กรุงเทพฯ--15 พ.ย.--การบินไทย
วันนี้ ( วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2553 ) ณ สำนักงานใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ โดยมี นายอำพน กิตติอำพน ประธานกรรมการบริษัทฯ เป็นประธานการประชุม มีวาระสำคัญ สรุปได้ดังนี้
1. เรื่องผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2553
คณะกรรมการบริษัทฯ รับทราบผลประกอบการในไตรมาส 3 ปีบัญชี 2553 (1 กรกฎาคม - 30 กันยายน 2553) ซึ่งยังเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (Low Season) แต่ผลจากการฟื้นตัว อย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับเหตุการณ์การเมืองในประเทศเริ่มคลี่คลาย ทำให้ความต้องการเดินทางและขนส่งสินค้าทางอากาศปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีกำไรก่อนอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและภาษีเงินได้ 2,908 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปีก่อนที่ขาดทุน 1,127 ล้านบาท มีรายได้รวมทั้งสิ้น 45,414 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 6,267 ล้านบาท หรือร้อยละ 16 ค่าใช้จ่ายไม่รวมกำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน แต่รวมส่วนแบ่งกำไร (ขาดทุน) จากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียและต้นทุนทางการเงินจำนวน 42,506 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 2,232 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.5 อย่างไรก็ตาม เงินบาทที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร ทำให้บริษัทฯ ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 2,773 ล้านบาท ดังนั้น หากรวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 136 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.08 บาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งขาดทุนสุทธิ 4,034 ล้านบาท หรือขาดทุนต่อหุ้น 2.37 บาท ในขณะที่มี EBITDA เท่ากับ 8,681 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 3,138 ล้านบาททั้งนี้ ในไตรมาส 3 บริษัทฯ มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ยร้อยละ 74.7 เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งเฉลี่ยร้อยละ 73.9 อัตราส่วนการขนส่งพัสดุภัณฑ์ (Freight Load Factor) เฉลี่ยร้อยละ 61.3 สูงกว่าปีก่อน ซึ่งเฉลี่ยร้อยละ 53.8 ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 (1 มกราคม - 30 กันยายน 2553) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 12,413 ล้านบาท หรือกำไร 7.25 บาทต่อหุ้น สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งขาดทุนสุทธิ 1,569 ล้านบาท หรือขาดทุน 0.92 บาทต่อหุ้น โดยมีกำไรก่อนอัตราแลกเปลี่ยนและภาษีเงินได้ เท่ากับ 6,238 ล้านบาท และ EBITDA เท่ากับ 23,352 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 5,303 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 281,264 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 จำนวน 9,570 ล้านบาท โดยมีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 201,188 บาท ลดลง 17,262 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 80,076 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26,832 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 483.9 ล้านหุ้นในเดือนกันยายน 2553
สำหรับผลการดำเนินงานในเดือนตุลาคม 2553 บริษัทฯ มีปริมาณการผลิตผู้โดยสาร (Available Seat - Kilometer / ASK) สูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 2.66 และสูงกว่าเดือนกันยายน 2553 ร้อยละ 5.62 ส่วนปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (Revenuer Passenger - Kilometer / RPK) สูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 1.88 และสูงกว่าเดือนกันยายน 2553 ร้อยละ 7.69 มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ยร้อยละ 74.50 และสูงกว่าเดือนกันยายน 2553 ร้อยละ 1.96
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงเดือนมกราคม - ตุลาคม 2553 บริษัทฯ มีปริมาณการผลิต ผู้โดยสาร (ASK) สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 5.41 มีปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 7.17 และมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ยร้อยละ 73.70 สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.67
สำหรับด้านการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ ในเดือนตุลาคม 2553 มีปริมาณการผลิต พัสดุภัณฑ์ สูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 18.93 และสูงกว่าเดือนกันยายน 2553 ร้อยละ 7.40 มีปริมาณการขนส่งสินค้า สูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 25.71 และสูงกว่าเดือนกันยายน 2553 ร้อยละ 8.20 มีอัตราการบรรทุกสินค้า (Freight Load Factor) เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 62.71 สูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.71 และสูงกว่าเดือนกันยายน 2553 ร้อยละ 0.74
ผลการดำเนินงานด้านการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ ในช่วงเดือนมกราคม - ตุลาคม 2553 บริษัทฯ มีปริมาณการผลิตพัสดุภัณฑ์ สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 17.82 มีปริมาณ การขนส่งสินค้าสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 45.36 และมีอัตราการบรรทุกสินค้าเฉลี่ยร้อยละ 61.99 สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ร้อยละ 23.37
2. เรื่องการจัดหาวงเงินกู้ระยะสั้นจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ จัดหาวงเงินสินเชื่อหมุนเวียน (Committed Revolving Credit Line) จากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) วงเงิน 3,000 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้คณะกรรมการ บริษัทฯ ได้อนุมัติวงเงิน Revolving Credit Line ไปแล้ว เป็นจำนวนเงิน 2,500 ล้านบาท ซึ่งได้รับจากธนาคารทหารไทย จำนวน 1,000 ล้านบาท และธนาคาร ทิสโก้ จำนวน 1,500 ล้านบาท รวมเป็นวงเงิน Revolving Credit Line ทั้งสิ้น 5,500 ล้านบาท
3. เรื่องความคืบหน้าการดำเนินโครงการร่วมใจจากองค์กร
คณะกรรมการบริษัทฯ รับทราบความคืบหน้าการดำเนินโครงการร่วมใจจากองค์กร (Mutual Separation Plan) ปี 2553 ซึ่งบริษัทฯ ได้พิจารณาอนุมัติให้ดำเนินการได้ ตามหลักเกณฑ์ที่ฝ่ายบริหารเสนอมา โดยมีกรอบวงเงินงบประมาณค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 2,300 ล้านบาท ทั้งนี้ จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ ได้อนุมัติให้พนักงานเข้าร่วมโครงการดังกล่าว จำนวน 419 รายแล้ว โดยมีผลให้ออก ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2553 จำนวน 414 ราย และมีผลให้ออก ณ วันที่ 1 มกราคม 2554 จำนวน 5 ราย คิดเป็นเงินที่ต้องจ่ายรวม 1,270 ล้านบาท