กรุงเทพฯ--2 พ.ย.--กรมสรรพากร
ตามที่ ขณะนี้หลายพื้นที่ของประเทศประสบภัยน้ำท่วม สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเป็นอย่างมาก จนมีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยรับเงินบริจาคและสิ่งของเพื่อรวบรวมส่งไปใช้บรรเทาทุกข์มาอย่างต่อเนื่อง นั้น
กรมสรรพากร จึงได้เสนอมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยและผู้บริจาคเงิน / สิ่งของบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้เดือดร้อนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน 2553 โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมาตรการภาษีของกรมสรรพากรดังกล่าว ดังมีรายละเอียดความช่วยเหลือสำคัญพอสรุปได้ดังต่อไปนี้
1. กรณีเงินบริจาค
1.1 ผู้บริจาคที่เป็นบุคคลธรรมดา ได้จ่ายเงินหรือโอนเงินเข้าบัญชีช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งจัดโดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ( เป็นตัวแทนรับเงินบริจาคให้แก่ผ ้ประสบภัย ) ได้แก่ สถานีโทรทัศน์ช่อง 3
ช่อง 5 ช่อง 7 ช่อง 9 อสมท. หรือกองทุนภาคเอกชน เป็นต้น สามารถนำเงินบริจาคนั้นหักลดหย่อนได้ตามจริง
( รวมกับเงินบริจาคอื่นๆ ด้วย ) แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนแล้ว
1.2 ผู้บริจาคที่เป็นบริษัท / ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สามารถนำเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคนำมา
หักรายจ่ายได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิในปีที่บริจาค นอกจากนี้ กรณีทรัพย์สินหรือสินค้า
ที่นำไปบริจาคก็ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มโดยไม่ถือเป็นการขาย
1.3 ผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยที่ลงทะเบียนไว้กับศูนย์หรือหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือของทางราชการ เมื่อได้รับเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาค จะได้รับ กเว้นเงินได้พึงประเมินเท่าจำนวนความเสียหาย โดยไม่ต้องนำไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีในปีที่เกิดรอบภาษีนั้นๆ
1.4 บุคคลธรรมดาที่ประสบอุทกภัย เมื่อได้รับการช่วยเหลือหรือชดเชยที่มีมูลค่าไม่เกิน
ความเสียหาย ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้จากเงิน / ทรัพย์สินที่ได้รับจริงเพื่อการนี้ รวมถึงกรณีที่ผู้ประสบอุทกภัยได้รับเงินชดเชยจากภาครัฐก็ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ด้วย
1.5 ผู้รับบริจาคหรือผู้รับเงินชดเชยจากภาครัฐที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประสบอุทกภัย ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาคนั้นเช่นเดียวกัน
2. กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับจากการประกันภัยเพื่อชดเชยความเสียหาย ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้เฉพาะส่วนที่เกินมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินที่เหลือจากการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาแล้ว
3. การขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษี สำหรับภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภาษีมูลค่าเพิ่มภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ที่ต้องยื่นแบบในเดือนกันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม 2553 ได้รับการขยายเวลาโดยให้นำไปยื่นภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2553 ทั้งนี้ สำหรับผู้ประกอบการที่ประสบภัยในพื้นที่ที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนดในภายหลัง
นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า “ มาตรการภาษีให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ
( อุทกภัย ) ในครั้งนี้ เป็นมาตรการที่ใช้และได้รับการกลั่นกรองอย่างครอบคลุมผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายแล้ว ซึ่งเป็นสิทธิที่ผู้ปฏิบัติสามารถนำไปใช้หักลดหย่อนหรือหักค่าใช้จ่าย เป็นการบรรเทาภาระภาษีที่เกิดขึ้นในระหว่างภัยพิบัติได้ เพื่อช่วยเหลือด้านสภาพความเป็นอยู่ของผู้รับบริจาค รวมทั้ง ผู้ที่เข้าไปมีส่วนร่วมสนับสนุนหรือเป็นตัวแทนระดมความช่วยเหลือ การลดภาระภาษีจากค่าสินไหม ค่าทดแทน ค่าชดเชยใด ๆ ที่ผู้ประสบภัยจะได้รับจากภาครัฐหรือภาคเอกชน ที่มุ่งให้เกิดการฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ อันเป็นการตอบสนองน้ำใจของผู้เสียสละ
ร่วมบริจาคให้ ถือเป็นจิตสำนึกสำคัญที่มอบความร่วมมือที่ดีและมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมในเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในหลายภูมิภาคของประเทศในขณะนี้”