กรุงเทพฯ--8 พ.ย.--บลจ. บัวหลวง
กองทุนเปิดบัวหลวงทริกเกอร์ 15% (TRIGGER1) ผลงานเข้าเป้า ใช้เวลาเพียง 3 เดือนกว่า ดันผลตอบแทนถึงเป้าหมาย 15% ลูกค้าปลื้มหลังบลจ.บัวหลวง แสดงฝีมือบริหารกองทุนทริกเกอร์ถึงเป้าหมายได้ในระยะเวลาอันสั้น เชื่อสภาพตลาดยังเอื้อ เตรียมส่งกองทุนเปิดบัวหลวง ทริกเกอร์ 3 (9%) เอาใจนักลงทุน
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (“บลจ.บัวหลวง”) เปิดเผยว่า กองทุนเปิดบัวหลวงทริกเกอร์ 15% (TRIGGER1) สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายก่อนกำหนดเวลา โดยบลจ.บัวหลวงจะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนจากผู้ถือหน่วยทุกรายในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2553 เพื่อคืนเงินลงทุนพร้อมผลตอบแทนภายในวันที่ 9 พฤศจิกายน
กองทุนเปิดบัวหลวงทริกเกอร์ 15% (TRIGGER1) เป็นอีกกองหนึ่งภายใต้การบริหารของบลจ.บัวหลวงที่ประสบความสำเร็จสามารถสร้างผลตอบแทนร้อยละ 15 ในระยะเวลาเพียง 3 เดือนกว่า นับตั้งแต่วันจดทะเบียนเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2553 โดยก่อนหน้านี้ กองทุนเปิดบัวหลวงทริกเกอร์ 11% (TRIGGER2) ใช้เวลาแค่ 2 เดือนในการสร้างผลตอบแทนร้อยละ 11 โดยทั้งสองกองทุนได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนสามารถจำหน่ายหน่วยลงทุนได้เต็มมูลค่าโครงการ และจำหน่ายหมดก่อนกำหนดเวลาเสนอขาย ภายใต้การสนับสนุนจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
โดยปัจจัยสนับสนุนสำคัญที่ทำให้ทั้งสองกองทุนสามารถประสบความสำเร็จในการสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายในระยะเวลาอันสั้น ประกอบด้วยภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยเองที่เอื้ออำนวยส่งผลให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และการที่ทีมผู้จัดการกองทุนของบลจ.บัวหลวง ที่ทำการวิเคราะห์และเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มค้าปลีก เป็นต้น
นางวรวรรณ กล่าวต่อว่า บลจ.บัวหลวง เตรียมออกกองทุนเปิดบัวหลวงทริกเกอร์ 3 (9%) ซึ่งเป็นกองทุนที่มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนร้อยละ 9 ภายใน 12 เดือน โดยเปิดขายระหว่างวันที่ 18 — 24 พฤศจิกายนนี้ ทั้งนี้สามารถเลิกกองทุนได้ก่อน 12 เดือน หากบลจ.บัวหลวง สามารถสร้างผลตอบแทนไม่น้อยกว่าร้อยละ 9 อย่างไรก็ตาม หากกองทุนครบ 12 เดือนแล้ว แม้ว่าผลตอบแทนจะไม่ได้ตามเป้าหมาย กองทุนจะทำการขายคืนหน่วยลงทุนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนตามมูลค่าหน่วยลงทุนในขณะนั้น โดยเงินที่ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับคืนจะมากหรือน้อยกว่า 10 บาทก็ได้
สำหรับภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น คาดว่าจะยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ประเทศอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศยุโรป จำเป็นต้องคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและลดปัญหาการว่างงาน ทำให้เกิดการไหลของเงินลงทุนเข้าสู่ประเทศกำลังพัฒนาที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศเหล่านี้ในช่วงที่ผ่านมามีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ และถ้าประเทศสหรัฐอเมริกามีการประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งที่สอง ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะมีเงินลงทุนไหลเข้ามาลงทุนในประเทศกำลังพัฒนาที่มีพื้นฐานการเติบโตเศรษฐกิจที่ดีเพิ่มขึ้น
นางวรวรรณ กล่าวเสริมว่าด้วยกลยุทธ์ Bottom Up Approach และ Good Stocks + Good Trades = Good Performance ที่ให้ความสำคัญกับการคัดเลือกหลักทรัพย์อย่างพิถีพิถัน และระมัดระวัง ของบลจ. บัวหลวง จะเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย
สำหรับท่านนักลงทุนที่ต้องการข้อมูลการลงทุนเพิ่มเติม ท่านสามารถสอบถามหรือขอข้อมูลการลงทุนได้ที่บลจ. บัวหลวง จำกัด โทร. 0 2674 6488 กด 8
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน