SECC ตั้ง เอส.อี.ซี.โอเค ลุยรถหรูมือสองแตกไลน์ธุรกิจเพื่อบริการลูกค้าครบวงจร

ข่าวทั่วไป Friday May 18, 2007 14:11 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส
SECC สบช่องเศรษฐกิจชะลอตัว ผู้บริโภคใช้จ่ายระมัดระวัง ประกาศตั้ง S.E.C. OK.ลุยธุรกิจรถหรูมือสองเต็มตัว หวังให้บริการลูกค้ารถยนต์พรีเมี่ยมแบบครบวงจร พร้อมรองรับกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ต้องการรถยนต์คุณภาพในราคาพอเหมาะ ระบุขอเวลา 2 ไตรมาสดูแนวโน้มการเติบโต หากไปได้สวยพร้อมแยกเป็นบริษัทใหม่ทันที เหตุมีความพร้อมอยู่แล้วทั้งเม็ดเงินและทีมงาน ส่วนปีนี้เตรียมอัดงบลงทุนเบื้องต้น 30 ลบ.เชื่อผลตอบรับน่าพอใจ ส่วนแนวโน้มรายได้ปีนี้มั่นใจทะลุ 3,000 ลบ.ได้ตามเป้า แม้ Q1/50 ยังชะลอตัว เพราะฤดูกาลขายอยู่ในช่วงปลายปี
นายไพบูลย์ สุขสุธรรมวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (SECC) กล่าวว่า ในปี 2549 บริษัทได้ขยายธุรกิจใหม่สู่ธุรกิจบริการติดตั้งและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบ CNG Hybrid สำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงน้ำมันเบนซิน สลับกับก๊าซธรรมชาติอัด (Compressed Natural Gas หรือ CNG) ภายใต้ชื่อ "บริษัท ซีเอ็นจี ไฮบริด วีฮิเคิล จำกัด" เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นนั้น ล่าสุดบริษัทเตรียมเปิดดำเนินธุรกิจใหม่อีกครั้งเพื่อเสริมธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมให้ครบวงจรมากขึ้น โดยธุรกิจใหม่ล่าสุดจะเป็นธุรกิจจัดจำหน่ายรถยนต์มือสองระดับพรีเมี่ยม ภายใต้ชื่อ เอ.อี.ซี.โอเค (S.E.C. OK.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจะให้บริการลูกค้าได้ครบวงจรให้มากที่สุด
เขากล่าวว่าการเข้าแตกไลน์ไปสู่ธุรกิจดังกล่าวเป็นเพราะต้องการให้ธุรกิจของ SECC ครบวงจรมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงและเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาพบว่าผู้บริโภคเริ่มมีความต้องการใช้รถยนต์มือสองระดับพรีเมี่ยมเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่เศรษฐกิจชะลอตัวทำให้เริ่มใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวังมากขึ้น แต่ยังต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ ดังนั้น ธุรกิจ S.E.C. OK. จึงเกิดขึ้นเพื่อรองรับโอกาสดังกล่าว เนื่องจาก SECC มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมรถยนต์มานานกว่า 15 ปี มีความพร้อมทั้งด้านบุคลากร และการให้บริการทั้งก่อนและหลังการขาย
"ความจริงเป้าหมายแรกของการทำรถมือสองก็เพื่อให้บริการลูกค้าเก่าของเราเอง ที่ซื้อรถจากเราไปแล้วต้องการเอารถมาเทิร์นเป็นคันใหม่ แต่หลังจากที่เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวลง ก็พบว่าตลาดฯเริ่มมีความต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ และราคาไม่สูงเกินไปนักเพิ่มมากขึ้น และ SECCก็ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญและทำตลาดรถยนต์พรีเมี่ยมมานาน มีความพร้อมทั้งประสบการณ์ สถานที่ บุคลากร และเม็ดเงินอยู่แล้ว ก็น่าจะรองรับโอกาสทางธุรกิจนี้ได้ ซึ่งในช่วงแรกก็คงทำเล็กๆ ก่อน และหลังจากนั้นสัก 1-2 ไตรมาสก็คงมองออกว่าทิศทางและเป้าหมายของธุรกิจนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง"
นายไพบูลย์กล่าวอีกว่า การทำตลาดรถยนต์มือสองภายใต้ชื่อ S.E.C. OK. ในช่วงแรก จะจัดตั้งเป็นแผนกหนึ่งของบริษัท และในปีนี้ได้จัดงบประมาณเพื่อใช้ดำเนินธุรกิจเบื้องต้นประมาณ 30 ล้านบาท จากนั้นหากพบว่าเติบโตไปได้ด้วยดีก็พร้อมจะแยกเป็นบริษัทออกมาอย่างเต็มตัว พร้อมทั้งสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานอย่างเต็มที่ ซึ่งการขยายธุรกิจใหม่ในช่วงแรกอาจจะสร้างรายได้ไม่มากนัก หากเทียบกับรายได้จากการขายรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศซึ่งเป็นธุรกิจหลัก แต่ถือเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโต และสามารถสร้างรายได้อย่างมั่นคงในอนาคตได้
ด้านนายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการ บมจ. เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (SECC) กล่าวถึงผลประกอบการในไตรมาสที่ 1/2550 ที่ปรับตัวลดลงต่ำกว่างวดเดียวกันในปีก่อนว่า ไม่ใช่เรื่องที่น่าวิตก หรือมีนัยสำคัญต่อทิศทางรายได้ของบริษัทในปีนี้ เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าในธุรกิจรถยนต์หากไตรมาสที่ 1-2 ธุรกิจเติบโตไม่ดีนัก ในไตรมาสที่ 3-4 ของปีก็จะเป็นช่วงที่ธุรกิจพลิกกลับมาดีอีกครั้ง ประกอบกับในช่วงครึ่งปีหลังถือเป็นฤดูกาลขายของธุรกิจรถยนต์ และมีงานมหกรรมรถยนต์ขนาดใหญ่จัดขึ้นในช่วงปลายปีด้วย ซึ่งน่าจะช่วยเรื่องกระตุ้นความสนใจของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
"เราไม่ห่วงเรื่องไตรมาสแรกที่ออกมาต่ำกว่าปีที่แล้ว เพราะช่วงครึ่งปีแรกใครๆ ก็รู้ว่าผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายลงเพื่อรอดูความชัดเจนของสถานการณ์บ้านเมืองและเศรษฐกิจ ค่ายรถยนต์เองก็ไม่ได้จัดกิจกรรมสนับสนุน หรือเปิดตัวรถยนต์ใหม่เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ ยอดขายจึงไม่ได้หวือหวา และเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้วที่ยอดขายพุ่งสูงกว่าปกติเพราะในช่วงปลายปี 2548 รัฐบาลมีการปรับเปลี่ยนการจัดเก็บภาษีรถยนต์ใหม่ ทำให้ลูกค้าเร่งซื้อรถยนต์ในช่วงดังกล่าวเพื่อให้ได้ภาษีเก่า ยอดการรับรู้รายได้จากการขายจึงมากระจุกอยู่ในไตรมาสแรกปี 2549 ทำให้ยอดขายและรายได้ค่อนข้างสูง ทำให้ดูเหมือนว่ารายได้และกำไรในไตรมาสแรกปีนี้แย่ลง ทั้งที่ความจริงไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร"
นายสมพงษ์กล่าวอีกว่า ในปีนี้ยังคงเป้าหมายรายได้ไว้ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาทเหมือนเดิม โดยมั่นใจว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2550 ธุรกิจจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง จากที่ผู้ประกอบการค่ายรถยนต์และผู้จัดจำหน่ายหันมาจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายพร้อมกัน โดย SECC เองยังยืนยันจะส่งรถยนต์ใหม่ลงทำตลาดเพิ่มอีกกว่า10 รุ่น ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี เพราะรถยนต์รุ่นใหม่ที่จะส่งลงทำตลาดถือว่าเป็นรถรุ่นที่อยู่ในความสนใจของลูกค้า ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเท่ากับปีที่ผ่านๆ มา
ติดต่อรายละเอียดได้ที่ : ขนิษฐา โรจน์ทนง 081-8014290 , 083-9828244

แท็ก นางนพมาศ   ลุย  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ