กรุงเทพฯ--28 ต.ค.--ตลท.
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในยุโรปกว่า 60 รายจาก 40 กองทุน ร่วมฟังข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ และกระทรวงการคลัง ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อ 25-26 ตุลาคมที่ผ่านมา ระบุผู้ลงทุนต่างชาติสนใจอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทย และผลตอบแทนจากบริษัทจดทะเบียนไทยที่ทุกอุตสาหกรรมยังมีผลประกอบการดีต่อเนื่อง ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 51% ในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งนับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความโดดเด่นในภูมิภาค
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ ไป
โรดโชว์ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ร่วมกับกระทรวงการคลัง โดยได้รับเกียรติจากคุณกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมทั้ง บริษัทหลักทรัพย์ภัทร จำกัด (มหาชน) และ Bank of America Merrill Lynch โดยมีบริษัทจดทะเบียนชั้นนำ 8 แห่ง ให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในยุโรปกว่า 60 ราย จาก 40 กองทุน ซึ่งในจำนวนนี้ 75% เป็นกองทุนระยะยาวประเภท Long Only Fund และ 25% เป็นกองทุนที่เน้นการบริหารความเสี่ยง (Hedge Fund) ซึ่งมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการรวมเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในงาน “Thai Investor Forum” เมื่อวันที่ 25-26 ตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา โดยได้เข้าร่วมประชุมทั้งแบบ one-on-one และกลุ่มย่อยรวมเกือบ 100 การประชุม
“คุณกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ นโยบายการเงิน และโอกาสในการลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งให้ความมั่นใจในเสถียรภาพทางการเมืองของไทยแก่ผู้ลงทุนต่างชาติ ทั้งนี้ สิ่งที่ผู้ลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ ได้แก่ การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย ที่มีอัตราการเติบโตค่อนข้างดีเทียบกับเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวอยู่ในขณะนี้ ซึ่งสะท้อนจากการขยายตัวของสินเชื่อของสถาบันการเงิน และการก่อสร้าง รวมทั้งการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของบริษัทจดทะเบียน และการระดมทุนของไทยที่เพิ่มขึ้นในปีนี้
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ชี้ให้เห็นว่าตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจในการลงทุน โดยผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ดีขึ้นต่อเนื่องกระจายในทุกหมวดธุรกิจ ในขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) สูงในระดับกว่า 3% นอกจากนี้ SET Index ตั้งแต่ต้นปีได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 51% หากคิดในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งนับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความโดดเด่นในภูมิภาค ส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) อยู่ในระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึงกว่า 8 ล้านล้านบาทในเดือนตุลาคมนี้” นายจรัมพรกล่าว
พร้อมกันนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมรองรับกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น โดยมีแผนในการพัฒนาระบบการซื้อขายของไทยให้ทัดเทียมกับตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำ และความคืบหน้าโครงการเชื่อมโยงการซื้อขายหลักทรัพย์ของกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ในอาเซียน (ASEAN Linkage Project) แก่ผู้ลงทุนสถาบันที่มาร่วมงานด้วย
สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่ร่วมเดินทางให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุนสถาบันที่ประเทศอังกฤษครั้งนี้ ประกอบด้วย 8 บริษัท
โดย ณ 27 ต.ค. 2553 มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม 1.21 ล้านล้านบาท คิดเป็น 15% ของมูลค่ารวมทั้งตลาด ได้แก่ บมจ.ธนาคาร เกียรตินาคิน บมจ. ปตท. บมจ.ไทยออยล์ บมจ. อินโดรามา เวนเจอร์ส บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน และบมจ.เอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนสถาบันรับฟังข้อมูลตลอดงาน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. S-E-T Call Center 0-2229-2222
สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 — 2036
กนกวรรณ เข็มมาลัย โทร. 0-2229 — 2048 / ณัฐยา เมืองแมน โทร. 0-2229-2043