MOVIE: Monsters (มอนส์เตอร์)

ข่าวบันเทิง Thursday November 11, 2010 17:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 พ.ย.--สหมงคลฟิล์ม ประเภท Action / Sci-Fi คำโปรย Now, It's Our Turn To Adapt กำหนดฉาย 9 ธันวาคม 2010 เว็บไซด์ภาพยนตร์ http://www.monstersfilm.com/# บริษัทจัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์ อำนวยการสร้าง เจมส์ ริชาร์ดสัน (StreetDance 3D, Bronson) กำกับ/เขียนบท แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส (Attila the Hun) นำแสดง สกู๊ต แม็คไนรี่ย์ (In Search of a Midnight Kiss, Cop Out) วิทนีย์ เอเบิ้ล (All the Boys Love Mandy Lane, Mercy) "ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของผู้ทำหนังอิสระ Monsters ไม่ใช่หนังต่างดาวบุกโลกอย่างที่คุณรู้จัก" - Twitchfilm "นี่คือหนังสัตว์ประหลาดที่ดีที่สุดเท่าที่เคยสร้างกันมา" - แฮร์รี่ โนวส์ (Ain't it Cool News) "ประสบความสำเร็จในทุกระดับ... ฉลาด ตื่นเต้น และเข้าถึงจิตใจของทุกคน" - มาร์ค อดัมส์ (Sunday Mirror) "นี่คือหนังที่จะกลายเป็นตำนานในไม่ช้า" - Empire Magazine กวาดเสียงชื่นชมมาแล้วทั้ง Cannes Film Festival, L.A. Film Festival, Toronto Film Festival, Edinburgh Film Festival, SXSW และ San Diego Comic-Con ร่วมพิสูจน์ Monsters ภาพยนตร์แอ็คชั่น-ไซไฟที่ว่ากันว่าเป็น District 9 แห่งปี 2010 เนื้อเรื่อง กวาดเสียงชื่นชมมาแล้วจากทุกเทศกาล Monsters คือภาพยนตร์แอ็คชั่น-ไซไฟที่ว่ากันว่าคือ District 9 แห่งปี 2010 โดยเล่าถึงการเดินทางของมนุษย์สองคนในโลกที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด สร้างโดยผู้กำกับดาวรุ่ง แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส ที่ผู้กำกับชื่อดังอย่าง สตีเว่น สปีลเบิร์ก กล่าวยกย่องว่าเป็นคลื่นลูกใหม่แห่งวงการภาพยนตร์ หกปีหลังจากที่องค์กรนาซ่าค้นพบสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่อยู่ในระบบสุริยะจักรวาล ยานสำรวจที่เก็บเอาตัวอย่างกลับมาเกิดอุบัติเหตุโหม่งโลกในทวีปอเมริกา ไม่นานหลังจากนั้นสิ่งมีชีวิตใหม่ก็ถือกำเนิดและเติบโตกลายเป็นสัตว์ประหลาดยักษ์ ความพยายามที่จะควบคุมความเสียหายครั้งนี้ ประเทศเม็กซิโกครึ่งนึงจึงถูกระบุไว้ว่าเป็น "เขตติดเชื้อ" ปัจจุบันกองทัพอเมริกาเม็กซิกันต่างทำทุกวิถีทางเพื่อกักกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตประหลาดขนาดยักษ์ออกมาจากเขตหวงห้าม เรื่องราวใน Monsters เกิดขึ้นเมื่อนักข่าวอเมริกัน (สกู๊ต แม็คไนรี่ย์) สัญญากับหัวหน้าว่าจะพาลูกสาว (วิทนีย์ เอเบิ้ล) ที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันกลับมา โดยพวกเขาต้องผจญภัยผ่านเขตหวงห้ามเพื่อกลับมาถึงชายแดนอเมริกาให้ได้ --------------------------------------------------จุดเริ่มต้น--------------------------------------------------- หลังจากที่ แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนทำหนัง เขาก็ก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์ ซึ่งยิ่งมีความลำบากมากขึ้นในการทำสิ่งที่เขาอยากทำ ทำให้ทุกอย่างมีความเรียบง่ายทั้งในเรื่องสถานที่ ทีมงาน นักแสดง และมีอิสระโดยไม่ต้องประนีประนอม ในอีก 10 ปีต่อมาเขามีหน้าที่การงานที่ประสบความสำเร็จ ได้รับรางวัลแบฟต้า และถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี่ ในสาขาวิชวลเอฟเฟ็คยอดเยี่ยม จากการทำงานให้กับทางโทรทัศน์ช่อง BBC ในที่สุด เอ็ดเวิร์ดส ก็ตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะสร้างภาพยนตร์ของตัวเอง โดยใช้พรสวรรค์ในการสร้างเอฟเฟ็คทำหนังที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต แกเร็ธ คิดแผนถ่ายทำหนังในช่วงระหว่างการพักร้อนในเม็กซิโก เขาเรียนรู้ว่าการสร้างเรื่องราวจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด วันหนึ่งเขาเห็นนักตกปลากำลังยื้อกับสิ่งมีชีวิตใต้น้ำอย่างเอาเป็นเอาตาย จินตนาการของเขาก็จึงนึกว่าบางทีมันอาจเป็นอสุรกายขนาดมหึมาที่กำลังจะโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ และนั้นก็คือจุดกำเนิดของ Monsters แกเร็ธ เล่าถึงจุดเริ่มต้นว่า "ผมเห็นนักตกปลาหัวเราะเมื่อพวกเขาตกสิ่งชีวิตที่น่าสงสารขึ้นมาได้ ผมเลยคิดว่ามันคงเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นถ้ามีหนวดปลาหมึกยักษ์ติดขึ้นมาด้วย และมันคงดีถ้าตัวเองมีกล้องจับภาพเอาไว้ได้ แถมสถานที่ที่ผมไปพักผ่อนก็ดูมีความดิบแบบที่คุณไม่ต้องขออนุญาต คุณสามารถถ่ายทำสิ่งที่เกิดขึ้นและปรับให้มันอยู่ในเรื่องราวเมื่อกลับไปใส่เอฟเฟ็คที่บ้าน ผมเขียนถึงสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นแทนที่จะเขียนอะไรที่เฉพาะเจาะจงออกมา" การโตมากับหนังไซไฟคลาสสิกอย่าง Jurassic Park และ ET รวมถึงหนังเรื่องอื่นๆของผู้กำกับ สตีเฟ่น สปีลเบิร์ก ทำให้ แกเร็ธ ต้องการสร้างหนังสัตว์ประหลาดที่สมจริงที่สุด เขาต้องการสร้างเรื่องราวของความรักที่จับต้องได้ และหนังไซไฟที่มีพล็อตเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นจริง "ผมค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับดวงจันทร์บริวารของดาวพฤหัสที่ชื่อว่ายูโรป้า ที่นักวิทยาศาสตร์เล่าถึงความเป็นไปได้ที่จะมีสิ่งมีชีวิต และนาซ่าเองก็ส่งยานสำรวจเพื่อนำสิ่งนั้นกลับมา ผมคิดว่าถ้าเกิดยานสำรวจเกิดโหม่งโลกโดยนำสิ่งมีชีวิตนั้นกลับมาด้วย มันก็อาจทำให้พื้นที่ในแถบนั้นเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว" ---------------------------------------------คัดเลือกนักแสดง---------------------------------------------- การคัดเลือกนักแสดงนำถือเป็นส่วนสำคัญที่ผู้กำกับ แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส ต้องการให้มีอารมณ์ร่วม "ผมต้องการคู่รักในชีวิตจริงมารับบทเป็นสองตัวละครนำ ผมคิดว่ามันมีความน่าเชื่อถือมากกว่าในการให้คนรักมาพบและได้เรียนรู้กันและกัน มันง่ายและเป็นธรรมชาติมากกว่าการใช้คนสองคนที่ไม่รู้จักกัน และพยายามสร้างเคมีและความสัมพันธ์ขึ้นมาแบบปลอมๆ" สกู๊ต แม็คไนรี่ย์ คือนักแสดงที่ได้รับคำชื่นชมอย่างท่วมท้นจากการแสดงใน In Search of a Midnight Kiss ก็กระโดดเข้าใส่โอกาสในการทำงานกับแฟนสาวนักแสดงของเขาอย่าง วิทนี่ย์ เอเบิ้ล ในโปรเจ็คที่ให้สัญญาว่าจะมอบความท้าทายและเรื่องราวที่ไม่สามารถคาดเดาได้ สกู๊ต อธิบายว่า "เอ็ดเวิร์ดส เข้ามาหาพวกเราด้วยโครงเรื่องหลวมๆที่ต้องไปถ่ายทำในอเมริกากลาง ซึ่งพวกเราคิดว่ามันเป็นโอกาสที่วิเศษเมื่อเรากำลังมองหาบางสิ่งที่สามารถทำด้วยกัน มันสมบูรณ์แบบที่สุด และเมื่อเราได้ดูหนังสั้นของเขาที่ชื่อ Factory Farm มันก็ยิ่งดึงดูดความสนใจ พวกเราจึงตอบตกลงรับแสดงทันที" วิธนี่ย์ เสริมต่อว่า "แกเร็ธ รวบรวมหลายแรงบันดาลใจที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นและอยากจะทำ ทั้งภาพ คลิ๊ป และไอเดียของเรื่อง เขานั่งเครื่องบินมาพูดคุยกับเรา เราบอกเขาว่าไม่ต้องจองโรงแรมและให้มานอนที่บ้านของเรา เพราะถ้าเราต้องใช้เวลาในการถ่ายทำร่วมกันตลอด 24 ชั่วโมงเป็นเวลาสามอาทิตย์ เราก็ควรทำความรู้จักกันสักอาทิตย์กันก่อน เมื่ออยู่ด้วยกันเราก็รวมหัวกันคิด ค้นคว้า และพัฒนาเรื่องราว ในตอนสุดท้ายเราก็รู้ว่าพวกเราจะสามารถทำงาน มีความสนุก และกำลังสิ่งที่วิเศษร่วมกัน" นอกจากที่จะมีพล็อตเรื่องที่น่าสนใจแล้ว บทภาพยนตร์ที่คิดขึ้นมากันตรงนั้นและสไตล์การถ่ายทำที่ แกเร็ธ มีอยู่ในหัว ทำให้ สกู๊ต ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น เขาเล่าว่า "ความรู้สึกแรกของผมก็คือ "แบบนี้มันไม่เวิร์กแน่!" แต่ผมคิดว่านั้นก็คือความรู้สึกที่ทำให้ตัวเองรู้สึกตื่นเต้น มันเป็นประสบการณ์ที่บ้ามาก พวกเราไปกันเป็นกลุ่มเล็ก เกือบตาย เกือบถูกลักพาตัว ใส่เกียร์เอารถมุ่งหน้าเข้าไปในป่าดงดิบกลางดึก และปรับเปลี่ยนทุกอย่างตามสถานการณ์ นี่คือครั้งหนึ่งในชีวิตจริงๆ" อีกส่วนหนึ่งของความน่าสนใจสำหรับนักแสดงทั้งสองก็คือ ความสมจริงของเนื้อเรื่อง วิทนี่ย์ เล่าว่า "เนื้อเรื่องของเราเริ่มต้นในช่วงที่พวกมันตั้งรกรากแล้ว ผู้คนรู้ดีแล้วว่ามีสัตว์ประหลาดพวกนี้อาศัยอยู่รอบตัว คำว่า "สัตว์ประหลาด" หรือ "สิ่งมีชีวิตนอกโลก" กลายเป็นคำที่ถูกใช้กันในชีวิตประจำวัน นี่กลายเป็นโลกที่พวกเราและพวกมันอาศัยอยู่ร่วมกัน" กุญแจที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในการทำให้บรรยากาศมีความสมจริงก็คือการดั้นสด แกเร็ธ ได้มอบแนวทางให้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในแต่ละฉาก และการพัฒนาของตัวละครทั้งสองควรเป็นอย่างไร แต่ก็ให้นักแสดงทำหน้าที่คิดคำพูดที่รู้สึกในตอนนั้นขึ้นมา ซึ่งหมายความว่าในแต่ละครั้งพวกเขาอาจจะต้องดั้นสดเป็นเวลานานกว่า 40 นาทีเพื่อให้ได้สิ่งที่ผู้กำกับต้องการ สกู๊ต เล่าถึงประสบการณ์ว่า "การดั้งสดถือเป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุด ผมต้องดั้นสดออกมาจนกว่า แกเร็ธ จะสั่งคัท และเขาก็จะพูดกับผมว่า "โอเค คุณช่วยพูดแบบนั้นอีกทีได้หรือเปล่า" แต่ผมไม่รู้ว่าเขาอยากให้ผมพูดช่วงไหนกันแน่ เพราะผมพูดอยู่คนเดียวมาตั้ง 10 นาที (หัวเราะ) ดังนั้นผมเลยถามเขาว่าต้องการให้พูดตรงไหน เขาก็บอกผมว่า "เอาหมดเลย" (หัวเราะ) มันเป็นความท้าทายสำหรับนักแสดงจริงๆ แต่ถ้าเขาบอกให้ทำอีกผมก็พร้อมที่จะทำเพื่อเขา" --------------------------------------------------การถ่ายทำ-------------------------------------------------- นอกจากสองนักแสดงมืออาชีพแล้ว นักแสดงคนอื่นใน Monsters ก็คือชาวบ้านที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในหนังก่อนที่จะถ่ายทำเพียงแค่ 20 นาที เอ็ดเวิร์ดส เล่าว่า "มันเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม คุณบอกให้พวกเขารู้ว่าไม่ควรทำอะไรและต้องทำอะไรบ้างเพื่อทำให้การถ่ายทำราบลื่น คุณไม่สามารถควบคุมได้และมันขึ้นอยู่กับการสื่อสารเท่านั้น" สกู๊ต เล่าว่า "ตอนแรกผมไม่แน่ใจว่า การเดินทางเพื่อหาคนในพื้นที่มาแสดงในหนังจะเป็นเรื่องดี ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นความกดดันสำหรับนักแสดงสมัครเล่น แต่กลายเป็นว่าทุกอย่างออกมายอดเยี่ยม พวกเขาเปิดรับและยอมทำตามทุกอย่าง ผมได้พบกับคนมากมายระหว่างการเดินทาง ผู้คนที่คุณไม่มีโอกาสรู้จักถ้าไม่เข้าไปในป่า มันทำให้ผมรู้สึกซาบซึ้งถึงคุณค่าและน้ำใจของเพื่อนมนุษย์ ผมอยากได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับชีวิตของพวกเขา" Monsters มีทีมงานเพียง 4 คนและไกด์หนึ่งคน ทั้งหมดเดินทางไปยังกัวเตมาลา, บาซิเล่ และ เม็กซิโก ตะลุยถ่ายทำตามสถานที่โดยไม่มีการวางแผนที่แน่นอน แกเร็ธ อธิบายว่า "พวกเราอยากเห็นสถานที่แปลกตาและน่าตื่นเต้น พวกเราเลือกที่จะท้าทายตัวเองในสถานที่อันห่างไกล เพราะเราต้องการให้การเดินทางสร้างความกดดันมากขึ้นเรื่อยๆสำหรับตัวละคร" วิทนี่ย์ อธิบายว่า "ฉันจะไม่มีวันลืมการเดินทางในหนังเรื่องนี้ การเดินในป่าดงดิบ การปีนขึ้นไปบนซากอารยธรรม การนั่งเรือ รถ รถไฟ สภาพบรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปตลอดเวลา นำพาเราไปสู่ความท้าทายครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งในโลกของภาพยนตร์ และโลกของความจริง พวกเราเจอทั้งยุง จระเข้ งูเหลือม ความร้อน และอาการขาดน้ำ มีวันหนึ่งที่เราต้องกลับเข้าไปในป่าดงดิบหลังฟ้ามืด และฉันก็มั่นใจว่าเราต้องถูกเสือกินแน่ๆ (หัวเราะ) สภาพอากาศเลวร้ายมาก คุณไม่สามารถทำนายอะไรได้ในป่าดงดิบ แต่มันก็เป็นประสบการ์ที่ตื่นเต้น ฉันชอบทุกวินาทีที่ถ่ายทำหนังเรื่องนี้ ฉันได้รับประสบการณ์ในแบบที่นักท่องเที่ยวไม่มีทางได้สัมผัส" หลังจากถ่ายทำก็มาถึงช่วงการทำโพสโปรดักชั่น ความท้าทายที่สุดในสำหรับผู้กำกับ เอ็ดเวิร์ดส ก็คือ การจินตนาการว่าสัตว์ประหลาดของเขาจะมีหน้าเป็นอย่างไร "ผมใช้เวลากว่าหนึ่งปีในการสร้างสัตว์ประหลาด มีการร่างออกแบบนับร้อยตัว จนในที่สุดผมก็ได้ลองสร้างสัตว์ประหลาดด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อทำให้มันดูมีความน่าสนใจมากขึ้น" ----------------------------------------------------บทสรุป---------------------------------------------------- สำหรับ แกเร็ธ ฉากที่เขาชอบที่สุดดูเหมือนจะไม่ใช่ฉากแอ็คชั่น "ฉากที่ผมชอบที่สุดก็คือฉากในโรงแรมที่เป็นการสนทนาหว่างตัวะละครของ สกู๊ต และ วิทนี่ย์ โดยในตอนหนึ่งเธอเปิดทีวีและก็มีข่าวของสัตว์ประหลาดกำลังโจมตีเมือง และ แซม ก็หาวและนอนเหยียดตัวอยู่ในห้อง เรื่องแบบนี้อาจเปรียบเทียบได้กับสงครามอิรักหรือสงครามอื่นๆในปัจจุบัน คือถึงแม้จะมีความเพี้ยนเกิดรอบตัวคุณ คุณก็ยังทำสิ่งต่างๆเป็นปกติ เพราะในชีวิตจริงไม่ใช่ว่าจะมีสัตว์ประหลาดอยู่รอบตัว ที่ผู้คนจะต้องตื่นตะหนกหรือวิ่งหนีตลอดเวลา" สำหรับ สกู๊ต ประสบการณ์ที่ทำให้เขารู้สึกดีที่สุดก็คือการได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพวกเด็กๆ "ผมชอบตอนที่เราขอถ่ายทำกับครอบครัวหนึ่งซึ่งให้แผนที่กับเรา พวกเขาเสนอให้เราค้างหนึ่งคืน ผมได้เล่นกับลูกชายวัย 2 ขวบ พวกเราเล่นกันสนุก ผมสอนให้เขารู้เกี่ยวกับการถ่ายภาพ ผู้หญิง และการโตเป็นผู้ใหญ่ด้วย (หัวเราะ)" สำหรับ วิทนี่ย์ มันเป็นประสบการณ์ที่เธอจะไม่มีวันลืมด้วยเหตุผลหลายประการ "ฉันได้หัวเราะ ร้องไห้ ทำสิ่งที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำทั้งในระดับส่วนตัวและอาชีพนักแสดง ฉันอยากทำแบบนี้อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ สกู๊ต พวกเรารู้ว่าถ้าเรารอดจากครั้งนี้ไป เราก็จะทำอะไรร่วมกันได้ทุกอย่าง คุณรู้ไหมว่าเขาขอฉันแต่งงานไม่นานหลังจากถ่ายทำจบ นี่คือความฝันที่เป็นจริงสำหรับฉัน" แกเร็ธ กล่าวสรุปว่า "ผมรู้สึกภูมิใจกับหนังเรื่องนี้ที่สุด มันมีช่วงเวลาที่ผมไม่แน่ใจว่าจะสามารถทำมันสำเร็จไหม แต่ผมก็รู้สึกว่าตัวเองได้ทำบางสิ่งที่แตกต่าง และเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าเท่าที่ผมเคยมีในชีวิต และมันเป็นหนังที่ผมอยากดูในโรงภาพยนตร์ ผมคิดว่ามันเป็นหนังที่เล่าเรื่องราวของความรักที่ผู้ชายทุกคนอยากดู และเป็นหนังสัตว์ประหลาดที่ผมมั่นใจว่าผู้หญิงทุกคนต้องชอบ มันเกี่ยวกับการเดินทางของมนุษย์สองคนที่ได้รับทั้งประสบการณ์ทางร่างกายและจิตใจ" -------------------------------------------------ทีมนักแสดง------------------------------------------------- สกู๊ต แม็คไนรี่ย์ (รับบทเป็น คาร์ลเดอร์) เส้นทางอาชีพของ สกู๊ต แม็คไนรี่ย์ เริ่มต้นที่เมืองริชาร์ดสัน รัฐเท็กซัส ความหลงไหลในภาพยนตร์เริ่มต้นจากการที่พ่อแม่พาไปดูหนังทุกอาทิตย์ ซึ่งทำให้เขาเริ่มแสดงละครเวทีในโรงเรียน ก่อนที่จะย้ายมาเมืองใหญ่อย่างออสติน และได้แสดงหนังครั้งแรกชื่อว่า Wrong Numbers ที่ได้รับรางวัลหนังยอดเยี่ยมของ Austin Film Festival สกู๊ต เดินทางไปยังฮอลลิวู้ดและแสดงในโฆษณามากกว่า 200 ตัว โดยนอกจากภาพยนตร์เรื่องล่าสุดอย่าง Monsters แล้ว สกู๊ต ยังแสดงในหนังอินดี้สุดฮิตเรื่อง In Search of a Midnight Kiss ที่ได้รับรางวัล John Cassavetes award จาก Independent Spirit Awards และ Art School Confidential ที่แสดงคู่กับ จอห์น มัลโควิช โดยเขายังมีผลงานในซีรี่ย์ชื่อดังมากมาย เช่น Six Feet Under, Bones, My Name is Earl, The Shield และ How I Met Your Mother วิทนี่ย์ เอเบิ้ล (รับบทเป็น แซม) เกิดในเมืองฮูสตัน รัฐเท็กซัส วิทนี่ย์ เริ่มต้นการฝีกฝนการแสดงตั้งแต่เด็ก เธอแสดงในโรงละครท้องถิ่นก่อนที่จะเรียนการแสดงในช่วงมัธยม หลังจากนั้นเธอเดินทางไปศึกษาที่มหาวิทยาลัย แมรี่เม้าท์ แมนแฮตตัน โดยได้เรียนการแสดงกับอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากมาย เมื่อ วิทนี่ย์ ย้ายมาอยู่ในแอลเอ เธอก็รับงานแสดงทั้งภาพยนตร์และซีรี่ย์ชื่อดังอย่าง CSI: NY และ Cold Case ส่วนผลงานทางจอเงินที่ทำให้ผู้คนจดจำได้นั้นก็คือหนังสยองขวัญเรื่อง All The Boys Love Mandy Lane รวมถึงหนังสุดเซอร์ไพรซ์ปประจำปีนี้อย่าง Monsters ----------------------------------------------------ทีมงาน----------------------------------------------------- แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส (ผู้กำกับ / เขียนบท / กำกับภาพ / ทำเอฟเฟ็ค) แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส พยายามทำลายข้อจำกัดของคนทำหนังอิสระ โดยหนังสั้นวิทยานิพจน์ของเขาคือภาพยนตร์ที่ผสมผสานระหว่างการใช้คนแสดงจริงและดิจิตอล เอฟเฟ็ค ผลลัพท์ที่ได้ก็คือการได้ข้อเสนอในการร่วมงานกับช่องรายการสารคดีชื่อดัง ได้รางวัลแบฟต้าและถูกเสนอชื่อเช้าชิงรางวัลเอ็มมี่ สาขาเทคนิกพิเศษยอดเยี่ยม ที่เขาทำมันในห้องนอนของตัวเอง แกเร็ธ เพิ่งมีผลงานการกำกับเรื่อง Attila the Hun ให้กับทางช่อง BBC โดยสร้างเอฟเฟ็ค 250 ช็อตด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามเขายังรู้สึกถึงขั้นตอนที่ยุ่งยากของการสร้างหนังในระบบ เขาได้เข้าร่วมโครงการ Scifi London’s 48 hour film contest เพื่อหวังที่จะพิสูจน์ว่าการถ่ายทำเพียง 2 วัน ไม่มีทีมงานและมีนักแสดงคนเดียว คุณก็สร้างสามารถสร้างหนังที่ยอดเยี่ยมออกมาได้ หนังของเขาได้รับรางวัลชนะเลิศและเปิดโอกาสให้เขาสร้างหนังที่ฉายโรงครั้งแรกชื่อว่า Monsters เจมส์ ริชาร์ดสัน (ผู้อำนวยการสร้าง) เจมส์ ริชาร์ดสัน เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Vertigo Films ในปี 2002 และอำนวยการสร้างหนังมาแล้วกว่า 11 เรื่อง ตั้งแต่ The Football Factory จนถึงล่าสุดอย่าง StreetDance 3D โดยทางบริษัท Vertigo เพิ่งเข้าร่วมกับบริษัมสามมิติของอเมริกา Paradise FX ในการสร้างเทคโนโลยีให้กับหนังในทวีปยุโรป โดยผลงานที่ผ่านมาของบริษัทเอฟเฟ็คนี้ก็มีอย่าง My Bloody Valentine, The Hole, StreetDance 3D รวมถึง Drive Angry ของ นิโคลัส เคจ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ