กรุงเทพฯ--27 ส.ค.--สวทช.
“เวนเทค” อุปกรณ์ควบคุมสภาวะอากาศภายในโรงเรือนระบบปิด นวัตกรรมฝีมือไทย หนุนปศุสัตว์ปลอดโรค เน้นลดต้นทุนการผลิตสัตว์ ชี้เป็นความสำเร็จระหว่างสามองค์กร คือ iTAP-มจธ.- และบี.อินเตอร์ฯ ที่ได้ร่วมวิจัยและพัฒนาให้เกิดศักยภาพเทียบเท่าสากล ช่วยเกษตรกรไทยได้ใช้ของถูก พร้อมเตรียมส่งออกต่างประเทศปีหน้า
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้สัตว์เลี้ยงสามารถให้ผลผลิตที่ดีเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและมีต้นทุนการผลิตต่ำ นอกจากพันธุ์สัตว์และคุณภาพของอาหาร ส่วนหนึ่งยังมาจากสภาวะแวดล้อมที่ประกอบด้วยอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต การพัฒนาระบบการควบคุมสภาวะอากาศภายในโรงเรือนในอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจ เช่น ไก่และสุกร จึงจำเป็นอย่างยิ่ง
โครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (iTAP) ร่วมกับภาคเอกชนคือบริษัท บี.อินเตอร์เนชั่นแนลแอนด์เทคโนโลยี่ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมการเกษตรปศุสัตว์ และผู้เชี่ยวชาญจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) พัฒนาและวิจัยโรงเรือนระบบปิด เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้เกษตรกรไทยได้ใช้อุปกรณ์ฝีมือไทย ต้นทุนต่ำ ในการทำปศุสัตว์
ศ.ดร.ชัชนาถ เทพธรานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี(TMC)กล่าวว่า ศูนย์ TMC มีโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย(iTAP)ที่จะเน้นให้ความช่วยเหลือแก่ภาคเอกชนหลากหลายด้าน อย่างการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรไทย และลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ เพราะเรามีความเชื่อมั่นว่านักวิจัยไทยมีศักยภาพ เข้าใจโครงสร้างและสภาพแวดล้อมของอุตสาหกรรมเกษตรของไทยเป็นอย่างดี ทำให้สามารถวิจัยและพัฒนาเครื่องมือและอุปกรณ์ที่มีคุณภาพทัดเทียมกับสินค้านำเข้าและพร้อมตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมไทยได้ดี ทั้งนี้ iTAP ได้ให้การสนับสนุนด้านการเชื่อมโยงผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงเงินทุนเพื่อการทำวิจัยครั้งนี้ เพราะเราทราบดีว่างานวิจัยดีๆ ต้องการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านรวมถึงงบประมาณสนับสนุนที่เพียงพอ เพื่อให้งานวิจัยนั้นๆ สามารถพัฒนาจนมาใช้งานจริงได้
เวนเทค คือ อุปกรณ์ควบคุมสภาวะอากาศภายในโรงเรือนระบบปิด นวัตกรรมนี้เป็นผลงานชิ้นแรกที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง 3 องค์กร คือ โครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (iTAP) ซึ่งเป็นผู้ให้การสนับสนุนในด้านเงินทุนวิจัยและเชื่อมโยงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นผู้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ และบริษัทบี. อินเตอร์เนชั่นแนล แอนด์ เทคโนโลยี่ จำกัด ในเครือเบทาโกร ที่รับผิดชอบผลิตสินค้าและให้บริการหลังการขาย ทั้งนี้ได้ดำเนินโครงการนี้มาประมาณ 2 ปี และมีการวิจัยพัฒนานวัตกรรมหลากหลายประเภท สำหรับวงการเกษตรอุตสาหกรรม และเวนเทคก็ถือเป็นหนึ่งในผลงานวิจัยสำคัญของโครงการ และสร้างความภาคภูมิใจให้แก่เราเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นเครื่องควบคุมสภาวะอากาศตัวแรกที่ผลิตโดยคนไทย
ปัจจุบันภาคเกษตรอุตสาหกรรมจำเป็นต้องนำเข้าสินค้าประเภทนี้จากต่างประเทศเป็นมูลค่าหลายร้อยล้านบาท ดังนั้น ผลงานครั้งนี้จึงส่งผลดีต่อการพัฒนาวงการปศุสัตว์ไทย ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า ช่วยลดต้นทุนในการผลิตปศุสัตว์ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก
รศ.ดร.วนิดา พวกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวถึงการวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์เวนเทคว่า มจธ.ให้ความสำคัญกับการดำเนินการวิจัยในเทคโนโลยีขั้นสูง และถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจไปสู่ภาคเอกชน ความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยได้มีส่วนร่วมคิดค้นและแสดงผลงาน ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยได้ไปเยี่ยมชมโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ของเครือเบทาโกร เพื่อศึกษาหาข้อมูลสำหรับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ตอบสนองความต้องการของวงการปศุสัตว์ นอกจากนี้ยังดูแลเรื่องการติดตั้งระบบ พร้อมทดสอบการใช้งานจริงในฟาร์มระบบปิด เพื่อหาข้อดีและข้อด้อยของอุปกรณ์และระบบการติดตั้ง ก่อนแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ ที่พบในขั้นทดสอบ และนำผลสรุปที่ได้มาผลิตอุปกรณ์เพื่อจัดจำหน่ายแก่ผู้ประกอบการในวงการปศุสัตว์ พร้อมจัดระบบการติดตั้งที่เหมาะสมเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งานด้วย
ด้าน น.สพ. นพพร วายุโชติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการพัฒนาธุรกิจ เครือเบทาโกร กล่าวว่า บริษัท บี. อินเตอร์เนชั่นแนล แอนด์ เทคโนลยี่ จำกัด ในเครือเบทาโกรนั้นเป็นผู้จัดจำหน่าย เวนเทค อุปกรณ์ควบคุมสภาวะอากาศภายในโรงเรือนระบบปิดที่สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมอย่างดี ตรงตามมาตรฐานการเลี้ยงสัตว์ เช่น การเลี้ยงไก่ หากการระบายอากาศภายในโรงเรือนไม่เพียงพอ จะทำให้ไก่ไม่กินอาหาร การย่อยอาหารลดลง ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโต และทำให้มีอัตราการตายสูงขึ้น หรือหากมีความชื้นน้อยจะเกิดฝุ่นละอองมาก ซึ่งมีผลต่อระบบการหายใจของไก่เช่นกัน จากสภาพปัญหาเหล่านี้และประสบการณ์การทำงานตรง ทำให้สามารถพัฒนาและวิจัยอุปกรณ์ในระบบโรงเรือนที่ถูกต้องและตรงกับความต้องการใช้งานที่สุด
จุดเด่นของอุปกรณ์เวนเทค คือ สามารถควบคุมอุณหภูมิ ความชื้นในโรงเรือน โดยมีระบบบันทึกค่าอุณหภูมิสูงสุดและต่ำสุด พร้อมวัดระบบความชื้น มีกราฟิกแสดงค่าอุณหภูมิ ความชื้น และการทำงานของระบบทั้งหมด พร้อมต่อพ่วงกับระบบสัญญาณเตือน ในกรณีที่อุณหภูมิภายในโรงเรือนสูงหรือต่ำกว่าค่าที่กำหนด และมีระบบระบายแก๊สแอมโมเนียในขณะอุณหภูมิต่ำ เจ้าของฟาร์มสามารถตั้งค่าการเลี้ยงล่วงหน้าได้ 7 ช่วง หรือตั้งค่าล่วงหน้าได้ 100 วัน นอกจากนี้ ยังสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ในสำนักงานได้อีกด้วย
ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตอุปกรณ์นี้ 1,000 ชุดต่อปี มูลค่ารวมประมาณ 15-20 ล้านบาท โดยทั้งหมดเป็นการจำหน่ายในประเทศ ซึ่งขณะนี้มีฟาร์ม 6 แห่งในจังหวัดนครสวรรค์ ราชบุรี ลพบุรี กาญจนบุรี ขอนแก่น และบุรีรัมย์ ติดตั้งอุปกรณ์เวนเทคเพื่อใช้งานในฟาร์มเลี้ยงไก่และสุกร นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังวางแผนพัฒนาอุปกรณ์นี้เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมเกษตรอื่นๆ เช่น โรงเรือนพืชและดอกไม้ต่างประเทศ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตและน่าจับตามองอย่างยิ่งในเมืองไทย และในปีหน้าก็พร้อมส่งออกผลิตภัณฑ์เวนเทคไปยังตลาดต่างประเทศ เช่น เวียดนาม และลาว เป็นต้น ซึ่งผลจากงานวิจัยดังกล่าว ยังทำให้มีองค์ความรู้อยู่ประเทศและสามารถที่จะพัฒนาต่อยอดได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์ราคาแพงๆจากต่างประเทศเพียงอย่างเดียว อีกทั้งยังประหยัดต้นทุนและเวลาในการบำรุงรักษาได้อีกด้วย น.สพ.นพพร กล่าวในที่สุด
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net