กรุงเทพฯ--4 พ.ย.--พม.
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดการประชุมความร่วมมือระหว่างแขวงจำปาสักและจังหวัดอุบลราชธานี ด้านการประสานการต่อต้านการค้ามนุษย์ และเพื่อฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ๖๐ ปี ไทยและลาว ระหว่างวันที่ ๔—๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ณ โรงแรมสุนีย์ แกรนด์ โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีนายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่การกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธาน ฝ่ายไทย
นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลไทยและลาวได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือต่อต้านการค้ามนุษย์โดยเฉพาะสตรีและเด็ก เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ด้วยมีความห่วงใยเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะในสตรีและเด็ก ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิอย่างร้ายแรงและเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ และเพื่อเป็นการสกัดกั้นและปราบปรามกลุ่มและองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการค้ามนุษย์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ส่งเสริมความร่วมมือด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ของทั้งสองประเทศให้เกิดการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะที่อยู่บริเวณชายแดน จึงได้ริเริ่มความร่วมมือด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ ระหว่างจังหวัดที่เป็นคู่แฝดตามแนวชายแดนลาวและไทย จังหวัดคู่แรก คือ แขวงสะหวันนะเขตและจังหวัดมุกดาหาร โดยได้จัดประชุมความร่วมมือด้านการประสานการต่อต้านการค้ามนุษย์ขึ้น เมื่อวันที่ ๑๔—๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๑ ณ จังหวัดมุกดาหาร สำหรับในปี ๒๕๕๓ ได้กำหนดจัดการประชุมความร่วมมือระหว่างแขวงจำปาสักและจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งจะเป็นจังหวัดคู่แฝดคู่ที่สอง ในด้านการประสานการต่อต้านการค้ามนุษย์ ระหว่างวันที่ ๔—๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ณ จังหวัดอุบลราชธานี
นายอิสสระ กล่าวต่อว่า ปัญหาการค้ามนุษย์ เป็นปัญหาที่มีผลกระทบต่อประเทศชาติ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม เพราะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ด้วยวิธีการทารุณ ข่มขู่ หลอกลวง ทุบตี ทำร้ายร่างกาย ให้ได้รับความยากลำบาก ไร้ความเป็นธรรม ทั้งการบังคับให้ค้าประเวณี บังคับให้ขอทาน และบังคับใช้แรงงาน เป็นต้น กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ จึงได้ดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ อย่างเร่งด่วน ทั้งด้านการป้องกันเพื่อให้ประชาชนเกิดความรู้ความเข้าใจ และตระหนักถึงภัยของการค้ามนุษย์ ตลอดจน ขอความร่วมมืออาสาสมัครและเครือข่ายช่วยเฝ้าระวังและป้องกันปัญหาในชุมชน และให้ความคุ้มครองช่วยเหลือผู้เสียหายอย่างทันท่วงที โดยเปิดบริการสายด่วน ศูนย์ประชาบดี โทร.๑๓๐๐ เพื่อรับแจ้งเหตุและเบาะแส รวมทั้ง ประสานงานกับหน่วยงานด้านการบังคับใช้กฎหมายอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอย่างจริงจัง ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑
“ การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ไม่สามารถดำเนินงานให้สำเร็จลุล่วงได้โดยรัฐบาลไทยเพียงลำพัง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการประสานความเข้าใจ ความร่วมมือ และผนึกพลัง ในป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ จากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และแขวงจำปาสัก โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์เป็นสำคัญ” นายอิสสระ กล่าว