กรุงเทพฯ--4 พ.ย.--แปลน ฟอร์ คิดส์
ปีเตอร์กับหมาป่า หรือที่รู้จักกันทั่วโลกในชื่อ Peter and the Wolf เป็นนิทานประกอบดนตรีคลาสสิก ผลงานการประพันธ์เรื่องและดนตรีของ เซอร์เก้ โปรโกเฟียฟ นักแต่งเพลงผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ 20 ผู้ที่นอกจากจะเป็นนักแต่งเพลงแล้ว ยังเป็นนักเปียโน วาทยกร และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีอีกด้วย
วงออร์เคสตราเกือบทุกวง เคยนำบทประพันธ์นี้ไปบรรเลงในการแสดงคอนเสิร์ต และมีการบันทึกเสียงเผยแพร่นับครั้งไม่ถ้วน นอกจากนี้ยังมีการนำไปแสดงเป็นละครเวทีประกอบการบรรเลงดนตรี โดยเชิญบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการต่างๆ มาเป็นผู้เล่าเรื่อง และด้วยเรื่องราวที่สนุกสนานชวนติดตาม จึงมีผู้นำไปตีพิมพ์เป็นนิทาน ทำให้ปีเตอร์กับหมาป่า โด่งดังไปทั่วโลก และคงความเป็นอมตะมาจนถึงทุกวันนี้
แต่สำหรับเด็กไทยส่วนใหญ่ อาจยังไม่รู้จักนิทานเรื่องปีเตอร์กับหมาป่า เพราะยังไม่เคยมีใครนำมาเผยแพร่ในเวอร์ชั่นภาษาไทยมาก่อน จนวันนี้ คุณบัณฑิต อึ้งรังษี วาทยกรเอกเจ้าของรางวัลชนะเลิศในเวทีระดับโลก พร้อมด้วยคุณแมรี่ อึ้งรังษี ภรรยาสาวสวยผู้ซึ่งเป็นนักร้องโซปราโนมืออาชีพ ได้หันมาสวมบทบาทคนเล่านิทานโดยอาศัยประสบการณ์ตรงจากการเป็นคุณพ่อคุณแม่ของลูกสาวที่น่ารักสามคน ซึ่งคุณบัณฑิตกล่าวถึงแรงบันดาลใจในการทำหนังสือชุดนี้ไว้ว่า
“ตั้งใจอยู่แล้วว่าถ้าตนเองมีลูกก็จะสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขา ในบ้านเราจะมีการอ่านหนังสือให้ลูกๆ ฟังอยู่เป็นประจำ แล้วเวลาเล่านิทานให้ลูกฟังที่บ้าน เราก็จะเล่าไปกอดเขาไป ก็เป็นโอกาสเดียวที่จะกอดเขาได้ เพราะปกติจะไม่ยอมให้กอด เขาจะวิ่งเล่นตลอด ผมได้อ่านบทความหนึ่งเกี่ยวกับการพัฒนาสมองของเด็ก เขาบอกว่า วิธีที่ช่วยในการพัฒนาสมองของเด็กได้ที่สุดวิธีหนึ่งก็คือ การอ่านหนังสือนิทานให้เด็กฟัง แล้วยิ่งเป็นหนังสือนิทานประกอบดนตรีคลาสสิก ทั้งหนังสือและดนตรีคลาสสิก เป็นสองสิ่งที่ดีที่สุดในการพัฒนาเด็ก สองสิ่งนี้มันเปลี่ยนชีวิตผมมาแล้ว และผมก็คิดว่ามันจะช่วยเปลี่ยนชีวิตเด็กได้อีกหลายคนให้ดีขึ้นได้ไปพร้อมๆ กัน”
ซึ่งสอดคล้องกับคุณแมรี่ที่กล่าวถึงการใช้ดนตรีคลาสสิกว่า “ในบ้านเราเองจะเห็นชัดเจนว่า เมื่อได้เปิดดนตรีคลาสสิก บรรยากาศในบ้านจะเย็นลง เด็กจะนิ่ง เรียบร้อย ดนตรีทำให้บ้านมีบรรยากาศที่สดชื่น เราสังเกตและพูดตามประสบการณ์จริงว่าดนตรีคลาสสิกช่วยเราเลี้ยงลูกได้เยอะ ส่วนเรื่องของการอ่าน เด็กๆ จะชอบให้เราอ่านหนังสือให้ฟังทั้งวัน แล้วเราก็ยินดี เพราะการอ่านหนังสือเป็นการพัฒนาเด็กที่ดีมากๆ หากเราใช้สื่อทั้งสองอย่างนี้ได้เป็นประจำทุกวัน จะดีมากๆ สำหรับเด็กทุกๆคน”
แต่กว่าหนังสือนิทานเรื่องปีเตอร์กับหมาป่าจะได้รับการผลิตออกมาเป็นรูปเล่มสวยงามอย่างที่เห็น ต้องผ่านขั้นตอนและกระบวนการทำงานอย่างละเอียดรอบคอบจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นทางผู้เล่าเรื่องซึ่งก็คือ คุณบัณฑิต และคุณแมรี่ อึ้งรังษี ที่ได้เล่าให้เราฟังว่า เป็นการอัดเสียงเล่านิทานให้เด็กฟังครั้งแรกในชีวิต ซึ่งทั้งสนุกและได้ประสบการณ์มาก เพราะต้องใช้ทั้งเสียงและต้องอ่านให้เกิดอารมณ์ร่วม เพื่อเด็กจะฟังแล้วได้รับอารมณ์ความรู้สึกที่เราพยายามจะใส่ให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงเรื่องนี้มากขึ้น
นอกจากนี้ ปีเตอร์กับหมาป่า ยังได้ผู้วาดภาพประกอบเป็นนักแอนิเมชันชั้นแนวหน้าของเมืองไทย นักออกแบบตัวละครและเจ้าของรางวัลชนะเลิศในระดับนานาชาติหลายต่อหลายรางวัล รวมถึงเป็นกรรมการผู้จัดการและอำนวยการ ฝ่ายสร้างสรรค์และแอนิเมชัน บริษัท บ้านอิทธิฤทธิ์ จำกัด ในเครือบริษัทเวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) มาช่วยเนรมิตให้ปีเตอร์กับหมาป่า และสรรพสัตว์ทั้งหลายที่อยู่ในนิทานมีชีวิตชีวา เพราะโดยปกติเวลาที่มีการแสดงคอนเสิร์ตปีเตอร์กับหมาป่า เขาจะไม่มีภาพปรากฏ เพื่อให้ผู้ฟังได้ใช้จินตนาการเอาเอง แต่ครั้งนี้ คุณชัยพร พานิชรุทติวงศ์ ได้อาสาสร้างสรรค์ภาพประกอบหนังสือเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างเต็มความสามารถ
ในส่วนของผู้จัดพิมพ์และจัดจำหน่าย คือ สำนักพิมพ์แฮปปี้คิดส์ บริษัทแปลน ฟอร์ คิดส์ จำกัด ซึ่งผลิตหนังสือปีเตอร์กับหมาป่าออกมาทั้งภาคภาษาไทย เล่าเรื่องโดย คุณบัณฑิต อึ้งรังษี และภาคภาษาอังกฤษ เล่าเรื่องโดย คุณแมรี่ อึ้งรังษี ได้ใช้เวลาในการจัดทำนานพอสมควร โดยคุณริสรวล อร่ามเจริญ บรรณาธิการอำนวยการ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท แปลน ฟอร์ คิดส์ จำกัด กล่าวถึงการทำงานหนังสือเรื่องนี้ไว้ว่า
“ต้องขอขอบพระคุณคุณบัณฑิตและคุณแม่รี่ ที่มอบความไว้วางใจให้กับแปลน ฟอร์ คิดส์ ในการทำงาน หลังจากที่เราได้คุยกันถึงโปรเจคนี้ เราก็พยายามไปหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าปีเตอร์กับหมาป่าในประเทศไทยเป็นอย่างไร ก็พบว่าในช่วงหนึ่งพบว่าภาคการศึกษาในบางคณะใช้เพลงนี้ในการเรียนการสอนด้วย แต่ว่าก็อาจกลายเป็นตำนานแล้วเพราะมันได้ห่างหายไป พอลองไปเช็คดูว่าทั่วโลกเขามีการพิมพ์หนังสือเล่มนี้กันมากน้อยแค่ไหน เราพบว่าไม่ว่าจะทางยุโรปหรืออเมริกา และอีกหลายประเทศต่างก็มีปีเตอร์กับหมาป่าเป็นเวอร์ชั่นของตัวเอง และมีแนวสไตล์ภาพเป็นของตัวเองเช่นกัน แล้วเราก็มาประชุมกันว่า หากแปลน ฟอร์ คิดส์ มีโอกาสที่จะเป็นสะพานนำสิ่งดีๆ ให้กับเด็กไทย เราก็จะทำก่อนโดยไม่คำนึงว่างานจะยากมาก-น้อยแค่ไหน คิดแต่ว่าสิ่งที่ท้าทายที่สุดคือทำอย่างไรให้คนไทยและเด็กไทยได้มีโอกาสได้สัมผัสกับหนังสือเล่มนี้
แปลน ฟอร์ คิดส์ มีความถนัดในเรื่องของนิทาน หนังสือนิทานของเราได้รับรางวัลจากหน่วยงานต่างๆ ทุกปี พอมาเรื่องดนตรีเราได้เบอร์หนึ่งของประเทศไทยมาทำงานร่วมกัน อีกประการ พ่อแม่ยุคใหม่เริ่มเข้าใจว่าดนตรีคลาสสิกมีความสำคัญในการพัฒนาเด็ก เราจึงรวม 2 สิ่งที่ดีที่สุดเข้ามาอยู่ด้วยกันในหนังสือ 1 เล่ม ซึ่งนับเป็นของขวัญให้กับคนไทย ปีเตอร์กับหมาป่าถือว่าเป็นนิทานอมตะ ได้รับการยกย่องเชิดชู เพราะเรื่องนี้มีความดีงามในเนื้อหาและตัวเพลงคลาสสิก ดิฉันเองก็ได้เห็นข้อมูลงานวิจัยของสภาการศึกษาที่ทำกับยูเนสโก พบว่า สมรรถนะเด็ก 400 กว่าข้อของเด็ก 2 วัย คือ เด็กวัย 1-3 ปี และ 3-5 ปี พบว่าเด็กที่ผ่านกระบวนการอ่านในโครงการ bookstart โดยมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก เด็กจะมีสมรรถนะทางการเรียนรู้สูงกว่าเด็กปกติ หากมีดนตรีมาเสริมก็จะยิ่งทำให้การเรียนรู้ของเด็กดีขึ้น หนังสือเล่มนี้พ่อแม่จะได้ครบทุกข้อที่อยู่ในกระบวนการพัฒนาเด็กด้วยหนังสือ ไม่ว่าเสียง สมาธิ การพูดคุย การให้ความรู้ หรือจินตนาการ เด็กจะได้ครบ แล้วดิฉันก็มองว่าตัวดนตรีก็ส่งผลข้างเคียงให้กับเด็กในวัยที่โตขึ้นคือ เด็กเขาจะเป็นเด็กที่นุ่มนวล ไม่ก้าวร้าว จะนิ่งและมีสมาธิมาก เพราะฉะนั้นการใช้นิทานและดนตรีคลาสสิกสำคัญอย่างยิ่งในการปูพื้นให้ลูกหลานของเรามีจิตใจที่ดี”
ปีเตอร์กับหมาป่า นิทานประกอบดนตรีคลาสสิกที่บรรเลงโดย ยูเครน ซิมโฟเนีย อำนวยเพลงโดย ยูรี คูซเนตสอฟ นอกจากจะมีเนื้อหาที่สนุกแล้ว การคาดเดาจากเสียงดนตรียังสร้างบรรยากาศที่ดีในครอบครัวได้ เช่น เมื่อเปิดซีดี เราก็ตั้งคำถามให้เด็กๆ ตอบได้ว่า เสียงที่เราได้ยินอยู่นี้ เป็นเครื่องดนตรีชนิดใด แล้วใช้แทนค่าสัตว์ตัวไหน สามารถเล่นเป็นเกมสนุกๆ ได้อีกด้วย และที่สำคัญ สำหรับผู้อ่านทุกท่าน เราลองมาเดากันดีกว่าว่าหลังจากที่เจ้าเป็ดตัวน้อยโดนหมาป่าจับกิน ท้ายที่สุดเจ้าเป็ดตัวนี้จะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ อย่างไร ติดตามอ่านและฟังกันได้รับรองว่าลูกน้อยของคุณจะเกิดรอยยิ้มแห่งความสุขและฉายแววฉลาดออกมาให้เห็นอย่างแน่นอน