ภาวะตลาดทองคำวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 9, 2010 11:10 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 พ.ย.--MTS GOLD GROUP ข้อมูลทองคำวันนี้ - ราคาสมาคม เปิดที่ 19,600 - 19,700 - ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,409 - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 29.62 — 29.65 - GFZ10 Hi- Low 19,590 — 19,530 ปิดที่ 19,560 Gold Insight สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 5.50 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,403.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,386.60 - 1,410.40 ดอลลาร์ ทะยานขึ้นหนือแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 1,400 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) และปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบด้วยการซื้อพันธบัตรวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าจะฉุดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐให้อ่อนตัวลงอีก ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดลบ 37.24 จุด หรือ 0.33% แตะที่ 11,406.84 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 2.60 จุด หรือ 0.21% ปิดที่ 1,223.25 จุด เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากตลาดปรับตัวขึ้นติดต่อกันหลายวัน โดยหุ้นกลุ่มการเงินถูกเทขายหนักสุดหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ย้ำว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยต่ำจะส่งผลกระทบต่อผลกำไรของภาคธนาคาร นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้กำไรของบริษัทสหรัฐในตลาดต่างประเทศหดตัวลงด้วย สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.24% ปิดที่ 87.06 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังเคลื่อนตัวในช่วง 85.96-87.49 ดอลลาร์ หลังจากมีรายงานว่าดัชนีแนวโน้มการจ้างงานของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนต.ค. ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดว่าการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐจะช่วยหนุนดีมานด์พลังงานให้ปรับตัวขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวในกรอบที่จำกัดเพราะตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ กองทุน SPDR Gold Trust กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 9 พ.ย. ซื้อเข้า 2.43 ตันเปลี่ยนแปลงปริมาณการถือครองจากระดับ 1,291.77 ตัน เข้าสู่ระดับ 1,294.20ตัน USD/EU ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้โดยยูโรร่วงลงอย่างหนักเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะและยอดขาดดุลงบประมาณของไอร์แลนด์ ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเข้าถือครองสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าและมีความปลอดภัยมากกว่า โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.3880 ดอลลาร์ต่อยูโร USD/JPY ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.12% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 81.150 เยน จากระดับ 81.250 เยน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 81.12 เยนต่อดอลลาร์ USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 29.63-29.67 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักจากการเปิดตลาดในตอนเช้ามากนัก ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 29.62-29.65 บาทต่อดอลลาร์ ข่าวเศรษฐกิจโลก - รายงานว่ารัฐบาลไอร์แลนด์ประกาศเมื่อวานนี้ว่าจะขึ้นภาษี และอาจต้องลดจำนวนหน่วยงานของรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหายอดขาดดุลงบประมาณ นอกจากนี้ ข่าวที่ว่าหลายประเทศในกลุ่มยูโรโซนมีแผนออกตราสารหนี้เพื่อระดมเงินทุน ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองสกุลเงินยูโร และหันมาซื้อดอลลาร์สหรัฐที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า แต่ปลอดภัยมากกว่า - คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีแนวโน้มการจ้างงานเดือนตุลาคมของสหรัฐยืนอยู่ที่ระดับ 98.1 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายนที่ระดับ 97.3 จุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐในอีก 1-2 ไตรมาสข้างหน้ามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น - โรเบิร์ต เซลลิก ประธานธนาคารโลก เรียกร้องชาติสมาชิกกลุ่มประเทศจี-20 ให้ร่วมใจกันนำทองคำกลับมาเป็นหลักอิงให้แก่การความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนภายในระบบการเงินโลก เซลลิก บอกว่าด้วยมาตรฐานของทองคำที่ปรับใหม่น่าจะช่วยยกเครื่องกลไกหลักของระบบเศรษฐกิจโลก ในยามที่สถานการณ์การเงินระหว่างประเทศอยู่ในภาวะตึงเครียดรุนแรงควบคู่การเดินนโยบายการเงินแบบผ่อนปรนของสหรัฐอเมริกา ซึ่งกำลังโหมเชื้อเพลิงให้เกิดสงครามหั่นค่าเงินในระหว่างประเทศคู่ค้าทั้งปวง เซลลิกบอกว่า โลกต้องการระบบการเงินใหม่ที่จะสามารถสืบทอดระบบ "เบรตตัน วู้ดส์ 2" อันเป็นระบบค่าเงินลอยตัวที่โลกใช้สืบมานับจากปี 1971 โดยในปีนั้นนานาชาติต้องผละออกจากระบบตรึงอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินแบบตายตัวที่ผูกอยู่กับมาตรฐานทองคำ - รายงานสต็อกน้ำมันในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 5 พ.ย. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.0 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.1% ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา อาทิตย์ที่ ข้อมูลที่น่าจับตา ตัวเลขเดิม ตัวเลข คาดการณ์ ตัวเลขจริง 8 — 9 พ.ย. 2553 วันอังคาร ? IBD/TIPP Economic Optimism 46.4 47.8 ? Wholesale Inventories 0.8% 0.6%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ