กรุงเทพฯ--3 พ.ย.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยคาดการณ์แนวโน้มการเกิดสาธารณภัยของประเทศไทยในช่วงฤดูหนาว(เดือนพฤศจิกายน 2552 — กุมภาพันธ์ 2553) พบมีพื้นที่ประสบภัยหนาวเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา และอาจเกิดสถานการณ์ภัยแล้งในหลายพื้นที่ ทั้งยังมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ป่าไม้ทั่วประเทศ ในขณะที่ภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่นอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และ
คลื่นพายุซัดฝั่งได้ ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัย ควรเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยดังกล่าว โดยติดตามพยากรณ์อากาศและปฏิบัติตามประกาศแจ้งเตือนภัยอย่างเคร่งครัดนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประเมินและคาดการณ์แนวโน้มการเกิดสาธารณภัยของประเทศไทยในช่วงฤดูหนาว(เดือนพฤศจิกายน 2553 — กุมภาพันธ์ 2554)จากข้อมูลลักษณะอากาศของหน่วยงานต่างๆ พบว่า ทั่วทุกภาคของประเทศไทยอากาศหนาวเย็นกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้มีพื้นที่ประสบภัยหนาวเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ 11 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน แม่ฮ่องสอน ตาก เลย หนองคาย อุดรธานี สกลนคร และนครพนมจะมีสภาพอากาศหนาวจัด โดยภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะเริ่มมีอากาศหนาวเย็นก่อนภาคอื่นๆ ทำให้มีหมอกหนาจัด บริเวณยอดดอยมีหมอกหนาจัดในช่วงเช้า และยอดภูอาจมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้ สำหรับภาคอื่นๆจะมีอากาศหนาวเย็นในลำดับถัดไป ซึ่งส่งผลให้ช่วงที่ลมหนาวปกคลุมพื้นที่ต่างๆทำให้สภาพอากาศแห้ง
อาจทำให้เกิดสถานการณ์ภัยแล้งในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะนอกเขตชลประทาน นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ป่าไม้ทั่วประเทศ ในขณะที่ภาคใต้จะมีฝนตกชุกหนาแน่น และอาจมีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนตัวผ่าน ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และวาตภัยขึ้นในพื้นที่เสี่ยงภัย รวมทั้งอาจเกิดคลื่นพายุซัดฝั่งบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน
นายวิบูลย์ กล่าวว่า ช่วงฤดูหนาวสภาพอากาศหนาวเย็นและลมแรง ขอให้ประชาชนรักษาสุขภาพให้แข็งแรง รวมถึงเพิ่มความระมัดระวังในการประกอบกิจกรรมที่เกี่ยวกับไฟทุกประเภททั้งการประกอบอาหาร จุดธูปเทียน สูบบุหรี่ เป็นต้น เนื่องจากฤดูหนาวสภาพอากาศแห้งและลมพัดแรง ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยและไฟป่าสูงกว่าปกติ การขับขี่รถในช่วงที่มีหมอกลงจัด ควรเปิดไฟต่ำหรือไฟตัดหมอกจะช่วยให้มองเห็นสภาพเส้นทางได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่ขับรถเร็ว เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ
นอกจากนี้ เกษตรกรควรสร้างสิ่งปกคลุมผลผลิตทางการเกษตร เพื่อป้องกันผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหายจากน้ำค้างแข็ง สำหรับประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ให้ติดตามพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด หากมีฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลานานในพื้นที่และสังเกตพบสัญญาณผิดปกติทางธรรมชาติ เช่น ระดับน้ำในลำห้วยเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและมีสีขุ่นข้น ให้รีบอพยพและขนย้ายสิ่งของไปยังที่ปลอดภัย เพราะอาจเกิดน้ำป่าไหลหลากหรือน้ำท่วมฉับพลันขึ้นได้
นอกจากนี้บริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันอาจเกิดคลื่นพายุซัดฝั่ง ขอให้เรือเล็กระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ ส่วนเรือใหญ่ให้ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกจากฝั่งทุกครั้ง สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่งทะเลให้ติดตามประกาศแจ้งเตือนภัยอย่างใกล้ชิด เพราะคลื่นลมจะซัดเข้าสู่ฝั่งอย่างรุนแรง สุดท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสภาพอากาศหนาวเย็น อุทกภัย วาตภัย ดินโคลนถล่ม และคลื่นซัดฝั่ง สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป