กรุงเทพฯ--29 ต.ค.--สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์
สายการบินเอมิเรตส์มอบประสบการณ์สุดพิเศษแก่ผู้ที่รักการเดินทางโดยไม่เพียงแต่ให้บริการเครื่องบินรุ่น A380 จากกรุงเทพฯ สู่ดูไบเท่านั้น แต่ขณะนี้ยังเปิดให้บริการเครื่องบินรุ่นซูเปอร์จัมโบ้ เอมิเรตส์ A380 พาคุณบินลัดฟ้าจากกรุงเทพฯ มุ่งสู่เกาะฮ่องกงทุกวัน ซึ่งเป็นการเพิ่มทางเลือกให้สำหรับทั้งนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เส้นทางการบินจากกรุงเทพฯ สู่ฮ่องกงนับเป็นเส้นทางลำดับที่ 11 หรือเส้นทางล่าสุดในเครือข่ายการบินทั่วโลกที่สายการบินเอมิเรตส์ให้บริการด้วยเครื่องบิน A380 ซึ่งเป็นเครื่องบินพาณิชย์ที่มีเทคโนโลยีอันทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในขณะนี้
มร. คาหลิด บาร์ดาน ผู้จัดการใหญ่ ประจำประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีนกล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอทางเลือก ให้แก่ผู้โดยสารจากประเทศไทยได้สัมผัสกับประสบการณ์จากการเดินทางด้วยเครื่องบิน A380 ของเรา เนื่องจากฮ่องกงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มคนไทย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปเพื่อธุรกิจหรือการไปเที่ยว เราเชื่อว่าเราจะได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากการให้บริการเครื่องบินเอมิเรตส์ A380 ในครั้งนี้”
เครื่องบินเอมิเรตส์ A380 นี้ออกจากกรุงเทพฯ ในเวลา 13.45 น. และไปถึงยังเกาะฮ่องกงเวลา 17.40 น. โดยผู้โดยสารสามารถใช้เวลาท่องเที่ยวรอบเมืองหรือติดต่อธุรกิจได้อย่างไม่ต้องเร่งรีบก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในเวลา 22.25 น.
ชาร์ด จิวส์เบอร์รี่ รองประธานอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการพาณิชย์ ภาคพื้นตะวันออกไกล และออสตราเลเซียของสายการบินเอมิเรตส์ กล่าวว่า “ฮ่องกงเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าที่เจริญรุ่งเรืองควบคู่ไปกับจีนแผ่นดินใหญ่ และเป็นเมืองที่มีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจส่งผลให้ฮ่องกงเป็นหนึ่งในตลาดหลักของสายการบินเอมิเรตส์ และเราภูมิใจที่ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการนำเครื่องบินรุ่นสำคัญนี้มาให้บริการสู่ฮ่องกง”
“เครื่องบินสองชั้นที่มาพร้อมกับที่นั่งจำนวน 517 ที่นั่งตัวจะสามารถตอบสนองความต้องการที่สูงขึ้นของผู้โดยสารในเส้นทางดังกล่าวได้อย่างเพียงพอ โดยเฉพาะผู้โดยสารที่เดินทางในชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ พร้อมประสบการณ์เดินทางอันหรูหรากับเครื่องบิน A380 ของเรา”
สแตนลี่ย์ ฮุย ประธานบริหารท่าอากาศยานฮ่องกง กล่าวว่า “เรามีความสัมพันธ์อันดีกับสายการบินเอมิเรตส์มาตั้งแต่ปี 2534 และการที่สายการบินเอมิเรตส์เปิดให้บริการเครื่องบิน A380 สู่ฮ่องกงนี้แสดงนัยถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ครั้งสำคัญของเรา”
“ท่าอากาศยานนานนานาชาติฮ่องกงเป็นท่าอากาศยานที่มีความพร้อมในการรองรับเครื่องบิน A380 อยู่แล้ว และเรามีความยินดีที่ได้ต้อนรับเครื่องบินรุ่นนี้สู่เกาะฮ่องกงของเรา”
เอ็ดวิน ลอว์ ประธานสายการบินเอมิเรตส์ ประจำประเทศจีนกล่าวว่า “เราตื่นเต้นมากกับการให้บริการเครื่องบินเอมิเรตส์ A380 มายังฮ่องกงในครั้งนี้ หลังจากที่ได้ประกาศเปิดให้บริการเครื่องบินรุ่นดังกล่าวในเส้นทางดูไบ-ปักกิ่ง ไปเมื่อสองเดือนก่อนหน้า”
“จวบจนปัจจุบันสายการบินเอมิเรตส์ให้บริการเที่ยวบินไปยังฮ่องกงเป็นเวลาเกือบ 2 ทศวรรษ และฮ่องกงนับเป็นเส้นทางที่มีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้นในเครือข่ายการให้บริการทั่วโลกของเรา เพราะไม่เพียงแต่เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางของผู้โดยสารไปยังกว่า 100 จุดหมายปลายทางทั่วโลกแล้ว ยังมีปริมาณสินค้าส่งออกทางอากาศเป็นจำนวนมากจากฮ่องกงอีกด้วย”
มร. ลอว์ กล่าวเสริมว่า “ในแต่ละสัปดาห์ เอมิเรตส์ขนส่งสินค้าทางอากาศกว่า 2300 ตัน โดยบรรทุกอยู่ในช่องเก็บสินค้าใต้ท้องเครื่องบินของเที่ยวบินพาณิชย์ทั้ง 14 เที่ยวบิน และขนส่งโดยใช้เครื่องบินขนส่งสินค้าของเอมิเรตส์ สกายคาร์โก้ อีก 19 ลำ”
สิ่งอำนวยความสะดวกอันหรูหราบนเครื่องบินเอมิเรตส์ A380 ประกอบด้วย ห้องอาบน้ำแบบสปา 2 ในบริเวณห้องผู้โดยสารชั้นหนึ่ง ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกจากแบรนด์สปาชั้นนำ “ไทม์เลส สปา” คอยให้บริการ และผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจสามารถเพลิดเพลินไปกับห้องรับรองผู้โดยสารบนเครื่องบินได้ ซึ่งบ่อยครั้งที่ผู้โดยสารให้ความสนใจนั่งพักผ่อนและพบปะพูดคุยกับผู้โดยสารท่านอื่น โดยในบริเวณนี้ให้บริการบาร์เครื่องดื่มอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมทั้งอาหารว่างคานาเป้ทั้งร้อนและเย็น
ในที่นั่งแบบห้องสวีทส่วนตัวของผู้โดยสารชั้นหนึ่ง ยังให้บริการเก้าอี้นั่งแบบปรับนอนราบพร้อมระบบนวดในตัว ส่วนที่นั่งในชั้นธุรกิจก็ได้มีการปรับรูปโฉมเก้าอี้แบบนอนราบเป็นแบบใหม่ และเก้าอี้นั่งของผู้โดยสารชั้นประหยัดก็สามารถปรับที่นั่งให้ยาวออกได้อีก 33 นิ้ว
ทุกชั้นที่นั่งลูกเรือหลากหลายสัญชาติจะคอยให้บริการเสิร์ฟอาหารชั้นเลิศ อีกทั้งยังมีระบบปรับแสงไฟตามเวลา ระบบความบันเทิง “ไอซ์” ที่ได้รับรางวัลการันตี โดยมีช่องความบันเทิงให้เลือกกว่า 1,200 ช่อง ทั้งภาพยนตร์และเพลงภาษาไทยและจีน
นอกจากนี้ ผู้โดยสารที่เดินทางกับเครื่องบินเอมิเรตส์ A380 และเครื่องบินรุ่นอื่น ๆ ยังได้รับสิทธิประโยชน์สำหรับน้ำหนักกระเป๋า 30 กิโลกรัมสำหรับผู้โดยสารชั้นประหยัด 40 กิโลกรัมสำหรับผู้โดยสารชั้นธุรกิจ และ 50 กิโลกรัมสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่ง
ปัจจุบันจากดูไบสายการบินเอมิเรตส์ให้บริการเครื่องบิน A380 ที่ใหญ่ที่สุดในโลกทุกวันจากดูไบไปยังเมืองปารีส เจดดาห์ โซล กรุงเทพฯ ซิดนีย์ อ๊อคแลนด์ ปักกิ่ง และแมนเชสเตอร์ อีกทั้ง 2 เที่ยวบินต่อวันสู่ท่าอากาศยานลอนดอน ฮีทโทรว์ และ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์สู่เมืองโตรอนโต และจะกลับมาให้บริการเครื่องบิน A380 อีกครั้งไปยังนิวยอร์ค ระหว่างดูไบ-สนามบินเจเอฟเค อีกครั้งในวันที่ 31 ตุลาคมนี้
เอมิเรตส์ยังคงให้บริการเที่ยวบินตรงระหว่างเกาะฮ่องกงและดูไบทุกวันด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 777-300ER อีกด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติมหรับสื่อมวลชน
ตั้งแต่เปิดให้บริการในปี 2528 สายการบินเอมิเรตส์ได้รับรางวัลระดับนานาชาติกว่าด้านความเป็นเลิศในการให้บริการลูกค้ากว่า 400 รางวัล
สายการบินเอมิเรตส์เติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงกว่าร้อยละ 20 ต่อปี และมีผลกำไรต่อเนื่อง 22 ปีติดต่อกัน ซึ่งในปีงบประมาณ 2552-53 ที่ผ่านมา สายการบินเอมิเรตส์ขนส่งผู้โดยสารจำนวน 27.5 ล้านคน หรือจำนวนผู้โดยสารสูงขึ้นเกือบ 4.7 ล้านคนจากปีก่อนหน้า และมีผลกำไรสุทธิถึง 964 ล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทในเครือเอมิเรตส์สร้างรายได้จำนวน 12.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ตัวเลขมาร์จิ้นเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 9.1 จากร้อยละ 2.6 ในปีก่อนหน้า
สายการบินเอมิเรตส์กำลังจะก้าวสู่การเป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีที่ตั้งอยู่ในประเทศดูไบ และเป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองในโลกที่ใช้นโยบายเปิดน่านฟ้าเสรี ที่มีสายการบินกว่า 120 สายการบินแข่งขันกันอย่างเสรีและเท่าเทียมกันในการให้บริการมายังดูไบ
ปัจจุบันสายการบินเอมิเรตส์ให้บริการเครื่องบินแบบลำตัวกว้างจำนวน 150 ลำ รวมทั้งมีเครื่องบินขนส่งสินค้าอีก 7 ลำ และฝูงบินของสายการบินเอมิเรตส์เป็นหนึ่งในบรรดาฝูงบินที่มีอายุน้อยที่สุดบนน่านฟ้าด้วยอายุเฉลี่ยเพียง 69 เดือนเท่านั้น ทั้งนี้ในปี 2555 สายการบินเอมิเรตส์วางแผนที่จะเพิ่มจำนวนเครื่องบินให้เป็น 2 เท่าของจำนวนที่ให้บริการในปัจจุบัน
ปัจจุบันสายการบินเอมิเรตส์มีเครื่องบินที่รอการส่งมอบอีกจำนวน 203 ลำ ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 68 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ในเดือนมิถุนายน 2553 สายการบินเอมิเรตส์ ได้สั่งซื้อเครื่องบินรุ่นแอร์บัส A380 เพิ่มอีกจำนวน 32 ลำ ส่งผลให้ยอดการสั่งซื้อรวมของเครื่องบินแห่งนวัตกรรมศตวรรษที่ 21 รุ่นนี้สูงถึง 90 ลำ โดยสายการบินเอมิเรตส์เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของการสั่งซื้อเครื่องบินรุ่นดังกล่าว
สายการบินเอมิเรตส์เปิดให้บริการเที่ยวบินไปยัง 105 เมือง ใน 64 ประเทศทั่วโลก ทั้งในยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา อินเดีย และเอเชียแปซิฟิก
สายการบินเอมิเรตส์ มีข้อตกลงเป็นพันธมิตรร่วมกับ แอร์ มอลต้า, แอร์ มอริเชียส, คอนติเนนตัล แอร์ไลนส์, แจแปน แอร์ไลน์ส, เจ็ท แอร์เวย์, โคเรียน แอร์ไลนส์, โอมาน แอร์, ฟิลิปปินส์ แอร์ไลนส์, รอยัล แอร์ มาร็อค, เซ้าท์แอฟริกัน แอร์เวย์ส และการบินไทย
สายการบินเอมิเรตส์มีบริษัทร่วมในเครือประกอบด้วย เอมิเรตส์ สกายคาร์โก้, เดสทิเนชั่น แอนด์ ลีเชอร์ แมเนจเม้นท์ ที่บริหารงานของ เอมิเรตส์ ฮอลิเดย์, อราเบียน แอดแวนเจอร์ และเอมิเรตส์ โฮเต็ลส์ แอนด์ รีสอร์ทส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์เป็นส่วนหนึ่งของเครือเอมิเรตส์
เกี่ยวกับสายการบินเอมิเรตส์
สายการบินเอมิเรตส์ให้บริการเที่ยวบินสู่ประเทศไทยมานานกว่า 20 ปี ปัจจุบันเอมิเรตส์ให้บริการจากกรุงเทพฯ สู่ดูไบ 27 เที่ยวบิน ไป-กลับต่อสัปดาห์, 7 เที่ยวบินไป-กลับต่อสัปดาห์สู่ฮ่องกง และ 7 เที่ยวบินไป-กลับต่อสัปดาห์สู่ซิดนีย์ และไครสต์เชิร์ช
สื่อมวลชน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
วรางคณา พวงศิริ / จุฑารัตน์ มณิปันตี
สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์
โทรศัพท์: 0-2653-2717-9 โทรสาร 0-2653-2720
อีเมล์: warangkana@spark.co.th, pae@spark.co.th
เว็บไซต์: www.emirates.com/th