ภาวะตลาดทองคำวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 5, 2010 14:54 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 พ.ย.--วีม คอมมูนิเคชั่น ข้อมูลทองคำวันนี้ - ราคาสมาคม เปิดที่ 19,350 - 19,450 - ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,390 - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 29.64 — 29.67 - GFZ10 Hi- Low 19,310 — 19,220 ปิดที่ 19,300 Gold Insight สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 45.50 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 1,383.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยในระหว่างวันสัญญาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ 1,346.70 -1,393.40 ดอลลาร์ เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำอย่างคึกคัก โดยดอลลาร์ถูกกดดันอย่างหนักหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศอัดฉีดเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล ภายใต้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ที่มีเป้าหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่การดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดพุ่ง 219.71 จุด หรือ 1.96% แตะที่ 11,434.84 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 23.10 จุด หรือ 1.93% ปิดที่ 1,221.06 จุด เนื่องจากนักลงทุนยังคงตอบรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ด้วยการซื้อพันธบัตรวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาเศรษฐกิจภายในประเทศ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนต.ค.ของสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้น สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 1.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 86.49 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 86.49 - 86.43 ดอลลาร์ เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ร่วงลงหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศอัดฉีดเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ภายใต้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินรอบสอง หรือ QE2 นอกจากนี้ นักลงทุนเชื่อมั่นว่ามาตรการดังกล่าวนอกจากจะช่วยกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจแล้ว ยังจะช่วยให้ความต้องการพลังงานฟื้นตัวขึ้นด้วย กองทุน SPDR Gold Trust กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 5 พ.ย. ไม่เปลี่ยนแปลงปริมาณการถือครอง ถือครองเท่าเดิมที่ระดับ 1,292.19 ตัน USD/EU ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้หลังจากธนาคารกลางสหรัฐประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ด้วยการอัดฉีดเงินซื้อพันธบัตรมูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมาตรการดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์สหรัฐ และหันไปถือครองสกุลเงินที่ให้มีความเสี่ยงมากกว่า แต่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.4208 ดอลลาร์ต่อยูโร USD/JPY ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดิ่งลง 0.39% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 80.720 เยน จากระดับของวันพุธที่ 81.040 เยน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 80.93 เยนต่อดอลลาร์ USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 29.68-29.71 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักจากการเปิดตลาดในตอนเช้ามากนัก ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 29.64-29.67 บาทต่อดอลลาร์ ข่าวเศรษฐกิจโลก - ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1% ในการประชุมเมื่อเย็นวานนี้ ซึ่งนับเป็นเดือนที่ 18 ติดต่อกัน โดยอีซีบีไม่เคยแสดงทีท่าว่าจะใช้มาตรการ QE ตามเฟด เนื่องจากเห็นว่าเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซนสามารถขยายตัวได้ดีเกินคาดในช่วงที่ผ่านมา แม้หลายประเทศอย่างกรีซ ไอร์แลนด์ และโปรตุเกส ยังคงเผชิญปัญหาหนี้สาธารณะก็ตาม - ธนาคารกลางอังกฤษมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% เป็นเดือนที่ 20 ติดต่อกัน ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายเมื่อวานนี้ หลังจากที่เศรษฐกิจอังกฤษส่งสัญญาณโตแข็งแกร่งเกินคาด นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษยังได้ตัดสินใจที่จะไม่ขยายโครงการ QE มูลค่า 2 แสนล้านปอนด์ ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของตลาด - คณะกรรมการเฟดประกาศใช้มาตรการ QE2 ในการประชุมเมื่อวันพุธ ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวเพิ่มขึ้นอีก 6 แสนล้านดอลลาร์ โดยจะทยอยเข้าซื้อเดือนละ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ไปจนถึงกลางปีหน้า ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์สหรัฐ และหันไปถือครองสกุลเงินที่ให้มีความเสี่ยงมากกว่า แต่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า รวมถึงสกุลเงินยูโร นอกจากนี้ เฟดยังตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ไว้ที่ระดับ 0-0.25% และย้ำว่าจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอีกระยะหนึ่ง ขณะเดียวกันเฟดจะพิจารณาการใช้นโยบายที่จำเป็นในการพยุงเศรษฐกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจในปัจจุบันฟื้นตัวล่าช้า - กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ต.ค.พุ่งขึ้น 20,000 ราย แตะระดับ 457,000 ราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 443,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 434,000 ราย ส่วนจำนวนผู้รับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์เพิ่มขึ้น 2,000 ราย แตะระดับ 456,000 ราย - เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ในวันนี้ โดยเตือนว่า อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำมากเกินไปจะส่งผลให้เกิดภาวะเงินฝืดเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างล่าช้า "แม้โดยทั่วไปแล้ว อัตราเงินเฟ้อต่ำถือเป็นเรื่องที่ดี แต่อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำมากเกินไปอาจทำให้เศรษฐกิจตกอยู่ในความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างล่าช้า และในกรณีที่รุนแรงที่สุดนั้น อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำมากเกินไปจะส่งผลให้เกิดภาวะเงินฝืด ผลที่ตามมาคือราคาสินค้าและค่าแรงตกต่ำ ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจตกอยู่ในภาวะชะงักงันเป็นเวลานาน" เบอร์นันเก้กล่าวกับวอชิงตัน โพสต์ ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา อาทิตย์ที่ ข้อมูลที่น่าจับตา ตัวเลขเดิม ตัวเลข คาดการณ์ ตัวเลขจริง 4 - 5 พ.ย. 2553 วันพฤหัสบดี ? Unemployment Claims 434K 437K 457K ? Unit Labor Costs 1.1% 0.8% -0.1% ? Nonfarm Productivity -1.8% 0.9% 1.9% ? ECB Press Conference - - - วันศุกร์ ? Non-Farm Employment Change -95K 63K ? Unemployment Rate 9.6% 9.6% ? Pending Home Sales 4.3% 3.2% ? Fed Chairman Bernanke Speaks - -

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ