MOVIE: My Soul to Take 3D 7 ตายย้อนตาย

ข่าวบันเทิง Friday November 12, 2010 09:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 พ.ย.--สหมงคลฟิล์ม ประเภท สยองขวัญ คำโปรย Only One Has The Power To Save Their Souls กำหนดฉาย 25 พฤศจิกายน 2010 เว็บไซด์ภาพยนตร์ http://www.iamrogue.com/mysoultotake บริษัทจัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์ อำนวยการสร้าง/กำกับ/เขียนบท เวส คราเว่น (ต้นฉบับ A Nightmare on Elm Street, Scream I-III) นำแสดง แม็กซ์ เธียริอ็อต (Jumper, Chloe, Catch that Kid) เอมิลี่ มีอาเด้ (Twelve, ซีรี่ย์ Boardwalk Empire) เดนเซล วิทเทคเกอร์ (The Great Debaters) ซีน่า เกรย์ (In Good Company) นิค ลาชาเวย์ (The Last Song) ร่วมพิสูจน์ตำนานเชือดสยองบทใหม่ ผลงานเรื่องล่าสุดของ เวส คราเว่น ผู้ให้กำเนิด "นิ้วเขมือบ" และ “Scream” ...ข้ า ท อ ด ก า ย ล ง เ พื่ อ พั ก ผ่ อ น... ...ภ า ว น า ใ ห้ พ ร ะ อ ง ค์ รั ก ษ า ด ว ง วิ ญ ญ า ณ... ...แ ต่ ถ้ า ข้ า จ ะ ต้ อ ง ต า ย ก่ อ น ลื ม ต า... ...ก็ ข อ ใ ห้ พ ร ะ อ ง ค์ เ ป็ น ผู้ พ ร า ก ด ว ง วิ ญ ญ า ณ... ---------------------------------------------เนื้อเรื่อง---------------------------------------------- ผลงานเรื่องล่าสุดของผู้กำกับ เวส คราเว่น ที่ให้กำเนิดหนังเชือดสยองในตำนานอย่าง A Nightmare on Elm Street (นิ้วเขมือบ) และ Scream (หวีดสุดขีด) โดยเขารับหน้าที่กำกับและเขียนบทเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ Wes Craven's New Nightmare และเป็นหนังเรื่องแรกของเขาที่ถูกฉายในระบบดิจิตอล ณ. เมืองริเวอร์ตันอันเงียบสงบ มีตำนานเล่าขานถึงคำสาบานของฆาตกรโหด ที่จะกลับมาเอาชีวิตของเด็ก 7 คนในค่ำคืนที่เขาถูกสังหาร อีก 16 ปีต่อมาเหตุฆาตกรรมก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้ฆาตกรจะเป็นหนึ่งในเด็กทั้ง 7 คน หรือว่าจะเป็นฆาตกรคนเดิมที่กลับมาจากนรกกันแน่ มีผู้ชายเพียงคนเดียวที่รู้คำตอบ อดัม "บัค" เฮลเลอร์ (แม็กซ์ เธียริอ็อต) เกิดในคืนเดียวกับที่ เอเบล พ่อของเขากลายเป็นคนเสียสติ เขาไม่เคยล่วงรู้ถึงคดีฆาตกรรมที่พ่อก่อเอาไว้ ซึ่งทำให้เขาฝันร้ายทุกคืนตั้งแต่จำความได้ แต่ถ้า บัค ต้องการช่วยเพื่อนๆ จากปีศาจที่หวนกลับคืนมา เขาก็ต้องเริ่มค้นหาและเผชิญหน้ากับความจริง ก่อนที่คำสาบานของฆาตกรโหดจะกลายเป็นจริง ด้วยไอเดียที่มาจากสมองของ เวส คราเว่น เรื่องแรกนับตั้งแต่ New Nightmare และเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่ไม่มีใครเหมือนในการปลุกปั้นเรื่องราวอันน่าสะพรึงกลัว รวมถึงการถือกำเนิดของ เดอะ ริปเปอร์ ฆาตกรสุดโหดที่อันตรายไม่แพ้ เฟรดดี้ ครูเกอร์ และ ฆาตกรหน้าผี โดยเจ้าแห่งหนังสยองขวัญคนนี้ได้บอกเราว่าสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวที่สุดนั้นอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน My Soul to Take อำนวยการสร้าง/กำกับและเขียนบทโดย เวส คราเว่น นอกจากนั้นก็ยังมีทีมงานคุณภาพ เช่นผู้กำกับภาพ เพตรา คอร์เนอร์ (The Wackness), ผู้ออกแบบงานสร้าง อดัม สต็อคเฮาเซน (Scream 4), ผู้ตัดต่อ ปีเตอร์ แม็คนัลตี้ (The Last House on the Left), ผู้แต่งเพลง มาร์โค เบลตรามี่ (The Hurt Locker) และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เคิร์ต แอนด์ บาร์ต (Fighting) My Soul to Take นำแสดงโดยกลุ่มนักแสดงดาวรุ่ง แม็กซ์ เธียริอ็อต จาก Jumper และ Chloe, เอมิลี่ มีอาเด้ จาก Twelve และซีรี่ย์ Boardwalk Empire, เดนเซล วิทเทคเกอร์ จาก The Great Debaters, ซีน่า เกรย์ จาก In Good Company และ นิค ลาชาเวย์ จาก The Last Song -----------------------------------เปิดตำนานเชือดบทใหม่----------------------------------- ผมชื่อ อดัม เฮลเลอร์แมน แต่ทุกคนเรียกว่า "บัค" ผมอาศัยในเมืองริเวอร์ตัน รัฐแมสซาชูเซท เมืองเล็กๆที่ขึ้นชื่อเรื่องการตกปลา ท่องเที่ยว... และเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องโดย "ริเวอร์ตัน ริปเปอร์" ผู้กำกับ เวส คราเว่น กลับมาสู่รากเหง้าของตัวเองกับหนังเชือดสยองที่เขาเป็นผู้ให้กำเนิดใน My Soul to Take โดยเขาได้ไอเดียจากตำนานเล่าขานที่จบด้วยโศกนาฏกรรม และภาพความรุนแรงที่ทำให้เขาสะดุ้งตื่นกลางดึก ถึงแม้ว่าจะน่ากลัวแต่เขาก็ยอมรับว่ามันทำให้ตัวเองตื่นเต้นจนต้องกลับมากำกับหนังอีกครั้ง "เป็นเวลานานมาแล้วที่ผมไม่ได้ทั้งกำกับและเขียนบทภาพยนตร์ ผมกำกับ Red Eye และหนังเรื่องอื่นๆอีกมากมายกับคนเขียนบทที่มีพรสวรรค์ แต่มันก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับชีวิตของผมเท่ากับหนังเรื่องนี้" ฆาตกรโหด ริเวอร์ตัน ริปเปอร์ สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจในการสร้างปีศาจร้ายที่สังหารเหยื่อให้เมืองเล็กๆใน My Soul to Take คราเว่น ตั้งคำถามกับตัวเองว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนที่ใช้ชีวิตแบบปกติธรรมดาเกิดพบอาวุธที่ฆาตกรเคยใช้ และเมื่อพบว่าอาวุธนั้นเป็นของเขา เขาก็เริ่มที่จะสืบหาถึงต้นตอและต้องตะลึงไปกับสิ่งที่ตัวเองค้นพบ" คราเว่น ก็ได้คิดถึงไอเดียของฆาตกรที่มีสองบุคลิก ด้านหนึ่งเขาคือหัวหน้าครอบครัวที่มีจิตใจอ่อนโยน อีกด้านหนึ่งคือฆาตกรโรคจิต เขาเป็นใครบางคนที่เป็นทั้งเหยื่อและ ริเวอร์ตัน ริปเปอร์ ในร่างเดียวกัน คราเว่น อธิบายว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น แต่อีกวินาทีต่อมืดของเขาก็เปื้อนเลือด ชีวิตของผู้ชายคนนี้เหมือนการสับสวิตซ์จากอีกคนไปสู่อีกคน" คราเว่น อธิบายต่ออีกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าบุคลิกอันชั่วร้ายหลุดออกจากฆาตกรโหดไปยังคนอื่นในคืนที่เขาถูกสังหาร มันเป็นแรงบันดาลใจให้กับไอเดียของทารกเจ็ดคนที่เกิดในคืนที่ ริปเปอร์ ตาย "ผมคิดว่ามันคงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ในการติดตามชีวิตของเด็กเหล่านั้น โดยเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของ บัค ตัวละครนำของเรื่อง" เขารู้ว่านี่เป็นเรื่องท้าทายในการเชื่อมโยงวิญญาณของ เดอะ ริปเปอร์ กับเด็กทั้งเจ็ดที่ถูกเรียกว่า "ริเวอร์ตัน เซเว่น" ที่เกิดในค่ำคืนเกิดเหตุ คราเว่น เล่าว่า "ผมคิดว่าบทภาพยนตร์มีความซับซ้อนกว่าหนังเชือดสยองทั่วไป มันเป็นงานท้าทายในการทำให้ตัวละครมีปฏิสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของวัยรุ่นในโรงเรียนและความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ผมต้องการเชื่อมโยงตัวละครทุกตัวภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมงที่เกิดขึ้นในหนัง" เมื่อ ไอย่า ลาบันก้า ภรรยาของ คราเว่น ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้อำนวยการสร้างอ่านบทภาพยนตร์ เธอก็รู้ทันทีว่าเขาได้ให้กำเนิดฆาตกรโรคจิตคนใหม่ขึ้นมา ซึ่งน่ากลัวไม่แพ้ฆาตกรโรคจิตที่เขาเคยสร้างในอดีต ลาบันก้า เผยว่า "ความกลัวที่มีทรงประสิทธิภาพที่สุดเกิดขึ้นในจินตนาการของตัวเอง ฉันคิดว่า เดอะ ริปเปอร์ จะทำให้ผู้ชมกลัวในหลายระดับ ทั้งความโหดจากการกระทำภายนอกและการเล่นกับจินตนาการของคุณจากภายใน แต่เขาก็ยังมีอารมณ์ขันที่บูดเบี้ยว ซึ่งถือเป็นลายเซ็นเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใครของ เวส" My Soul to Take ถือเป็นหนังสยองขวัญแนวจิตวิทยาเหมือนหนังเรื่องก่อนๆของ คราเว่น เมื่อผู้ชมได้รู้จักกับผู้ชายที่ชื่อ เอเบล เขาใช้ชีวิตแบบคนปกติ แต่ทันใดนั้นความชั่วร้ายก็เข้ามาครอบงำและทำให้เขามุ่งเข้าสู่วิถีทางแห่งความชั่วร้าย ซึ่งมันก็ตามล่าทุกคน เอเบล รักที่สุด ลาบันก้า เล่าต่อว่า "นั้นคือสิ่งที่น่ากลัวเกี่ยวกับฆาตกรของพวกเรา เขามีครอบครัวที่เขายอมพลีชีวิตให้ได้ แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมอสูรร้ายภายในจิตใจที่ทำลายทุกคนรอบตัว เขาไม่สามารถควบคุมหรือมีส่วนร่วมในการกระทำเลย มันน่ากลัวเพราะมันสามารถเกิดขึ้นกับเราทุกคน และเกิดขึ้นในแนวทางที่ไม่สามารถควบคุมได้" เรื่องราวที่ถูกเล่าจากมุมมองของลูกชายฆาตกรอย่าง บัค เขามีเป้าหมายในการค้นหาว่า แท้จริงแล้ว เอเบล เป็นคนที่มีจิตใจดีแต่ถูกบางอย่างเข้าสิง หรือว่าเขาจะเป็นฆาตกรโหดที่มีจิตใจวิปริตตั้งแต่แรก มากไปกว่านั้น บัค ต้องค้นหาว่าคนที่กลับมาฆ่าอีกครั้งคือ ริเวอร์ตัน ริปเปอร์ หรือว่าเป็นหนึ่งในเด็ก 7 คนที่ถูกสิงโดยวิญญาณอาฆาต... หรือว่าที่ยิ่งน่ากลัวไปกว่านั้น คือวิญญาณดวงนั้นอยู่ในตัว บัค ตั้งแต่แรก หัวใจของตำนานเล่าขานใน My Soul to Take ถูกเล่าโดย ฌอง แบบติสท์ (รับบทโดย ดาเนีย กูริร่า) เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยที่เกิดในเฮติ ที่เป็นผู้เห็นการสังหารของ ริปเปอร์ เมื่อหลายปีก่อน โดย คราเว่น ได้อธิบายว่า "ชาวเฮติเล่าว่าการที่มนุษย์มีหลายบุคลิก เกิดจากเรามีดวงวิญญาณหลายดวงอยู่ในร่าง และถ้าเขาเกิดตายนั้นก็ไม่ใช่จุดจบ เพราะแม้ร่างกายจะสูญสลายแต่ดวงวิญญาณยังคงมีชีวิต และดวงวิญญาณของ ริปเปอร์ ก็เคลื่อนย้ายไปสิงอยู่กับร่างอื่น และเป็นจุดกำเนิดของฆาตกรต่อเนื่องคนใหม่" การเปลี่ยนแปลงภายในจิตใจยังเป็นกุญแจหลักของเรื่อง คราเว่น เล่าว่าสิ่งที่เกิดขึ้นถูกถ่ายทอดผ่านทางตัวละครนำ "สำหรับ บัค แล้วประสบการณ์สอนให้เขารู้ว่า ความตายอาจฉุดกระชากวิญญาณดวงเก่า แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการกลับมาเกิดใหม่ มันเป็นสิ่งที่ บัค ต้องเผชิญหน้า และผมคิดว่านี่คือสิ่งที่เราทุกคนต้องเผชิญหน้า พวกเราต้องพยายามขจัดภาพลวงตา เราพบว่าหลายสิ่งที่เกิดขึ้นคือเรื่องลวง เราต้องพยายามกอบกู้สิ่งที่ยังหลงเหลือให้ได้มากที่สุด" -------------------------วิญญาณที่ถูกสาป การคัดเลือกนักแสดง------------------------ ในเฮติ ผู้คนไม่ได้เกิดมามีหลายบุคลิก แต่พวกเขาเกิดมากับหลายดวงวิญญาณ - ฌอง แบบติสท์ เมื่อเตรียมงานพร้อม เวส คราเว่น ก็เริ่มต้นการคัดเลือกนักแสดง ที่จะเข้ามารับทเป็นสมาชิกแต่ละคนในกลุ่ม ริเวอร์ตัน เซเว่น โดยผู้อำนวยการสร้าง ไอย่า ลาบันก้า เล่าว่า "พวกเราต้องการทีมนักแสดงดาวรุ่งจริงๆ ที่ผู้ชมจะรู้สึกอินไปด้วยได้ พวกเราต้องหาความสมดุลระหว่างพวกเขาที่ต้องเล่นเป็นเพื่อนกัน แต่ก็ยังมีลักษณะทางบุคลิกภาพที่โดดเด่น" คราเว่น พบกับขั้นตอนการคัดเลือกนักแสดงมีความตื่นเต้น "พวกเราค้นพบกลุ่มนักแสดงมากพรสวรรค์ทั่วทั้งประเทศ และนักแสดงเด็กทุกคนที่เราคัดเลือกมาก็เหมาะสมกับบทที่สุด พวกเขามีความพิเศษและแตกต่างกัน" อดัม "บัค" เฮลเลอร์แมน คือตัวละครนำของเรื่อง แต่เขาก็เป็นตัวละครคนสุดท้ายที่ได้มีนักแสดงเข้ามารับบท โดยเริ่มแรกนั้นมีการเลือกนักแสดงคนนึงเข้ามาแล้ว แต่นักแสดงคนนั้นเกิดป่วยกระทันหันจนต้องถอนตัวไป แต่ในที่สุดทีมงานก็ได้ แม็กซ์ เธียริอ็อต เข้ามาแสดงแทนในนาทีสุดท้าย คราเว่น เล่าว่า "พวกเราพบกับนักแสดงที่เหมาะสมที่สุดแล้ว พระเจ้าเข้าข้างเราในการพบกับคนมาแทนที่ยอดเยี่ยมอย่าง แม็กซ์ เขาเข้าใจว่าตัวละครนี้จะถ่ายทอดมาในรูปแบบไหน" แม็กซ์ เธียริอ็อต นักแสดงจาก Jumper ยอมรับว่าตอนแรกเขากังวลกับการรับบทเป็น บัค "ถ้าตัวเองจะต้องแสดงในหนังสยองขวัญ มีผู้กำกับเพียงคนเดียวที่ผมอยากร่วมงานด้วยนั้นก็คือ เวส คราเว่น เขาเป็นเจ้าพ่อหนังสยองขวัญ และเมื่อผมได้อ่านบทภาพยนตร์ มันก็ไม่ใช่หนังเชือดสยองที่มีแต่กลิ่นคาวเลือดและความโหด มันมีความซับซ้อนและลึกซึ้งกว่าหนังสยองขวัญในตลาดทั่วไป มีรายละเอียดปลีกย่อยมากมายอยู่ในตัวของ บัค" โอกาสในการได้ร่วมงานกับ เวส คราเว่น ทำให้นักแสดงวัยรุ่นทุกคนฝันว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของหนัง จอห์น มากาโร่ (จาก The Brave One) รับบทเป็น อเล็ค ดังเคิลแมน เพื่อนสนิทของ บัค ที่มักถูกแกล้ง เขาเล่าว่า "หนังเรื่องนี้แตกต่างจากหนัง เวส เรื่องอื่นๆอย่างเช่น A Nightmare on Elm Street ที่มีเรื่องราวเหนือธรรมชาติ ในขณะที่ My Soul to Take มีความเป็นมนุษย์และเกี่ยวข้องกับตำนานเล่าขาน" เอมิลี่ มีอาเด้ นักแสดงสาวดาวรุ่งจาก Twelve (หนังของผู้กำกับ โจเอล ชูมัคเกอร์) ที่รับบทเป็น แฟง สาวที่มีนิสัยแปลกในโรงเรียน เธอเล่าว่า "การได้ร่วมงานกับผู้กำกับที่เป็นสัญลักษณ์แห่งวงการหนังสยองขวัญเป็นเรื่องที่ฉันยังไม่อยากเชื่อ แฟง ไม่ใช่ตัวละครที่มีเพียงมิติเดียว คุณจะได้เห็นทุกแง่มุมในตัวเธอ และนั้นก็เป็นสิ่งที่ทำให้หนังของ เวส คราเว่น มีความคลาสสิก หนังสยองขวัญทุกเรื่องที่ทำให้คุณกลัว คุณต้องเข้าใจและรู้จักกับตัวละคร ถึงแม้ว่าเขาจะร้ายแค่ไหนก็ตาม" เดนเซล วิทเทคเกอร์ นักแสดงดาวรุ่งจาก The Great Debater รับบทเป็น เจอโรม คิง หนึ่งใน ริเวอร์ตัน เซเว่น เผยว่าเขามีความท้าทายในการรับบทเป็นคนตาบอด "เมื่อผมได้ยินว่านี่คือหนังของ เวส คราเว่น ผมก็บอกกับตัวเองว่า “นี่ฉันจะได้ทำงานกับตำนานแห่งหนังสยองขวัญเหรอเนี่ย เขาคือผู้สร้าง เฟรดดี้ ครูเกอร์ เชียวนะ” (หัวเราะ) ผมจะไม่ยอมพลาดโอกาสในการเป็นส่วนหนึ่งในหนังของ คราเว่น เขาคือต้นฉบับของหนังสยองขวัญที่ไม่เคยมีใครเลียนแบบได้" ซีน่า เกรย์ จาก In Good Company รับบทเป็นสาวคลั่งศาสนา เพเนโลปี้ ไบรต์ ก็รู้สึกตื่นเต้นในการเป็นหนึ่งใน ริเวอร์ตัน เซเว่น แต่ความกังวลของเธอในระหว่างการซ้อมบท กลับหายไปหมดสิ้นเมื่อเริ่มต้นการถ่ายทำ "การทดสอบบทเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมมาก เพราะ เวส เป็นเหมือนอาจารย์ที่คอยให้กำลังใจนักเรียนทุกคน" นี่ยังเป็นหนังเรื่องแรกของ พอลลิน่า โอลซินสกี้ และเธอก็คว้าโอกาสในการได้ร่วมงานกับ เวส คราเว่น รวมถึงทีมนักแสดงที่เข้ามาก่อนหน้า โดยเธอรับบทเป็น บริททานี่ย์ คันนิ่งแฮม สาวที่ บัค แอบชอบ เธอเผยว่า "เวส เขียนบทภาพยนตร์และกำกับการแสดงได้อย่างยอดเยี่ยม มันเ)นความโชคดีของฉันที่ได้เริ่มต้นเส้นทางการแสดงในหนังของเขา" สำหรับบท เอเบล เพลนคอฟ หรือ “เดอะ ริปเปอร์” ทีมงานก็ได้เลือก ราอูล เอสพลาซ่า นักแสดงที่มีผลงานในละครเวที ซึ่งเขาเคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโทนี่มาแล้วใน Speed-the-Plow เขาเผยถึงการให้ความสนใจเข้ามารับบทว่า "เมื่อผมได้อ่านบทภาพยนตร์ ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้มีความฉลาดกว่าหนังเชือดสยองทั่วไป ผมเข้าไปทดสอบบทและถ่ายทอดบุคลิกที่หลากหลายออกมา ผมคิดว่ามันดูตลกและ เวส บอกว่าเขาชอบมาก และก็อยากให้ผมทำแบบนั้นในการถ่ายทำจริง" เอสพลาซ่า รู้ตั้งแต่แรกว่าเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของหนังที่สำคัญเรื่องหนึ่ง "คุณคงไม่คิดหรอกว่า เวส จะสร้างหนังสยองขวัญทั่วไปออกมา คุณรู้ว่าเขาต้องถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของเขา เวส มีความสามารถพิเศษในการเล่นกับสิ่งที่กระตุกประสาทคนดู เช่นใน A Nightmare on Elm Street เขาก็เล่นกับความกลัวในความฝันที่คุณควบคุมไม่ได้ ใน My Soul to Take เขาก็เล่นกับบุคลิกภาพที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เขาพยายามบอกว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในตัวมนุษย์ก็คือสัญชาตญาณดิบของตัวเอง" เจสสิก้า แฮช นักแสดงจาก Sideway รับบทเป็น เมย์ แม่บุญธรรมของ บัค ก็รู้สึกสนใจในสภาพจิตอันซับซ้อนที่เกิดขึ้นในหนัง เธอเล่าว่า "ฉันอ่านบทภาพยนตร์ภายในคืนเดียวและรู้สึกติดใจ เพราะพ่อของฉันเป็นจิตแพทย์ที่รับมือกับผู้ป่วยที่มีหลายบุคลิกภาพ ฉันพบว่าฆาตกรในเรื่องนี้มีความน่าสนใจ" ตลอดระยะเวลาการถ่ายทำ ทีมนักแสดงพบว่า คราเว่น มีความสนใจกับทุกตัวละคร แม็กซ์ เธียริอ็อต เผยว่า "เมื่อคุณทำงานกับ เวส คุณก็ต้องทุ่มเททุกอย่างให้กับเขา เวส เข้าใจสภาพจิตใจของแต่ละตัวละคร เมื่อคุณไปถามถึงสิ่งที่ติดขัด เขาก็สามารถให้รายละเอียดปลีกย่อยในสิ่งที่เกิดขึ้น ผมหวังว่าตัวเองมีความสามารถพอที่จะทำในสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาได้" -----------------------------การออกแบบงานสร้างและถ่ายทำ----------------------------- My Soul to Take ทำให้ เวส คราเว่น มีโอกาสในการทำงานร่วมกับทีมงานใหม่ครั้งแรกในรอบสองทศวรรษ เขาเล่าว่า "นี่คือหนังเรื่องแรกในรอบ 20 ปี ที่ผมได้ทำร่วมกับทีมงานที่แตกต่างจากเดิม มันเป็นเพราะว่าผมต้องการหาบรรยากาศใหม่ๆ และทดลองดูว่าแนวคิดใหม่ๆจะเกิดขึ้นมาในสภาพแวดล้อมใหม่ๆหรือไม่" เริ่มแรกเลยเพื่อนๆของ คราเว่น ก็แนะนำผู้กำกับภาพ เพตรา คอร์เนอร์ ที่เพิ่งมีผลงานในหนังคุณภาพเรื่อง The Wackness คราเว่น นึกถึงการพบกับเธอครั้งแรกว่า "ได้พบรู้จักกับตากล้องผู้หญิงที่เปี่ยมไปด้วยพลังงาน และมีไอเดียการถ่ายทำที่สอดคล้องกับพวกเรา และเธอก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง" อดัม สต็อคเฮาเซน เป็นผู้กำกับศิลป์ให้กับหนังเรื่อง The Darjeeling Limited ของผู้กำกับ เวส แอนเดอร์สัน ก็เข้ามารับหน้าที่เป็นผู้ออกแบบงานสร้างเป็นครั้งแรกใน My Soul to Take โดยเขาก็เป็นหนึ่งในทีมงานที่ คราเว่น รู้สึกประทับใจกับความสามารถ โดยทีมงานได้ไปถ่ายทำในรัฐคอนเน็คติกัต ซึ่งเป็นที่เดียวกับหนังเรื่องแรกของ คราเว่น ที่ชื่อ The Last House on the Left โดยใช้เวลาทั้งสิ้น 47 วัน เริ่มต้นในเดือนเมษายน ปี 2008 ก่อนที่จะปิดกล้องในเดือนมิถุนายน ทีมงานค้นพบสะพานข้ามแม่น้ำในสถานที่ ที่พวกเขาใช้ถ่ายทำฉากที่เหยื่อถูกสังหารก่อนที่จะตกลงไปในแม่น้ำ ผู้อำรวยการสร้าง ไอย่า ลาบันก้า เล่าว่า "พวกเราพบสะพานร้างที่ถูกสร้างตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 พวกเรามีระยะเวลาเพียงแค่วันเดียวในการถ่ายทำ และเมื่อเราไปถึงความหนาวและหมอกก็เข้ามาปกคลุมพอดี มันสมบูรณ์แบบมากในการสร้างบรรยากาศตามแบบฉบับหนังของ เวส คราเว่น" ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับทีมงานก็คือการถ่ายทำช่วงกลางคือตลอด 5 อาทิตย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถ่ายทำในป่าลึก คราเว่น เล่าถึงประสบการณ์ว่า "พวกเราต้องถ่ายทำในป่าและแม่น้ำกับอากาศที่หนาวเหน็บ ยังไม่รวมถึงแมลงและสัตว์ต่างๆที่คอยรบกวนเรายามค่ำคืน" ราอูล เอสพลาซ่า ที่รับบทเป็นฆาตกรโหดเล่าถึงประสบการณ์ว่า "ถึงการถ่ายทำในป่าจะหฤโหดแต่มันก็สนุกดีครับ (หัวเราะ) ไม่มีอะไรเหมือนการเหวี่ยงมีดขณะที่ร่างกายชุ่มไปด้วยเลือด และการตระโกนกันไปมาในตีสี่ของอีกวัน อีกทั้งการได้ทำงานร่วมกับเทคนิกพิเศษถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับผม ผมยังต้องเรียนรู้การแสดงฉากสตันท์และการต่อสู้อีกด้วย" ฉากสตันท์ที่เกิดขึ้นกับรถพยาบาลเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดของเรื่อง คราเว่น ถึงกับเอ่ยปากชมการทำงานของผู้ออกแบบฉากสตันท์อย่าง แมนนี่ ซิเวโร่ "ทุกทีที่เขาแสดงฉากสตันท์ให้ผมดู ผมถึงกับต้องอ้าปากค้าง ตอนแรกผมอยากจะให้รถกลิ้งสักสองสามตลบ แต่ว่าด้วยความที่รถพยาบาลเป็นทรงสี่หเหลี่ยม มันก็เลยเป็นไปไม่ได้ แต่สุดท้ายแล้ว แมนนี่ ก็สร้างแท่นกระโดดที่ทำให้รถพุ่งขึ้นไปกว่า 24 ฟุตบนอากาศ การกระแทกพื้นทำให้ผมต้องทึ่ง ฉากนี้เหมือนหลุดออกมาจากหนังแอ็คชั่นเลย" เพื่อทำให้จินตนาการของ คราเว่น สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น แอรอน ไวน์โทรบ ที่เคยทำเอฟเฟ็คให้กับหนังสยองขวัญอย่าง Silent Hill ก็ได้เข้ามาร่วมงาน โดยเขาพูดถึงโอกาสในการร่วมงานกับ เวส ว่า "ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับในตำนาน มันไม่ใช่แค่การสร้างสรรค์ฉากสังหารสุดโหด แต่มันยังเกี่ยวกับการสร้างบรรยากาศและเจาะลึกถึงสภาพจิตใจ สำหรับ เวส แล้วมันเกี่ยวกับอารมณ์และการใช้แสงเงาเพื่อสร้างความกลัวที่เกิดขึ้นในใจ" ทีมงานเอฟเฟ็คได้สร้างเมืองที่อยู่ติดแม่น้ำ เพราะไม่มีเมืองไหนในคอนเน็คติกัตที่อยู่ติดแม่น้ำ ไวน์โทรบ เล่าว่า "ส่วนมากแล้วเอฟเฟ็คจะถูกใช้ในพิธีกรรมของ ริปเปอร์ ช่วงตอนกลางคืน แต่ไอเดียของการให้เมืองอยู่ตรงข้ามกับแม่น้ำ ทำให้เราต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริม เพราะแม่น้ำใน My Soul to Take เสมือนเป็นตัวแทนของการแบ่งแยกระหว่างโลกในเมืองและป่า และพวกเราต้องการทำให้มันสมจริงที่สุดเท่าที่ทำได้" การเสริมสร้างความโหดและกลิ่นคาวเลือดก็ยังเป็นงานของทีมเอฟเฟ็ค ไวน์โทรบ เผยว่า "มันคือความสนุกที่พวกเราได้สร้างสรรค์อะไรเพิ่มขึ้นมา ในระหว่างการถ่ายทำพวกเขาพยายามโชว์ฉากโหดเท่าที่ทำได้ เพราะพวกเราไม่ต้องการใช้เทคนิกพิเศษอย่างพร่ำเพรื่อ พวกเราเพียงเพิ่มเติมเพื่อสร้างผลกระทบให้กับผู้ชมมากขึ้นเท่านั้น" ช่วงสุดท้ายของการถ่ายทำ My Soul to Take คราเว่น เล่าถึงประสบการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นว่า "ผมขอพูดจากใจจริงเลยว่า นี่คือหนังที่ผมคิดว่าตัวเองพอใจที่สุด ผมคิดว่ามันเกิดขึ้นเพราะเรามีทีมงานที่ยอดเยี่ยม ทุกคนทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจสำหรับหนังเรื่องนี้ มันมีชีวิตในรูปแบบที่ผมคาดหวังเอาไว้จริงๆ" ทีมนักแสดง แม็กซ์ เธียริอ็อต (รับบทเป็น บัค) เกิดที่รัฐแคลิฟอร์เนีย เขามีผลงานที่ผ่านตาเรามากมาย เช่น Kit Kittredge: An American Girl ที่มีนักแสดงร่วมจออย่าง อาบิเกล เบรสลิน, โจแอน คูแซ็ค, และ คริส โอดอนเนล รวมถึง Jumper หนังแอ็คชั่น/ไซไฟของผู้กำกับ ดัค ไลแมน ที่นำสแดงโดย เฮยเด็น คริสเต็นเซน และ ราเชล บิลสัน ก่อนหน้าที่เขาจะรับบทนำในหนังสยองขวัญเป็นครั้งแรกใน My Soul to Take เขาก็ได้รับบทนำใน Driving Lessons ที่แสดงร่วมกับ โฮป เดวิส และ เดอร์ม็อต มัลโรนี่ย์ รวมถึง Nancy Drew คู่กับ เอ็มม่า โรเบิร์ต และ The Astronaut Farmer กับ บิลลี่ บ็อบ ธอร์นตัน แม็กซ์ เเข้าวงการตั้งแต่เด็ก โดยเป็นนายแบบให้กับแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดัง เช่น Gap ก่อนที่จะได้รับโอกาสเข้ามาแสดงหนังในเรื่อง Catch That Kid ในปี 2004 ประกบคู่กับ คริสเต็น สจ๊วต และ The Pacifier ที่นำแสดงโดย วิน ดีเซล เอมิลี่ มิอาเด้ (รับบทเป็น แฟง) เธอเพิ่งมีผลงานล่าสุดใน Twelve ของผู้กำกับ โจเอล ชูมัคเกอร์ ที่ร่วมแสดงโดย แชส ครอว์ฟอร์ด และ เคอร์ติส แจ็คสัน รวมถึงผลงานในซีรี่ย์สุดฮิตทางเอชบีโอเรื่อง Boardwalk Empire ที่มี มาร์ติน สกอเซซี่ย์ เป็นผู้อำนวยการสร้าง ผลงานที่ผ่านมาของเธอ ก็ยังมีภาพยนตร์สุดเซอร์ไพรซ์ของเทศกาลหนังซันเด๊นซ์ที่ชื่อ Assassination of a High School President ที่มี บรูซ วิลลิส ร่วมแสดง และหนังอินดี้อีกเรื่อง The House Is Burning ที่อำนวยการสร้างโดยยอดผู้กำกับ วิม เวนเดอร์ โดยเธอยังมีผลงานในซีรี่ย์สุดฮิตอย่าง Law & Order อีกด้วย จอห์น มากาโร่ (รับบทเป็น อเล็ค) ผลงาน >>> The Brave One, The Box, The Life Before Her Eyes, Taking Chance เดนเซล วิทเทคเกอร์ (รับบทเป็น เจอโรม) ผลงาน >>> The Great Debaters, Training Day, CSI (ซีรี่ย์), Brothers & Sisters (ซีรี่ย์) ซีน่า เกรย์ (รับบทเป็น เพเนโลปี้) ผลงาน >>> In Good Company, The Bone Collector, The Shaggy Dog ทีมผู้สร้าง เวส คราเว่น (ผู้กำกับ / อำนวยการสร้าง / เขียนบท) ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของผู้กำกับสยองขวัญในตำนาน My Soul to Take เล่าถึงคำสาบานของฆาตกรโหด ที่จะกลับมาเอาชีวิตของเด็ก 7 คนในค่ำคืนที่เขาถูกสังหาร ในอีก 16 ปีต่อมาเหตุฆาตกรรมก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ฆาตกรจะเป็นหนึ่งในเด็กทั้ง 7 คน หรือว่าจะเป็นฆาตกรคนเดิมที่กลับมาจากขุมนรกกันแน่ สิ่งที่กลับมานอกจากฆาตกรก็คือผู้กำกับที่ให้กำเนิด Nightmare on Elm Street (นิ้วเขมือบ) และ Scream (หวีดสุดขีด) แฟรนไชส์หนังสยองขวัญสุดคลาสสิกที่ทำให้ชื่อของ คราเว่น, เฟรดดี้ ครูเกอร์ และ ฆาตกรหน้าผี กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งโลกภาพยนตร์ วันนี้เราก็จะมาย้อนรอยผลงานของ เวส คราเว่น เป็นที่น่าสนใจเมื่อเส้นทางของ เวส คราเว่น เกือบที่จะสิ้นสุดก่อนที่จะเริ่มต้น ผลงานเรื่องแรกของเขาในปี 1972 เรื่อง The Last House on the Left สร้างกระแสรุนแรงจนเขาไม่ได้กำกับหนังอีกจนกระทั่งปี 1977 โดยมันเป็นหนังทริลเลอร์ที่เล่าถึงการตามล้างแค้นที่มีเค้าโครงมาจากหนังของ อิงมาร์ เบิร์กแมน เรื่อง The Virgin Spring ที่พ่อแม่ต้องเผชิญหน้ากับฆาตกรโหดที่เพิ่งฆ่าลูกสาว นี่คือหนังที่แสดงให้เห็นถึงความกล้าของ คราเว่น ที่ปลุกกระแสหนังสยองขวัญ ผลงานเรื่องต่อไปของเขาในอีก 5 ปีต่อมาก็คือหนังสยองขวัญเรื่อง The Hills Have Eyes ในครั้งนี้ คราเว่น ได้ลงไปวิพากษ์วิจารณ์สังคมในยุคนั้น ด้วยการถ่ายทอดครอบครัวธรรมดาที่ไปพักร้อน แต่ก็ต้องพบกับต้องมนุษย์กลายพันธุ์กลางทะเลทราย ซึ่งก็กลายเป็นหนังยอดเยี่ยมอีกเรื่อง โดยเต็มไปด้วยองค์ประกอบเปรียบเทียบ ที่รวมถึงการสำรวจประเด็นเรื่องการทดลองอาวุธนิวเคลียร์และสงครามเวียดนาม ทุกอย่างถ่ายทอดด้วยฉากการสังหารสุดโหด อีกไม่กี่ปีต่อมาเขาก็ได้กลับมากำกับหนังอีกครั้ง โดยผลงานในปี 1981 เรื่อง Deadly Blessing และหนังที่ดัดแปลงจาก DC Comics เรื่อง Swamp Thing ทั้งสองไม่ประสบความสำเร็จมากนัก แต่ความสำเร็จก็รออยู่ไม่ไกลนัก เมื่อปี 1984 คราเว่น ได้กำกับหนังที่เปลี่ยนหน้าวงการหนังสยองขวัญ A Nightmare on Elm Street เล่าถึงฆาตกรสังหารเด็กที่ถูกสังหารแต่กลับมาฆ่าเหยื่อจากในฝัน หนังได้รับการตอบรับที่ดีและทำรายได้ถล่มทลาย ฆาตกรโหดที่ชื่อ เฟรดดี้ ครูเกอร์ กลายเป็นไอค่อนแห่งวงการภาพยนตร์ ในปี 1988 คราเว่น กำกับหนังเรื่อง The Serpent and the Rainbow ที่เล่าถึงเวทย์มนต์วูดูและซอมบี้ นี่คือเพชรในตมในบรรดาผลงานของเขา โดย บิล พูลแมน รับบทเป็นนักมานุษยวิทยาที่ถูกส่งไปเฮติ เมื่อเขาพบว่ามีการผลิตยาที่หมอผีท้องถิ่นใช้เปลี่ยนคนให้กลายเป็นซอมบี้ การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างการวิพากษ์วิจารณ์สังคมและความสยดสยอง ทำให้นี้เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดอีกเรื่องหนึ่งของ เวส คราเว่น จากนั้นในปี 1991 เวส คราเว่น ก็แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานอีกครั้ง ด้วยการสร้างหนังสยองขวัญ The People Under the Stairs หนังเทพนิยายในรูปแบบของ เวส คราเว่น ที่ผสมผสานด้วยการวิจารณ์เรื่องการแบ่งแยกสีผิว อารมณ์ขันที่ร้ายกาจ ความรุนแรง และฉากสุดแฟนตาซี ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังคัลท์ที่มีแฟนเดนตายบูชา หลังจากที่เขาปล่อยให้ผู้กำกับคนอื่นเอา Nightmare on Elm Street ไปสร้าง 5 ภาค แฟนเดนตายของเขาก็ได้กลับมาเฮอีกครั้ง เมื่อปี 1994 เขากลับมากำกับแฟรนไชส์หนังสยองขวัญใน New Nightmare ซึ่งถือเป็นภาคที่ดีที่สุดนับตั้งแต่หนังต้นฉบับ โดยครั้งนี้ คราเว่น ได้จับ เฟรดดี้ ครูเกอร์ เข้ามาใส่ในโลกจริง ผูกเรื่องเข้ากับการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง นิ้วเขมือบ ได้อย่างชาญฉลาด หนังภาคนี้ทำให้ เฟรดดี้ กลายเป็นตัวละครที่น่ากลัวขึ้นมาอีกครั้ง และเป็นบทสรุปที่ลงตัวสำหรับแฟรนไชส์ได้ในแบบที่ไม่มีใครทำได้ ถึงแม้เขาจะก้าวพลาดกับการทำหนังตลก/สยองขวัญเรื่อง Vampire in Brooklyn ในปี 1995 แต่ในปีถัดมา เวส คราเว่น ก็พิสูจน์ว่าตัวเองเป็นเจ้าแห่งหนังสยองขวัญอย่างแท้จริง เมื่อเขาใช้ประสบการณ์ที่มีมาตลอด 3 ทศวรรษในการสร้าง Scream หนังเชือดสยองร่วมสมัย ที่ตัวละครในเรื่องรู้ถึงแง่มุมที่ถูกใช้ในหนังสยองขวัญ และพยายามใช้มันเพื่อเอาชนะฆาตกรโหด Scream เป็นหนังที่เปี่ยมไปด้วยไหวพริบและอารมณ์ขัน และทำให้มีภาคสองและสามออกมาตามลำดับ ผลงานเรื่องล่าสุดของ เวส คราเว่น ก็คือ Red Eye ซึ่งทำรายได้อย่างงดงามและได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ โดยนี่ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในรอบ 5 ปีของเขา และนอกจาก My Soul to Take แล้วเขาก็ยังมี Scream 4 ที่กำลังถ่ายทำอยู่โดยได้นักแสดงหน้าเดิมที่ยังรอดชีวิตจากไตรภาคกลับมาพร้อมหน้า ไอย่า ลาบันก้า (ผู้อำนวยการสร้าง) ผลงาน >>> The Sixth Sense, Beloved, Rushmore, He Got Game, The Royal Tenenbaums เพตรา คอร์เนอร์ (ผู้กำกับภาพ) ผลงาน >>> The Wackness, The Informers, อดัม สต็อคเฮาเซน (ผู้ออกแบบงานสร้าง) ผลงาน >>> State of Play, Across the Universe, The Darjeeling Limited ปีเตอร์ แม็คนัลตี้ (ผู้ตัดต่อ) ผลงาน >>> The Last House on the Left, There Will Be Blood, The Assassination of Jesse James by the Coward Robert Ford มาร์โค เบลตรามี่ (ผู้แต่งเพลง) ผลงาน >>> The Hurt Locker, Hellboy, Scream, 3:10 to Yuma

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ