ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมปรับฐานดัชนี SET50 พร้อมใช้คู่กับดัชนี SET100 เริ่ม 3 พ.ค.นี้

ข่าวทั่วไป Friday April 1, 2005 15:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 เม.ย.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมปรับขนาดฐานดัชนี SET50 เริ่มเผยแพร่ค่าดัชนีใหม่ 3 พ.ค. 2548 นี้พร้อมกับ ดัชนี SET100 เผยทั้ง 2 ดัชนี เป็นประโยชน์ทั้งต่อนักลงทุนสถาบัน บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทจดทะเบียน
ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ช่วยผู้จัดการ สายงานวิจัยและข้อมูลสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าตามที่จะมีการประกาศรายชื่อบริษัทที่ใช้คำนวณดัชนี SET100 ในวันที่ 18 เมษายน 2548 นั้น ดัชนี SET100 จะมีค่าเริ่มต้นที่ 1,000 จุด และจะเริ่มมีการเผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2548 เป็นต้นไป โดยจะใช้ ข้อมูลราคาหลักทรัพย์ของวันที่ 30 เมษายน 2548 เป็นวันฐาน
พร้อมกันนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะปรับฐานดัชนี SET50 เพื่อให้สอดคล้องกับดัชนี SET100 และรองรับตลาดอนุพันธ์ โดยยังใช้ข้อมูลราคาในวันฐานเดิมคือ วันที่ 16 สิงหาคม 2538 ซึ่งเดิมเริ่มต้นที่ 100 จุด จะปรับใหม่เป็น 1,000 จุด
“ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะปรับตัวเลขดัชนี SET50 ตามวิธีดังกล่าวย้อนหลังตั้งแต่เริ่มคำนวณ ซึ่งการเปลี่ยนฐาน SET50 จะทำให้ตัวเลขดัชนีในปัจจุบันปรับเป็น 3 หลัก จากเดิม 2 หลัก โดยมีทศนิยมสองตำแหน่งเช่นเดิม ตัวอย่างเช่น ดัชนี SET50 ที่ 46.87 จุด จะเปลี่ยนเป็น 468.68 จุด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน เพราะเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของค่าดัชนียังเหมือนเดิม”ดร.เศรษฐพุฒิกล่าว
สำหรับรายชื่อที่จะประกาศในวันที่ 18 เมษายน 2548 จะใช้สำหรับการคำนวณดัชนี SET100 เท่านั้น และใช้ไป จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2548 ขณะที่ชื่อหลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนี SET50 ยังคงเป็นรายชื่อเดิม ซึ่งจะใช้ไปจนครบกำหนด คือสิ้นเดือนมิถุนายน 2548 นี้เช่นกัน หลังจากนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงจะปรับรายชื่อใหม่อีกครั้ง
ผู้ช่วยผู้จัดการกล่าวต่อว่า “ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดปรับรายชื่อหลักทรัพย์ในดัชนี SET100 และดัชนี SET50 ทุก 6 เดือน คือ ประมาณเดือนมกราคม และกรกฎาคมของทุกปี โดยหลักทรัพย์ 50 ลำดับแรกจะใช้คำนวณ SET50 และทั้ง 100 อันดับใช้คำนวณดัชนี SET100 โดยมีรายชื่อหลักทรัพย์สำรองที่จะนำมาใช้คำนวณในดัชนี เมื่อมีหุ้นสามัญในดัชนี SET100 หรือดัชนี SET50 เพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วย ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ชุดใหม่ 10 วันทำการก่อนสิ้นสุดวันใช้รายชื่อชุดเดิม”
ทั้ง 2 ดัชนีเป็นประโยชน์ในการเป็นบรรทัดฐานเพื่อวัดผลตอบแทนและความเสี่ยงจากการลงทุน หรือ Performance Benchmark สำหรับการจัดพอร์ตลงทุนของกองทุนรวม ในขณะที่บริษัทจดทะเบียน ก็สามารถใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการทำกิจกรรมนักลงทุนสัมพันธ์ พร้อมทั้งยังใช้เป็นเครื่องมือในการเปรียบเทียบกับบริษัทอื่น ๆ ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันได้”
ดร.เศรษฐพุฒิกล่าว “การมี SET100 จะเป็นการส่งเสริมให้มีการกระจายการลงทุนไปสู่บริษัทขนาดรองลงมาเพิ่มมากขึ้น ช่วยลดการกระจุกตัวของการลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ใน SET50 และยังเป็นการช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้แก่บริษัทขนาดกลางได้อีกทางหนึ่ง”
ในขณะที่หากใช้ข้อมูล ณ สิ้นปี 2547 บริษัทที่จะได้รับการคำนวณในดัชนี SET100 จะมีมูลค่าตามราคาตลาดร้อยละ 80 ของมูลค่าตามราคาตลาดรวม และมีมูลค่าการซื้อขายคิดเป็นร้อยละ 86 ของมูลค่าการซื้อขายรวม
“ในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศนั้น มีการจัดทำดัชนีราคาหลักทรัพย์ตามขนาดหลักทรัพย์อย่างแพร่หลาย ตลาดหลักทรัพย์ฯหลายแห่งมีมากกว่าหนึ่งดัชนี เพื่อแบ่งกลุ่มของสินค้าในตลาดให้ชัดเจนและเป็นเครื่องมือวัดระดับราคากลุ่มหุ้นต่าง ๆ ที่เหมาะกับความต้องการใช้ประโยชน์ของผู้ลงทุนแต่ละกลุ่ม”ผู้ช่วยผู้จัดการกล่าวสรุป
เอกสารประกอบข่าวตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตัววัดที่ใช้ในการคัดเลือกหลักทรัพย์
1. ขนาดของบริษัท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบริษัท เฉลี่ยย้อนหลัง 12 เดือน
2. สภาพคล่อง มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อเดือนของบริษัท และจำนวนเดือนที่ผ่านเกณฑ์ด้านสภาพคล่อง
3. การกระจายหุ้น สัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free-float) สิ้นสุด ณ วันก่อนทำการคัดเลือก
หลักเกณฑ์ในการคัดเลือกหลักทรัพย์ใน SET100
1. คัดเลือกหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเฉลี่ยต่อวันย้อนหลัง 12 เดือน สูงสุด 200 อันดับแรก ทั้งนี้หลักทรัพย์จะต้องไม่อยู่ในระหว่างการสั่งพักการซื้อขาย (SP) นานเกิน 7 วัน ระหว่างเดือนที่ทำการคัดเลือกหรือเข้าเกณฑ์ที่จะถูกเพิกถอนหรือจะเพิกถอนตัวเองออก
2. เป็นหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่น้อยกว่า 6 เดือน ก่อนถึงวันที่ทำการพิจารณาคัดเลือก
3. กำหนดให้หลักทรัพย์ทุกตัวใน SET100 Index และ SET50 Index ต้องมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free-float) ไม่น้อยกว่า 20%
4. เป็นหุ้นสามัญที่มีมูลค่าซื้อขายสม่ำเสมอ
4.1. มีมูลค่าการซื้อขายบนกระดานหลักสูงกว่า 50% ของมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อหุ้นของหุ้นสามัญทั้งตลาดในเดือนเดียวกัน
4.2. มูลค่าการซื้อขายตามข้อ 4.1 ต้องต่อเนื่องเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 9 ใน 12 เดือน (หรือไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 สำหรับหุ้นสามัญที่เข้าซื้อขายน้อยกว่า 12 เดือน แต่ทั้งนี้ต้องไม่น้อยกว่า 6 เดือน)
4.3. หากมีหุ้นสามัญที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกข้างต้นน้อยกว่า 105 หลักทรัพย์ ให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้
4.3.1. ให้ลดอัตราส่วนของมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อหุ้นจากเดิม 50% ลงครั้งละ 5% ทั้งนี้ต้องไม่ต่ำกว่า 20%
4.3.2. ลดจำนวนเดือนที่หลักทรัพย์นั้นต้องผ่านเกณฑ์ด้านมูลค่าการซื้อขายลงครั้งละ 1 เดือน ทั้งนี้ต้องไม่ต่ำกว่า 6 เดือน
4.3.3. ให้ลดอัตราส่วนของมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อหุ้นลงอีก ครั้งละ 5% จนกระทั่งได้หลักทรัพย์ครบจำนวน
5. นำหุ้นสามัญทั้ง 105 ตัวมาจัดลำดับตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเฉลี่ย โดยอันดับที่ 1-50 จะใช้ในการคำนวณ SET50 Index (โดยมีอันดับที่ 51-55 เป็นรายชื่อสำรอง) และอันดับที่ 1-100 จะใช้คำนวณ SET100 Index (โดยมีอันดับที่ 101-105 เป็นรายชื่อสำรอง)
6. การพิจารณาคัดเลือกหลักทรัพย์จะกระทำทุก 6 เดือน ในช่วงเดือนพฤษภาคม (สำหรับรายชื่อในครึ่งหลังของปี) และเดือนพฤศจิกายน (สำหรับรายชื่อในครึ่งแรกของปี)
คณะทำงานด้านดัชนีราคาที่จัดตั้งโดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำหน้าที่พิจารณาความเหมาะสมของหลักทรัพย์ที่ได้รับการคัดเลือกและแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการคัดเลือกหลักทรัพย์หรือปัญหาในการคำนวณค่าดัชนี
ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร
ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 — 2036
กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229 — 2037
ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 — 2049
วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ