนต์รุ่นและขนาดที่มีเครื่องยนต์เล็กลง ให้สอดคล้องกับอัตราภาษีใหม่ของรัฐบาล รวมทั้งรถยนต์ในกลุ่มเอนกประสงค์และกลุ่มประหยัดพลังงานที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ายุคน้ำมันแพงและลูกค้าที่ต้องการใช้รถยนต์อย่างคุ้มค่าทุกรูปแบบ จึงทำให้ในปีที่ผ่านมาธุรกิจของ SECCประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี"
สำหรับแผนงานในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจในส่วนของการจัดจำหน่ายรถยนต์ และการขยายธุรกิจในส่วนอื่นๆ ที่ได้ริเริ่มไว้ในปี 2549 อาทิ ธุรกิจจัดจำหน่ายและติดตั้งอุปกรณ์ก๊าซ NGV ที่ใช้ในรถยนต์ รวมทั้งการเปิดธุรกิจรับซื้อและขายรถยนต์พรีเมี่ยม หรือรถยนต์ระดับหรูมือสอง เนื่องจากในปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่กว่าหมื่นรายให้ความเชื่อถือในคุณภาพที่บริษัทจัดจำหน่าย ซึ่งการเจาะตลาดดังกล่าวถือเป็นการให้บริการลูกค้าเดิมที่ต้องการเปลี่ยนรถยนต์ใหม่ และขยายฐานลูกค้าใหม่ที่ต้องการใช้รถยนต์หรูแต่ราคาย่อมเยาว์กว่ารถยนต์ใหม่
"ในปี 2550 การจัดจำหน่ายรถยนต์หรูจะเน้นทำตลาดรถยนต์ที่เกี่ยวข้องกับการประหยัดพลังงานเต็มตัว ทั้งการนำเข้าในรุ่นประหยัดพลังงานเข้ามาจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเภทไฮบริด ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดคาดว่าจะนำเข้ารถยนต์ประเภทดังกล่าวเข้ามาจำหน่ายอีกกว่า 10 รุ่น รวมทั้งประเภทที่มีขนาดเครื่องยนต์เล็กลง และรถยนต์เอนกประสงค์ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างกว้างขวางในปี 2549 ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ รายได้เติบโตทะลุ 3,000 ล้านบาทได้สำเร็จ" นายสมพงษ์กล่าวในที่สุด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ขนิษฐา โรจน์ทนง
081-8014290 / 083-9828244