พีแอนด์จีเตรียมลงทุน 3,500 ล้านบาท - ขยายฐานการผลิตเป็นสองเท่าเพื่อเป็นศูนย์ส่งออกผลิตภัณฑ์เพื่อความงามรายใหญ่ที่สุดของเอเชีย

ข่าวทั่วไป Tuesday April 26, 2005 15:22 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 เม.ย.--บางกอก พับบลิค รีเลชั่นส์
- ยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 27% เป็นมากกว่า 9,000 ล้านบาท ส่งออกไปญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นแบบก้าว
กระโดดถึง 50%
- โอเลย์ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์ถนอมผิวหน้า
- นโยบายใหม่เร่งสร้างสรรค์นวัตกรรม
บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ประเทศไทย(พีแอนด์จี) ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำ แถลงวันนี้ถึงแผนการลงทุน 3,500 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและผลิตภัณฑ์ถนอมผิวหน้าของฐานการผลิตในประเทศไทยให้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า โดยการเพิ่มกำลังผลิตดังกล่าวจะทำให้ฐานการผลิตในประเทศไทยของพีแอนด์จีกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์เพื่อความงามที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
ฐานการผลิตดังกล่าวของพีแอนด์จี ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 80 ไร่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์นับเป็นศูนย์การผลิตเพื่อส่งออกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียของพีแอนด์จี โดยการลงทุนครั้งใหม่นี้จะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและผลิตภัณฑ์ถนอมผิวหน้า จากที่เคยผลิตอยู่ที่ประมาณ 140 ล้านลิตรต่อปี ให้เพิ่มขึ้นเป็นประมาณเกือบ 300 ล้านลิตรต่อปี โดยกว่า 95% ของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในศูนย์การผลิตในแห่งนี้จะถูกส่งออกไปยังประเทศต่างๆราว 20 ประเทศ
"ปัจจุบัน พีแอนด์จี คือผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์เพื่อความงามรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย" นางสาวปริญดา หัศฎางค์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีแอนด์จี ประเทศไทย คนใหม่กล่าวและเสริมว่า"การลงทุนใหม่ในครั้งนี้จะช่วยยกสถานะประเทศไทยให้เป็นหนึ่งในศูนย์ส่งออกผลิตภัณฑ์เพื่อความงามรายสำคัญของภูมิภาคเอเชีย"
ในช่วงปี 2547 บริษัท พีแอนด์จี ในต่างประเทศได้ซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและผลิตภัณฑ์ถนอมผิวหน้าจากประเทศไทย คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 9,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27% ทั้งนี้ กำลังการผลิตใหม่นี้จะเริ่มดำเนินการในปีนี้ และจะสามารถทำการผลิตได้เต็มศักยภาพภายใน 3 ปี
นางสาวปริญดากล่าวว่า ประมาณหนึ่งในสามของสินค้าที่ส่งออกจากประเทศไทยจะเป็นการส่งไปยังประเทศญี่ปุ่น โดยในปีที่ผ่านมา ปริมาณสินค้าที่ส่งออกไปญี่ปุ่นของเรานั้นได้เพิ่มขึ้นถึง 50% คิดเป็นมูลค่าสูงกว่า 3,000 ล้านบาท
"ญี่ปุ่นนับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีมาตรฐานและกฎระเบียบด้านคุณภาพของสินค้าที่สูงมาก การที่เราสามารถผลิตสินค้าได้มาตรฐานดังกล่าวได้ ถือว่าเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญสำหรับการผลิตของเราในประเทศไทย" นางสาวปริญดากล่าวเสริม
นางสาวปริญดาซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้จัดการของพีแอนด์จี ประเทศไทยในเดือนที่ผ่านมา (มีนาคม 2548) กล่าวว่า ในขณะเดียวกันยอดขายของบริษัทเราในประเทศไทยก็แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งด้วยเช่นกัน
"ปัจจุบัน พีแอนด์จี ประเทศไทยเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ที่มีการเติบโตสูงสุดในประเทศไทย โดยข้อมูลจากรายงานผลประกอบการล่าสุดของเราแสดงให้เห็นว่ายอดขายของบริษัทมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัง" นางสาวปริญดากล่าว
"ธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อความงามอันเป็นธุรกิจหลักของพีแอนด์จี ซึ่งประกอลด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและผลิตภัณฑ์ถนอมผิวหน้าภายใต้แบรนด์ดังต่างๆล้านมีการเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นพิเศษซึ่งโอเลย์นับเป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น โดยในปีนี้สามารถขึ้นเป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์ถนอมผิวหน้าด้วยส่วนแบ่งตลาด 34%"
นางสาวปริญดากล่าวว่า กลยุทธ์ของพีแอนด์จี ประเทศไทยในการเผชิญกับปัญหาค่าขนส่งและวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นก็คือ "การสร้างการเติบโต และแนะนำนวัตกรรมใหม่สู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง" โดยบริษัทจะเร่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และเพิ่มพัฒนาการใหม่ๆให้กับผลิตภัณฑ์(รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์สูตรใหม่หรือคุณภาพและคุณประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้น)รวมประมาณ 25 รายการในปีนี้
"ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยเพิ่มการเติบโตให้กับธุรกิจโดยรวมของเรา ซึ่งจะช่วยลดภาระต้นทุนคงที่บางประการ เพราะสามารถเฉลี่ยต้นทุนเหล่านี้ไปยังธุรกิจต่างๆที่มีมากขึ้น" นางสาวปริญดากล่าว
"นี่คือกลยุทธ์ลักษณะเดียวกับที่เราใช้ในปี 2540 และ 2541 เมื่อต้องเผชิญกับความกดดันด้านราคาอันสืบเนื่องมาจากการลดค่าเงินบาท" นางสาวปริญดาเสริม พร้อมยกตัวอย่างการเปิดตัวมอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผมแพนทีน แบบไม่ต้องล้างออก ในเดือนที่ผ่านมา โดยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ตัวใหม่นี้จะช่วยลดปัญหาผมชี้ฟูให้ตรงขึ้นถึง 80% ใน 1 นาทีหลังการใช้ ช่วยให้ผมสวยเรียบทันใจในพริบตา ทุกที่ ทุกเวลาที่ต้องการ เพียงลูบไล้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในปริมาณพอควรให้ทั่วทั้งศีรษะจากโคนจรดปลายผม
"มอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผมแพนทีน แบบไม่ต้องล้างออกนับเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด ที่มาในบรรจุภัณฑ์ใหม่แบบพิเศษ ที่สะดวกแก่การพกพา ซึ่งเราคาดว่าผลิตภัณฑ์ใหม่นี้จะช่วยให้ธุรกิจผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมแพนทีนโดยรวมเติบโตขึ้นประมาณ 10%" นางสาวปริญดากล่าว
ทั้งนี้นางสาวปริญดาคาดการณ์ว่าภาคธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคของประเทศไทยจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 3-4% ในปี 2548 โดยคาดว่าตลาดผลิตภัณฑ์ถนอมผิวหน้าจะมีการเติบโตสูงสุดกว่า 20%
ผลิตภัณฑ์"เพื่อความงาม"ของพีแอนด์จี ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ดัง อาทิ แพนทีนโปร-วี,รีจอยส์,เฮดแอนด์โชว์เดอร์,แคล์รอล และโอเลย์
พีแอนด์จีเข้ามาดำเนินกิจการในประเทศไทยในปี 2530 ปัจจุบันมีพนักงานมากกว่า 800 คน ประจำที่สำนักงานกรุงเทพฯ, ที่โรงงานผลิตในนิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ และที่ศูนย์กระจายสินค้าประจำภูมิภาค
ทั่วโลก พีแอนด์จีวางจำหน่ายสินค้ากว่า 300 ตราผลิตภัณฑ์ และมีพนักงานรวมกว่า 110,000 คน ใน 80 ประเทศ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ : บริษัท บางกอก พับบลิค รีเลชั่นส์ จำกัด
ปานตา พูนทรัพย์มณี (ต่อ 116) หรือ ชัชฎาภา วิจิตรานนท์ (ต่อ 111)
โทรศัพท์ (02) 664-9500 โทรสาร (02) 664-9515--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ