นโยบายและยุทธศาสตร์การวิจัยของชาติกับโอกาสพัฒนาของมหาวิทยาลัย

ข่าวทั่วไป Thursday October 28, 2010 16:38 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ต.ค.--วช. ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการวิจัยมากขึ้นโดยในช่วงเวลาที่ผ่านมา ดังปรากฎในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตั้งแต่ฉบับที่ 10 ถึงฉบับที่ 11 โดยระบุไว้ชัดเจนว่าการวิจัยเป็นพลังขับเคลื่อนในการพัฒนาหรือแก้ไขปัญหาในทุก ๆ ด้านนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ เวชชาชีวะ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลสภาวิจัยแห่งชาติด้วยตนเองและได้แสดงความคิดเห็นในหลายเวทีที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการส่งเสริมพัฒนาการวิจัยให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศไปสู่สังคมและเศรษฐกิจฐานความรู้กับประเทศแห่งการสร้างสรรค์ ศ.นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ร่วมมือกับองค์กรที่ทำหน้าที่สนับสนุนส่งเสริมการวิจัยต่างๆ คือ สกว. สวทช. สวก. สวรส. และ สวทน. กับหน่วยปฏิบัติการวิจัย ได้แก่ มหาวิทยาลัย และหน่วยงานของภาครัฐ ผนึกกำลังทำนโยบายและยุทธศาสตร์การวิจัยของชาติฉบับที่ 8 สำหรับปี พ.ศ. 2555 — 2558 เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะเดียวกันได้ใช้กลยุทธ์ในการกระจายการมีส่วนร่วมไปในภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อให้ด้านนโยบายและยุทธศาสตร์มีเป้าหมายที่จะตอบสนองความต้องการของแต่ละภูมิภาคในเชิงพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม วช. เห็นว่าการผนึกกำลังในทุกระดับทั้งระดับนโยบาย ระดับกำกับสนับสนุนและระดับปฏิบัติการวิจัยมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ผลงานวิจัยสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนและเป็นไปในทิศทางที่เหมาะสม ภายใต้ข้อจำกัดของทรัพยากรงบประมาณและบุคลากร ในส่วนของโอกาสพัฒนาการวิจัยของประเทศจากการที่รัฐบาลได้จัดสรรเงินงบประมาณปีนี้เป็นพิเศษ ให้แก่ “โครงการมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ” ซึ่งเป็นปีแรกในระยะ 3 ปี มูลค่ารวม 5,050 ล้านบาท โดยปี 2554 จัดสรรให้ 2,000 ล้านบาท มีสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) เป็นผู้บริหารโครงการและมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) รับผิดชอบในการกำกับทิศทางและกลั่นกรองโครงการ ในการนี้ได้คัดเลือกมหาวิทยาลัยที่มีพื้นฐานและผลงานวิจัยโดดเด่น ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ทั้งนี้ สกอ. ได้ตั้งเป้าหมายให้มหาวิทยาลัยดังกล่าวพัฒนาการวิจัยให้เกิดความโดดเด่นและมีศักยภาพสูงสุด ในสาขาหรือประเด็นที่มุ่งหวัง ในขณะเดียวกันงานวิจัยต้องสร้างความก้าวหน้าเชิงวิชาการ และสร้างบัณฑิตในระดับปริญญาโทและเอกพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การลงทุนในโครงการนี้ได้ประโยชน์สูงสุดและเป็นไปตามนโยบายและยุทธศาสตร์การวิจัยของประเทศ ดังนั้น วช. ซึ่งรับผิดชอบกำกับดูแลจึงได้ร่วมกับ สกอ. พิจารณากลั่นกรองโครงการ โดยมุ่งหวังสนับสนุนให้แต่ละมหาวิทยาลัยได้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มที่สร้างผลงานที่ทั้งรัฐบาลและสภานิติบัญญัติโดยคณะอนุกรรมาธิการงบประมาณเพื่อการวิจัยฯ ได้ตั้งเป้าให้สามารถนำผลงานวิจัยที่ผลิตขึ้นไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ทั้งในการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนและพัฒนาเชิงพาณิชย์ ดังนั้น วช. จึงตระหนักถึงความรับผิดชอบที่สำคัญนี้และได้อาสาร่วมมือกับ 4 ส. (สกว. สวทช. สวก. สวรส.) กับ สกว. ในการกลั่นกรองและผลักดันโครงการโดยหวังให้มหาวิทยาลัยเป็นกำลังหลักในการดำเนินการวิจัยของประเทศ สนับสนุนบุคลากรที่มีความรู้และเชี่ยวชาญ ให้สามารถใช้โอกาสนี้ดำเนินงานให้เกิดผลงานที่ให้ประโยชน์ตามแนวโนบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาการวิจัยของประเทศ เพื่อก้าวสำคัญในการพัฒนางานวิจัย ให้ทุกฝ่ายได้รับรู้และเห็นความสำคัญของการวิจัยอันจะนำไปสู่การยอมรับของสังคม และรัฐบาลทำให้ได้งบประมาณเพื่องานวิจัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและผลการวิจัยก็สามารถใช้เพื่อพัฒนาประเทศให้ขับเคลื่อนก้าวสู่ประเทศเศรษฐกิจฐานความรู้ พร้อมสร้างสรรค์พัฒนาก้าวสู่อนาคตอย่างยั่งยืน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ