กรุงเทพฯ--28 ต.ค.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
“สศค. ประเมินผลกระทบของสถานการณ์น้ำท่วมสร้างความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 7.7-20.2 พันล้านบาท และกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2553 ประมาณร้อยละ -0.08 ถึง -0.21 ต่อปี ”
นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า สถานการณ์วิกฤติน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคม 2553 เป็นต้นมา ได้ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อภาคการเกษตรเป็นหลัก ครอบคลุมพื้นที่การเกษตรที่เสียหายประมาณ 2.4 ล้านไร่ ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมได้รับผลก ะทบเช่นกันทำให้การผลิตต้องหยุดชะงักลง โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมอิเลคทรอนิกส์และอุตสาหกรรมยานยนต์ สำหรับภาคบริการและการท่องเที่ยวคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากความเสียหายที่เกิดขึ้นทำให้สถานบริการ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล ต้องหยุดให้บริการ ทั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นเบื้องต้นใน 3 กรณี สร ปได้นี้
(1) กรณีต่ำ ประเมินความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมประมาณ 7,739 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2553 ที่ร้อยละ -0.08 ต่อปี
(2) กรณีฐาน ประเมินความเสียหายประมาณ 11,896 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2553 ที่ร้อยละ -0.13 ต่อปี และ
(3) กรณีสูง ประเมินความเสียหายประมาณ 20,211 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2553 ที่ร้อยละ -0.21 ต่อปี
ทั้งนี้ สศค. ได้มีการประเมินแนวโน้มอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2553 ก่อนเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมว่าจะขยายตัวร้อยละ 7.6 ต่อปี อย่างไรก็ดี ความเสียหายจากวิกฤติน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในขณะนี้คาดว่าจะกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโดย สศค. ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในป 2553 จะขยายตัวได้ที่ระดับร้อยละ 7.4 ต่อปี