กรุงเทพฯ--10 พ.ย.--Minor International
ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2553 บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (“MINT”) มีกำไรสุทธิ 808 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ทั้งๆที่มีความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศและเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลกระทบด้านลบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยและธุรกิจโรงแรมของ MINT อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สถานการณ์ทางการเมืองได้เริ่มคลี่คลาย ประกอบกับเข้าสู่ช่วงเริ่มต้นของฤดูกาลท่องเที่ยวของประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายน MINT จึงคาดการณ์ว่าธุรกิจโรงแรมจะกลับมาแสดงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอีกครั้งในไตรมาส 4 จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และอุปสงค์การอุปโภคและบริโภคของอาหารและสินค้าปลีกที่ยังคงมีมาก ซึ่งโดยที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของไตรมาส 4 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิทั้งปีของ MINT
ในไตรมาส 3 ปี 2553 ธุรกิจโรงแรมของ MINT ยังคงเผชิญหน้ากับความท้าทายที่เป็นผลมาจากความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจโลกและปัญหาทางการเมืองภายในประเทศที่เกิดขึ้นในครึ่งปีแรก แม้ว่า MINT จะมีโรงแรมในต่างประเทศถึง 7 โรงที่ต่างมีผลประกอบการที่ดีในไตรมาส 3 แต่อัตราการเข้าพักโดยเฉลี่ยของโรงแรมทั้งหมดในเครือลดลงจากร้อยละ 51 มาอยู่ที่ร้อยละ 48 และรายได้เฉลี่ยต่อห้องลดลงจาก 2,429 บาทเป็น 2,235 บาท ทั้งนี้ เนื่องมาจากการลดราคาค่าห้องหลังจากที่เกิดการชะลอตัวของกิจกรรมการท่องเที่ยวของกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับบน ทำให้กำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) ของโรงแรม ลดลงในอัตราร้อยละ 20 อย่างไรก็ตาม MINT คาดหวังว่าธุรกิจโรงแรมจะกลับมาฟื้นตัวในช่วง 6 เดือนข้างหน้าซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของประเทศไทย และบริษัทยังมีแผนที่จะเปิดให้บริการโรงแรมใหม่อีก 2 แห่ง ได้แก่ เซ็นต์ รีจิส โฮเต็ล กรุงเทพ และอนันตรา รีสอร์ท ที่มัลดีฟส์
ในไตรมาสนี้ ธุรกิจอาหารของ MINT มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 6 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากยอดขายต่อร้านที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 อย่างไรก็ตาม EBITDA ของธุรกิจอาหารลดลงร้อยละ 5 เนื่องจากในไตรมาส 3 ปี 2552 บริษัทได้รับค่าธรรมเนียมจากการบริหารแฟรนไชส์เป็นจำนวน 30 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ถ้าหากไม่รวมรายการนี้ EBITDA ของธุรกิจอาหารในไตรมาส 3 ปี 2553 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากไตรมาส 3 ปี 2552
ตั้งแต่ MINT เข้าถือหุ้นใน MINOR ด้วยสัดส่วนร้อยละ 99.92 นับจากปลายเดือนมิถุนายน 2552 เป็นต้นมา รายได้ของ MINOR คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15 ของรายได้รวมของ MINT ในไตรมาสนี้รายได้ของ MINOR เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการที่รายได้ค้าปลีกเติบโตเกือบจะร้อยละ 30 อย่างไรก็ตาม EBITDA ของไตรมาสนี้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 3 ปี 2552 เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับการเลื่อนคำสั่งซื้อตามสัญญารับจ้างผลิต ซึ่งคาดว่าคำสั่งซื้อดังกล่าวจะกลับมาเป็นปกติในปี 2554 ณ ปัจจุบัน MINT เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์ไตล์แบรนด์ชั้นนำ ได้แก่ เอสปรี บอสสินี่ ทูมี่ ชาร์ลสแอนด์คีธ และแก๊ป
PERFORMANCE (Bt m)
3Q10 3Q09 % Change 9M10 9M09 % Change
Sales 4,142 3,948 5% 13,116 11,614 13%
Others 271 204 33% 678 570 19%
Total Revenues 4,412 4,152 6% 13,794 12,184 13%
Cost of Sales 1,604 1,516 6% 4,933 4,074 21%
Selling & Administrative 2,118 1,917 11% 6,284 5,556 13%
EBITDA 690 720 -4% 2,577 2,554 1%
Depreciation & Amort. 388 399 -3% 1,173 1,163 1%
EBIT 302 321 -6% 1,403 1,391 1%
Interest Expenses 128 115 11% 343 315 9%
Earnings Before Tax 175 206 -15% 1,061 1,076 -1%
Corporate Tax 29 44 -33% 205 242 -15%
Minority Interest 18 11 73% 48 51 -7%
Net Profit 127 152 -16% 808 782 3%
Fully Diluted EPS (Bt) 0.0388 0.0499 -22% 0.2464 0.2376 4%
Fully Diluted Shares (mn) 3,283 3,046 8% 3,277 3,293 -1%
Note: Financial format maintained with total revenues including share of profit which reported under other income
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจระดับสากล ซึ่งมุ่งเน้น 3 ธุรกิจใหญ่ ได้แก่ อาหาร โรงแรม และผู้จัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่น MINT เป็นผู้นำในธุรกิจอาหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย โดยมีร้านอาหารกว่า 1,100 สาขา ใน 15 ประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า เดอะ พิซซ่า คอมปะนี สเวนเซ่นส์ ซิซซ์เลอร์ แดรี่ควีน เบอร์เกอร์คิง ไทยเอ็กซ์เพรส และเดอะ คอฟฟี่ คลับ อีกทั้งยังเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจโรงแรมทั้งในรูปแบบเป็นเจ้าของเอง บริหารจัดการ และร่วมลงทุน โดยมีโรงแรมของตนเองทั้งสิ้น 32 โรงแรม ใน 8 ประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า อนันตรา แมริออทส์ โฟร์ซีซั่นส์ เอเลวาน่า และโรงแรมในกลุ่มไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ในประเทศไทย มัลดีฟส์ เวียดนาม แอฟริกา ตะวันออกกลาง และ อินโดนีเซีย นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นจากต่างประเทศ ทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องสำอาง และธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้าโดยมีโรงงานเป็นของตัวเอง โดยเครื่องหมายการค้าที่บริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายในปัจจุบันได้แก่ แก๊ป เอสปรี บอสสินี่ ชาร์ลสแอนด์คีธ เรดเอิร์ธ บลูม ลาเนจ สแมชบ็อกซ์ ทูมี่ เฮงเคล ไทม์ไลฟ์ และเวิลด์บุ๊ค นอกจากนี้ ในเดือนพฤษภาคม ปี 2553 MINT ได้รับการยอมรับจากนิตยสารไฟแนนซ์เอเชียว่าเป็นบริษัทที่มีการจัดการดีเยี่ยมในกลุ่มบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดขนาดกลางของประเทศไทย สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ www.minorinternational.com
Press Contacts: Pratana Mongkolkul / Jutatip Adulbhan at Tel: (662) 381-5151