กรุงเทพฯ--17 ก.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AA” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะปลอดหนี้ของบริษัท การมีฝ่ายบริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ยาวนาน ความหลากหลายของสินค้าและยี่ห้อสินค้าที่บริษัทจัดจำหน่าย ความเป็นผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของประเทศ รวมถึงความเป็นผู้นำตลาดในสินค้าที่เป็นธุรกิจหลักคือ ชุดชั้นในสตรี เครื่องแต่งกายบุรุษ และเครื่องสำอาง ทริสเรทติ้งคาดว่านโยบายล่าสุดในการสร้างช่องทางจัดจำหน่ายของตนเองในรูปแบบร้านค้าเฉพาะอย่าง รวมถึงการจัดจำหน่ายผ่านทางช่องทางเดิม ซึ่งประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าย่อย และบางส่วนจาก ร้านค้าปลีกสมัยใหม่จะสามารถทำให้บริษัทรักษาสถานภาพทางธุรกิจได้ต่อไป นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงระดับผลกำไรที่ต่ำซึ่งเป็นลักษณะทั่วไปของธุรกิจจัดจำหน่าย การบริโภคภาคเอกชนที่ชะลอตัวลง และความซับซ้อนของโครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มสหพัฒน์ด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายที่บริษัทจะยังคงสามารถรักษาความเป็นผู้นำทางการตลาดในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เอาไว้ได้แม้ในภาวะที่มีการแข่งขันสูง โดยนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังยังเป็นปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัท
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าและดำเนินธุรกิจค้าส่งรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของประเทศ กิจกรรมหลักของบริษัทคือการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค โดยเฉพาะเสื้อผ้าและเครื่องสำอางภายใต้ยี่ห้อที่หลากหลายมากกว่า 100 ยี่ห้อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยี่ห้อเก่าแก่และเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในหมู่ผู้บริโภค เช่น Wacoal, Arrow, Lacoste, Guy Laroche, ELLE, และ Itokin เป็นต้น ความสามารถและประสบการณ์ที่ยาวนานของคณะผู้บริหารและการสนับสนุนจากบริษัทผู้ผลิตสินค้าและผู้จัดหา (Supplier) ในกลุ่มสหพัฒน์ช่วยให้บริษัทดำรงสถานะความเป็นผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ของประเทศ และทำให้บริษัทประสบความสำเร็จในการคงตำแหน่งผู้นำในตลาดเป้าหมาย
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นผู้นำตลาดชุดชั้นในสตรีที่เด่นชัดในตลาดระดับกลางถึงบน โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 67% ซึ่งประกอบด้วย Wacoal ซึ่งมีส่วนแบ่งที่มากกว่า 58% และความสำเร็จของสินค้า Lacoste และ Arrow เป็นผลทำให้ยอดขายของเสื้อผ้าบุรุษเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2541 โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 20% ในปี 2545 เป็น 25% ในปี 2549 ส่วนในแง่ของการบริหารเงินนั้นบริษัทดำรงนโยบายทางการเงินอย่างระมัดระวังมาโดยตลอด ซึ่งพิสูจน์ได้จากการปลอดภาระหนี้มาตั้งแต่ปี 2545 นอกจากนี้ ภาระค้ำประกันที่บริษัทมีต่อบริษัทที่เกี่ยวข้องยังลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 1,023 ล้านบาทในปี 2542 เป็น 333 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2550 ด้วย
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจถือเป็นสาเหตุของการชะลอตัวของอัตราการเติบโตของการบริโภคภาคเอกชนซึ่งกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท ยอดขายของบริษัทในไตรมาสแรกของปี 2550 ลดลง 9.9% จาก 3,219 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2549 เป็น 2,899 ล้านบาทในปี 2550 อย่างไรก็ตาม สถานะทางการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมีเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2550 ประมาณ 82 ล้านบาท ทริสเรทติ้งกล่าว