กรุงเทพฯ--5 พ.ย.--ก.มหาดไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ประสบอุทกภัย น้อมรับพระกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการนำน้ำดื่มสะอาดไปแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย โดยเร่งจัดหาสถานที่สำหรับเป็นแหล่งน้ำส่วนกลางของหมู่บ้าน ตำบล พร้อมจัดทำแผนการแจกจ่ายน้ำและดำเนินการแจกจ่ายน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง รวมถึงบริหารจัดการการจราจรของน้ำ โดยแก้ไขปรับปรุงแนวลำน้ำ และลำน้ำสาขาอื่นๆ ให้น้ำไหลสะดวกมากขึ้น
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า จากที่ได้เกิดสถานการณ์ อุทกภัยรุนแรงในหลายพื้นที่ของประเทศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยประชาชนที่ประสบภัยพิบัติเป็นอย่างยิ่ง และมีพระกระแสรับสั่งให้ดำเนินการ นำน้ำดื่มสะอาดไปแจกจ่ายแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง กระทรวงมหาดไทย จึงได้รับสนองพระราชดำริในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเน้นย้ำให้จังหวัดที่ประสบอุทกภัยเร่งจัดหาสถานที่สำหรับเป็นแหล่งน้ำส่วนกลางของหมู่บ้าน ตำบล และสำรวจถังน้ำกลางประจำหมู่บ้าน หากได้รับความเสียหาย ให้นำมาซ่อมแซม และทำความสะอาด พร้อมจัดทำแผนการแจกจ่ายน้ำและดำเนินการแจกจ่ายน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยประสานการประปาส่วนภูมิภาค หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบสนับสนุนการแจกจ่ายน้ำประปาอย่างทั่วถึงและเพียงพอ รวมถึงประชาสัมพันธ์จุดแจกจ่ายน้ำหรือที่ตั้งถังน้ำกลางประจำหมู่บ้านให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึง ส่วนพื้นที่ประสบภัยที่เข้าถึงยาก ให้จัดหายานพาหนะของ ส่วนราชการบรรทุกน้ำไปแจกจ่ายแก่ผู้ประสบอุทกภัย โดยดูแลด้านความสะอาดและระมัดระวังสิ่งปนเปื้อนปะปนอยู่ในน้ำ ตลอดจนปรับปรุงแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยปรับหรือเสริมแนวคันดินให้สูงขึ้น เพื่อรองรับน้ำให้เพียงพอสำหรับชุมชน และเร่งสำรวจพื้นที่บริเวณใกล้ลำน้ำ เพื่อปรับปรุงเป็นพื้นที่แก้มลิงสำหรับกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งและป้องกันน้ำท่วมในช่วงฤดูฝน นอกจากนี้ ขอให้จังหวัด อำเภอบริหารจัดการการจราจรของน้ำ โดยแก้ไขปรับปรุงแนวลำน้ำ และลำน้ำสาขาอื่นๆ ให้น้ำไหลสะดวกมากขึ้น ที่สำคัญ ให้บริหารจัดการข้อมูลด้านการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างทั่วถึง และป้องกันความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน สำหรับการฟื้นฟูบูรณะ ให้เร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อดำเนินการฟื้นฟูบูรณะโดยเร็วที่สุด โดยดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอุทกภัย เพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งจะส่งผลให้การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปด้วยความรวดเร็วมากขึ้น