“สามารถ”โชว์กำไรสูงขึ้นยกกลุ่ม เกือบทะลุ 40 เปอร์เซนต์

ข่าวเทคโนโลยี Friday November 12, 2010 08:52 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 พ.ย.--สามารถคอร์ปอเรชั่น กลุ่มบริษัทสามารถแจ้งผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2553 โดยมีรายได้รวม3,755 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน คิดเป็นกำไรสุทธิ 193 ล้านบาท เพิ่มขึ้น39 เปอร์เซนต์ โดยในระยะเวลา 9 เดือนที่ผ่านมา มีรายได้รวมแล้วทั้งสิ้น 12,620 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิรวม 485 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 59 เปอร์เซนต์และสูงกว่ากำไรปีที่แล้วทั้งปี ( 455 ล้านบาท ) คาดการณ์ไตรมาส 4 ยังคงสดใส พร้อมลุ้นโครงการใหญ่และโอกาสทางธุรกิจอีกมาก นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2553 ที่ผ่านมาว่าสถานการณ์บ้านเมืองและเศรษฐกิจที่กระเตื้องขึ้นได้ส่งผลดีต่อทิศทางการเติบโตของธุรกิจในกลุ่มสามารถ ทั้งในส่วนของธุรกิจ ICT Solutions ที่ประสบความสำเร็จในการเซ็นสัญญาโครงการต่างๆ รวมมูลค่างานในมือปัจจุบัน 4,500 ล้านบาท โดยคิดเป็นมูลค่างานโครงการที่ปิดได้ในไตรมาส 3 กว่า 1,000 ล้านบาท เช่น โครงการระบบสื่อสารวิทยุเฉพาะกิจ (Trunk Radio ) สำหรับชายแดนภาคใต้ โครงการระบบเช็คอินผู้โดยสาร ( Cute Check-in ) ที่ สถานีมักกะสัน ทั้งนี้ บมจ.สามารถเทลคอม มีรายได้รวมไตรมาส 3 จำนวน 1,026 ล้านบาท ลดลง 28 เปอร์เซนต์ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน เนื่องจากความล่าช้าเล็กน้อยในการเซ็นสัญญา อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยนับรวม 3 ไตรมาสที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 292 ล้านบาท เกือบเท่ากำไรสุทธิรวมของปี 2552 ทั้งปี ( 97 เปอร์เซนต์ ) สำหรับในไตรมาส 4 บริษัทฯ จะเข้าร่วมการประมูลโครงการทางด้านการสื่อสารโทรคมนาคมมูลค่ารวมกันกว่า 4,000 ล้านบาท โดยยังไม่นับรวมโครงการขยายโครงข่าย 3 จี ทั่วประเทศของทีโอทีซึ่งคาดว่าจะมีการประมูลในต้นปี 2554 ทั้งนี้ เราได้มีการเตรียมการอย่างเต็มที่ พร้อมจับมือกับพันธมิตร เพื่อเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆ ดังกล่าว จึงมั่นใจว่าจะมีจำนวนงานในมือเพิ่มขึ้น และเป็นฐานในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มสามารถในการขยายตัวสู่ธุรกิจเทคโนโลยีอื่นๆ ต่อไป ส่วนธุรกิจ Mobile Multimedia โดยบริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) มีรายได้รวมไตรมาส 3 ทั้งสิ้น 2,058 ล้านบาท ลดลง 18 เปอร์เซนต์ ในขณะที่มีกำไรสุทธิ 51 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 50 เปอร์เซนต์ โดยในระยะเวลา 9 เดือนที่ผ่านมา มียอดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือรวม 2.7 ล้านเครื่อง เท่ากับยอดจำหน่ายโตขึ้น 6 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของยอดจำหน่ายในประเทศซึ่งมีสัดส่วนของกำไรสุทธิที่สูงกว่า จึงส่งผลต่อกำไรในภาพรวมที่ดีขึ้น ที่สำคัญ จากนี้ไปจะเป็นช่วงการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยีและอุปกรณ์มือถือเข้าสู่ยุค 3 จีอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งนี่คือโอกาสการเติบโตทาง ธุรกิจของกลุ่มสื่อสารทั้งระบบ โดยเฉพาะ MVNO หรือการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 จี บนเครือข่ายทีโอที 3 จี , Content และ Device หรืออุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งบริษัทฯ มีครบทั้ง 3 ส่วน จึงมั่นใจว่าไอ-โมบายจะสามารถสร้างความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน สำหรับในไตรมาส 4 ซึ่งถือเป็นไฮซีซั่น บริษัทฯ จะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างเต็มรูปแบบ มีการเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ๆ กว่า 25 รุ่น เน้นทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ในระบบ 3G แอนดรอยด์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นมัลติมีเดียมีฟังก์ชั่นครบครันในราคาคุ้มค่า สามารถรองรับการใช้งานคอมมูนิตี้ ออนไลน์ เฟชบุ๊ก ทวิตเตอร์ และการแชต ผ่านโปรแกรมต่างๆ จนถึงการใช้งาน Push Content & Application, Push Mail นอกจากนี้ยังจะมีการเปิดตัวบริการ VDO Call Center รองรับการให้บริการ Video Content หลากหลายประเภท เช่น บริการ หมอดูสดผ่าน Video Call เป็นต้น รวมทั้งยังเป็นการให้บริการลูกค้าสัมพันธ์แก่ผู้ใช้บริการ i-mobile 3GX อีกทางหนึ่งด้วย ในสายธุรกิจอื่นๆ ก็มีผลประกอบการที่ดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจคอลล์เซ็นเตอร์ ล่าสุดบริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด ในเครือสามารถ ได้บรรลุข้อตกลงและเซ็นสัญญากับสำนักงานประกันสังคม มูลค่า 547 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 3 ปี และยังได้เซ็นสัญญาเช่าซื้ออุปกรณ์การให้บริการคอลเซ็นเตอร์กับกองทุนบำเน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) มูลค่า 18 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 5 ปี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ในระหว่างการนำเสนองานแก่องค์กรภาคเอกชนรายใหญ่หลายราย คาดว่าจะมีรายได้ทั้งปีเพิ่มขึ้นถึง 50 เปอร์เซนต์ ยิ่งไปกว่านั้น ธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด ก็มีรายได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่ารายได้ทั้งปีจะสูงขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนบริษัท แคมโบเดีย แอร์ทราฟฟิค เซอร์วิสเซส จำกัด และบริษัท กัมปอตเพาเวอร์แพลนท์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศกัมพูชา ก็สร้างรายได้ประจำให้แก่กลุ่มสามารถอย่างต่อเนื่อง “ในปีนี้ เรามุ่งเน้นการการเติบโตทางธุรกิจที่ยั่งยืน โดยในระยะเวลา 9 เดือนที่ผ่านมา ผลประกอบการที่ปรากฎ โดยเฉพาะอัตราการทำกำไรที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเราสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามเป้าหมายแม้ต้องเผชิญกับปัจจัยลบต่างๆ และเพื่อเป็นการสร้างรากฐานธุรกิจที่แข็งแรงต่อไปปีนี้ เราได้มีการศึกษาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ อย่างจริงจัง พร้อมที่จะประกาศอย่างชัดเจนในต้นปีหน้า” นายวัฒน์ชัยกล่าวปิดท้าย “กลุ่มบริษัทสามารถ” มุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการด้านเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอย่างครบวงจร ภายใต้บริษัทในเครือกว่า 20 บริษัท และมี 3 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกอบด้วย บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) และ บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ