กรุงเทพฯ--4 พ.ย.--ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร
ในวาระสำคัญแห่งการก่อตั้งและดำเนินงานมาครบ 30 ปี ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ จะจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง คือ การจัดทำสารคดีเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ องค์ก่อตั้งมูลนิธิศิลปาชีพ และศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ภายใต้ชื่อเรื่อง “รักของแม่ยิ่งใหญ่เหนือสื่งใดในแผ่นดิน” และการจัดงานเทศกาลลอยกระทงตามประทีป ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ 2553 ภายใต้แนวคิดหลัก “กระทงสายน้ำกับความรักในวันวาน” ในบรรยากาศเทศกาลฤดูหนาว ปี 2500 อย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกปี มีการประกวดกระทงชิงถ้วยพระราชทาน การประกวดนางนพมาศ ชิงถ้วยพระราชทาน ประกวดหนูน้อยนพมาศ ตลาดนัดวันวาน “บางไทรสโมสร” ลานเพลงดังโดย วงสุนทราภรณ์ ซุ้มการละเล่นย้อนยุคและเวทีร่วมสมัย พร้อมศิลปินชื่อดังตบเท้าขึ้นเวทีสร้างความบันเทิงตลอดคืน เน้นอำนวยความสะดวกด้วยรถรับส่งกรุงเทพฯ-อยุธยาฟรี และไม่เสียค่าบัตรผ่านประตู
ฯพณฯ องคมนตรี นายธานินทร์ กรัยวิเชียร รองประธานกรรมการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และประธานกรรมการบริหารศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เปิดเผยถึงรายละเอียดการเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่นี้ว่า “เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ องค์ก่อตั้งมูลนิธิศิลปาชีพ ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ จึงจัดทำสารคดีเทิดพระเกียรติฯ ความยาว 1.30 นาที จำนวน 10 ตอน ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ รวมการเฉพาะกิจ (สทท. 11 และ ทีวีไทย) ตั้งแต่วันที่ 11 — 20 พฤศจิกายน นี้ เวลาหลังข่าวภาคค่ำ เนื้อหาของสารคดีตัวอย่างเช่น จากหยาดน้ำพระทัย ก่อเกิดศิลปาชีพ, ศึกษา สืบสาน งานศิลป์, แรงบันดาลใจจากแม่พิมพ์ต้นแบบ, ศิลป์ชิ้นเอกฯ, มนต์เสน่ห์แห่งศูนย์ศิลปาชีพฯ, ศิลปหัตถกรรมไทยในระดับโลก เป็นต้น
นอกจากนี้ยังจะจัดงานเทศกาลลอยกระทงตามประทีป ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ ประจำปี 2553 ภายใต้แนวคิดหลัก “กระทงสายน้ำกับความรักในวันวาน” ในบรรยากาศเทศกาลฤดูหนาว สมัยพุทธศักราช 2500 เพื่อเป็นการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมประเพณีและเผยแพร่สืบสานวัฒนธรรมประเพณีลอยกระทง ให้เด็กรุ่นหลังได้เรียนรู้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตในยุคสมัยนั้น สร้างความแตกต่างจากงานลอยกระทงอื่นๆ ผ่านกิจกรรมย้อนยุคหลากหลาย และกิจกรรมบันเทิงมากมาย ซึ่งงาน ลอยกระทงตามประทีป ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ ถือเป็นงานประจำปีที่จัดต่อเนื่องมาเป็นครั้งที่ 23 ด้วยชัยภูมิที่โดดเด่น ตั้งอยู่ริมคุ้งน้ำเจ้าพระยาอันงดงาม และมีสถานที่กว้างขวางมากพอที่จะรองรับประชาชนจำนวนมาก ที่จะมาร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง โดยครั้งนี้จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน 2553 ณ ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่ 16.00 - 02.00 น.
ในโอกาสพิเศษนี้ ศูนย์ฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากหน่วยงานทั้งภาครัฐเอกชนมากมายสนับสนุนการจัดงาน จึงสามารถอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ตั้งใจมาร่วมงานด้วย รถบริการสาธารณะที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดใด จากกรุงเทพฯ 3 จุด คือ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์ ปาร์ค รังสิต และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต และรถบริการรถรับส่งภายใน จากหน้าศาลากลาง จ.พระนครศรีอยุธยา ถึงศูนย์ฯ ให้บริการระหว่างเวลา 12.00-01.00 น. ส่วนภายในงานศูนย์ฯได้จัดเตรียมรถสามล้อโบราณ 80 คัน และรถรางจำนวน 6 คัน ไว้บริการ นอกจากนี้ประชาชนทั้งชาวไทยและต่างประเทศสามารถเข้างานได้ฟรี ไม่เสียค่าผ่านประตู”
“งานลอยกระทงตามประทีป ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ 2553” มีแนวคิดหลักของการจัดงานคือ “กระทงสายน้ำ กับความรักในวันวาน” ได้จำแนกกิจกรรมออกเป็น 9 ประเภทคือ กิจกรรมพิเศษการชักโคมปฐมฤกษ์และลอยกระทงพระราชทาน พิธีรับพระราชทานเข็มที่ระลึกในสมเด็จพระนางเจ้าฯ, การประกวดกระทง ชิงถ้วยพระราชทานฯ, การประกวดนางนพมาศชิงถ้วยพระราชทานฯ, ประกวดหนูน้อยนพมาศ ประทีปอธิษฐาน บางไทรสโมสร SACICT Craft Street ลานเพลงดังเมื่อวันวาน กิจกรรมเวทีหลัก และ การจำหน่ายอาหารสินค้าพื้นเมืองหลากหลาย
ในส่วนกิจกรรม “บางไทรสโมสร” เป็นพื้นที่จำลองบรรยากาศวันวาน ให้สัมผัสสีสันและวิถีชีวิตอันน่ารื่นรมย์ เมื่อครั้งคุณพ่อยังหนุ่มคุณแม่ยังสาว ส่วน “SACICT Craft Street” เป็นพื้นที่สาธิตและจำหน่ายสินค้าจากช่างฝีมือหัตถกรรม เน้นความปราณีตบรรจงมาตรฐานระดับส่งออกต่างประเทศ โดยศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ ส่วน “ลานเพลงดังเมื่อวันวาน” เปิดพื้นที่ให้เพลิดเพลินใจกับวงดนตรีสุนทราภรณ์ พร้อมชมแฟชั่นโชว์ชุดเกี้ยวพาราสีของหนุ่มสาวปี 2500 และอิ่มเอมกับอาหารอร่อยท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ส่วนกิจกรรม “เวทีหลัก” มีศิลปินชั้นนำมาสลับกันมอบความบันเทิงอย่างคับคั่ง อาทิ วงโปงลางสะออน ไมค์ ภิรมย์พร อาภาพร นครสวรรค์ ขนมจีน และวงซีควิ้น
นอกจากนี้ ยังมีการประกวดนางนพมาศชิงถ้วยพระราชทาน ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ถือได้ว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดสำหรับผู้ที่ชนะเลิศการประกวด เพราะเป็นเวทีที่คัดสรรสาวงามที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมด้วยความเป็นกุลสตรีไทยโดยแท้ ส่วนหนูน้อยนพมาศจะเน้นความเป็นธรรมชาติ สวมเสื้อคอกระเช้า นุ่งโจงกระเบน เน้นความสดใสเป็นธรรมชาติและสุขภาพดี ส่วนางนพมาศก็ให้แต่งกายสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย สวมสไบและผ้านุ่ง การแต่งหน้าและทำผมเน้นงามแบบธรรมชาติ
ส่วนการประกวดกระทงชิงถ้วยพระราชทานฯ ใช้แนวคิด “ฉลองวาระครบ 30 ปี ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ และเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” โดยให้กระทงที่เข้าร่วมประกวดเน้นความประณีตวิจิตรบรรจง และใช้วัสดุจากธรรมชาติไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม