กรุงเทพฯ--8 พ.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ที่ BBB+ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ และระดับความแข็งแกร่งทางการเงินที่ ‘C’ รายละเอียดอันดับเครดิตอื่นๆซึ่งฟิทช์ประกาศคงอันดับเช่นกันแสดงอยู่ด้านล่าง
อันดับเครดิตของ SCB สะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งระดับสำรองหนี้สูญและเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง ซึ่งในความเห็นของฟิทช์น่าจะช่วยให้ธนาคารสามารถรองรับผลกระทบ หากสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานมีการปรับตัวอ่อนแอลงอย่างรุนแรง ฟิทช์คาดว่า SCB จะสามารถรักษาระดับการทำกำไรที่แข็งแกร่งได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่ธนาคารมีการดำเนินธุรกิจทางการเงินแบบครบวงจร แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศจะมีความผันผวน อัตราส่วนที่ใช้วัดความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารอยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นๆทั่วโลกที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับใกล้เคียงกัน
สินเชื่อด้อยคุณภาพของ SCB ได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2550 เนื่องจากการจำหน่ายสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ อย่างไรก็ตามสินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากมาอยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท หรือ 3.3% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2551 จาก 1.5 หมื่นล้านบาท (1.7%) ณ สิ้นปี 2550 เนื่องจากคุณภาพสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่บางรายที่ปรับตัวอ่อนแอลง ด้วยสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศในปี 2553 ที่ปรับตัวดีขึ้น และการปรับปรุงคุณภาพสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ทำให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดลงมาอยู่ที่ 4.4 หมื่นล้าน (4.5% ของสินเชื่อรวม) ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553 เทียบกับ 4.5 หมื่นล้านบาท หรือ 4.8% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2552 ขณะที่สินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษอยู่ในระดับคงที่ที่ 3.1 หมื่นล้านบาท ฟิทช์คาดว่าสินเชื่อด้อยคุณภาพส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อที่ปล่อยในช่วงที่เกิดวิกฤติทางการเงินในเอเชีย และสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่เกิดใหม่มีปริมาณค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตามฟิทช์ให้ข้อสังเกตว่าสินเชื่อด้อยคุณภาพน่าจะปรับตัวลดลงอีกเมื่อสภาพเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น
ความสามารถในการระดมทุนและสภาพคล่องของ SCB ยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากเครือข่ายสาขาของธนาคารที่มีฐานเงินฝากลูกค้ารายย่อยจำนวนมาก โดยอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ 95% (รวมตั๋วแลกเงิน) ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553 สถานะเงินกองทุนของธนาคารยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งโดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 12.7% และอัตราส่วนเงินกองทุนรวมอยู่ที่ 16.8% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553 ขณะเดียวกัน อัตราส่วนส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์อยู่ที่ 11.1% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553
เนื่องจากขนาดและความสำคัญของ SCB ต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจ ฟิทช์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหากมีความจำเป็น อย่างไรก็ตามฟิทช์เชื่อว่าไม่น่าจะมีความจำเป็นดังกล่าว เนื่องจากการทดสอบภายใต้สมมติฐานที่เข้มงวด (stress test) ของฟิทช์แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว ปัจจุบันอยู่ในอันดับเดียวกันกับเพดานอันดับเครดิตของประเทศไทย และสูงกว่าอันดับเครดิตสกุลเงินต่างประเทศของประเทศ (‘BBB’) อยู่ 1 อันดับ เนื่องจากความแข็งแกร่งทางการเงินของตัวธนาคาร ซึ่งน่าจะทำให้ธนาคารสามารถรองรับผลกระทบ หากสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานมีการปรับตัวตัวอ่อนแอลงอย่างรุนแรง และการถือครองพันธบัตรรัฐบาลในระดับที่ไม่สูงนัก (10% ของสินทรัพย์รวม) รวมทั้งการที่มีการถือหุ้นโดยรัฐบาลในจำนวนที่จำกัด ทั้งนี้หากสถานะทางการเงินมีการปรับตัวอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ หรือมีการปรับลดเพดานอันดับเครดิตของประเทศไทย จะส่งผลกระทบในเชิงลบต่ออันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคาร ในขณะเดียวกันการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของผลกำไรและคุณภาพสินทรัพย์เทียบกับธนาคารอื่นในภูมิภาค และความสามารถในการรักษาระดับเงินกองทุน อาจมีผลในเชิงบวกต่ออันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน การจัดอันดับเครดิตของตราสารหนี้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องและมาตรฐานในการจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้ดังกล่าวที่ยังสามารถชำระดอกเบี้ยได้ตามปกติ
ธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งก่อตั้งโดยพระบรมราชานุญาต ในปี 2447 เป็นธนาคารที่เก่าแก่ที่สุดและใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศไทยโดยมีส่วนแบ่งการตลาดของสินเชื่อประมาณ 15% และเงินฝากประมาณ 14% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2553 สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ประมาณ 24% และแม้ว่ากระทรวงการคลังจะมีการถือหุ้นผ่านกองทุนวายุภักษ์อยู่ที่ประมาณ 23% แต่มีจำนวนกรรมการที่เป็นตัวแทนจากกระทรวงการคลังไม่มากและไม่มีส่วนร่วมในการบริหารงานในธนาคาร SCB มีบริษัทในเครือที่ประกอบธุรกิจด้านหลักทรัพย์ การบริหารกองทุนและธุรกิจประกันภัย
ฟิทช์คงอันดับเครดิตดังต่อไปนี้:
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ ‘BBB+’ แนวโน้มมีเสถียรภาพ
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นที่ ‘F2’
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินที่ ‘C’
อันดับเครดิตสนับสนุนที่ ‘2’
อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำที่ ‘BBB-’
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘AA(tha)’ แนวโน้มมีเสถียรภาพ
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1+(tha)’
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันที่ ‘BBB+’
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ ‘BBB’
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ ‘AA-(tha)’
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันที่ ‘F1+(tha)’ และ
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของตราสารประเภท Commercial paper ที่ ‘F1+(tha)’
ติดต่อ
Primary Analyst
นฤมล ชาญชนะวิวัฒน์
Director
+662 655 4763
บริษัท ฟิทช์เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด
55 ถนน วิทยุ ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
Secondary analyst
Vincent Milton
Senior Director
+662 655 4759
กรุงเทพฯ
Committee Chairperson
Jonathan Cornish
Managing Director
+852 2263 9901