กรุงเทพฯ--15 พ.ย.--สหมงคลฟิล์ม
สัมภาษณ์ เทพ โพธิ์งาม กับผลงานทางการแสดงชิ้นล่าสุดของสุดยอดตลกชั้นครูในอีกหนึ่งบทบาทแปลกใหม่สุดท้าทายกับภาพยนตร์เรื่อง“กะปิ ลิงจ๋อไม่หลอกจ้าว”
Q.มาร่วมงานในภาพยนตร์เรื่อง กะปิ ลิงจ๋อไม่หลอกจ้าว นี้ได้อย่างไร
ทางทีมงาน เขาก็ติดต่อมาทางป๋านี้แหละ ทีมงานเขาก็โทรมาบอกว่ามีหนังอยู่เรื่องหนึ่งอยากให้ป๋ามาเล่นให้หน่อย คาแรกเตอร์ในเรื่องนี้จะไม่ใช่ตลกอย่างที่ป๋าเคยเล่นมาก่อนนะ แต่ว่าจะออกดราม่านิดๆ เขาก็เล่าเนื้อเรื่องคร่าวๆ ให้ฟังว่าให้เรามาเล่นเป็นลุงนะ อยู่กับหลาน และก็มีสัตว์เลี้ยงเป็นลิงแสนรู้อยู่ตัวหนึ่ง ป๋าว่ามันน่าสนใจดี ก็เลยรับเล่นหนังเรื่อง กะปิ ลิงจ๋อไม่หลอกจ้าว
Q.เล่าถึงคาแรกเตอร์ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นอย่างไร
ในเรื่องนี้ป๋าก็รับบทเป็นลุงมิ่ง อาศัยอยู่กับหลานชื่อต๋อง บุคลิกก็จะเป็นลุงแก่ๆ ธรรมดาๆ ใช้ชีวิตอย่างสัมถะ เรียบง่ายเราก็มีอาชีพเก็บลูกมะพร้าวขายก็จะมีลิงฉลาดๆ อยู่หนึ่งตัวชื่อว่า กะปิ คือในเรื่องเราก็จะเป็นลุงที่ห่วงหลานมาก เพราะเราก็แก่แล้ว สุขภาพก็ไม่ค่อยจะดี แล้วหลานเองก็เป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อไม่มีแม่ อยู่กับเราเพียงลำพัง เราก็ต้องดูแลเขา จากที่มีลุงคอยดูแล ก็ต้องให้นางเอกเข้ามาช่วยดูแล
Q.เป็นอีกหนึ่งคาแรกเตอร์ที่ฉีกความเป็นตลกของป๋าเทพไปเลยรึเปล่า
จะว่าอย่างนั้นก็ได้นะ เพราะบทของป๋ามันจะมีทั้งอบอุ่น ตลก และก็ดราม่าหน่อย เราก็ต้องทำตามที่เขาบอก แต่ผู้กำกับคุณกังฟูเขาก็บอกว่าถ้ามีอะไรจะใส่ลงไปก็ทำได้เลยนะ แต่ว่าอย่าให้มันเยอะเกินไป เอาแบบพอดี ให้เป็นแค่ชาวบ้านคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง แล้วพอได้เล่นก็รู้สึกว่ามันเป็นอีกบทบาทหนึ่งของป๋าเลยนะ เพราะที่ผ่านมาส่วนมากจะเป็นแนวแอ็กชั่นบ้าง หรือไม่ก็เป็นตลกอย่างที่เราถนัดไปเลย แต่เรื่องนี้ก็มาแบบเศร้าๆ เลย ก็พยามทำเต็มที่เพื่อให้ออกมาดีที่สุดและออกมาถูกใจผู้กำกับและคนดูมากที่สุดนั่นแหละ
Q.เมื่อต้องเล่นซีนที่ออกแนวดราม่า มันมีความยากง่ายอย่างไรบ้าง
ที่จริงมันก็ไม่ได้ยากอะไรมากมายหรอก คือเราเองก็ผ่านหนังมาเยอะ ก็พยายามทำให้ดีที่สุด อย่างความเป็นดราม่าหรือต้องแสดงอะไรที่มันเศร้าๆ คือเราเองก็เคยเศร้ามาแล้ว แล้วตอนที่เราเศร้ามันเป็นอย่างไรล่ะ เราก็เอาตัวของเราในตอนนั้นมาแสดง เอานิสัยเอาอารมณ์ของเรานั้นแหละมาใช้ในหนัง มันก็จะได้เห็นความเป็นธรรมชาติในตัวเราด้วย บางครั้งถ้าเราไปเล่นตามไดอะล็อกทุกอย่างมันก็จะดูฝืนธรรมชาติ คือเราเป็นนักแสดงเราก็ต้องรู้จักปรับตัว รู้จักเรียนรู้ทางการแสดงให้เป็นไปตามธรรมชาติ บางครั้งป๋าก็รู้ว่าตัวเองทำไม่ได้ แต่เราก็ต้องพยายาม ก็ต้องทำให้ได้ ในเรื่องมันก็มีฉากที่ยากเหมือนกันที่เราต้องน้ำตาไหลนี้แหละ มันยากนะ คือให้บีบน้ำตามันไม่ค่อยได้ แต่ให้แสดงอารมณ์ทางสีหน้านั้นก็พอที่จะไปได้
Q.พูดถึงลิงที่มารับบทเป็นกะปิ มีความฉลาดแสนรู้อย่างไร
เขาก็น่าประทับใจดีนะ ก็ทำได้ทุกอย่างเกือบจะเหมือนคน ทั้งวิดพื้น หยิบจับจะใช้อะไรก็บอกเขาทำได้หมด เป็นลิงที่ฉลาดน่าประทับใจดีแหละ ความสามารถเกือบจะเหมือนคนอยู่แล้ว เคยที่ได้ยินว่า สัตว์ เด็ก เอฟเฟค สลิง นั้นกำกับลำบาก แต่เรื่องนี้ทั้งสัตว์และเด็กเป็นไปค่อนข้างราบรื่น จะมีบ้างบางครั้งในเรื่องของการแสดงที่มีได้บ้างไม่ได้บ้าง เราก็ต้องอดทน มันเป็นสัตว์จะให้ได้อย่างใจเราทุกอย่างมันก็ไม่ได้ แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นลิงที่เก่ง แล้วในเรื่องเหมือนเป็นลิงที่เราเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กๆ เราก็เลี้ยงมาทั้งลิง ทั้งหลาน ก็กลายเป็นความผูกพันของเราอย่างหนึ่ง
Q.พูดถึงการร่วมงานกับนักแสดงหนุ่มน้อยอย่าง ริชาร์ด เกียนี่
เขาเป็นนักแสดงที่เก่งนะ เป็นเด็กที่เข้าใจในเรื่องของการแสดงได้ดี ผู้กำกับบอกหรือว่าสั่งอะไรจะเรียนรู้ได้เร็ว และเป็นคนที่ตั้งใจทำงานมาก คืออยู่ในกองเขาก็จะมีเล่นบ้างแหละตามประสาของเด็ก แต่พอถึงเวลาทำงานเขาก็จะกลายเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาทันที ไม่ว่าจะเข้าฉากกับลิงหรือคนเขาก็ทำได้ดีนะ ไม่ต้องไปบอกอะไรเขามาก พอเจอป๋าก็มีเข้ามาทักทายบ้าง ทานข้าวรึยังครับลุง แล้วสักพักเขาก็จะไปเล่นตามประสาเด็กแล้ว ก็เป็นเด็กที่น่ารักดี
Q.ได้ร่วมงานกับผู้กำกับหน้าใหม่อย่าง กังฟู นิติวัฒน์ ชลวณิชสิริ เป็นอย่างไร
ได้ดูการทำงานของเขา ป๋าว่าเขาก็เป็นคนที่ตั้งใจทำงานมากนะ อาจจะเป็นเพราะเรื่องกะปิเป็นหนังเรื่องแรกของเขาด้วย ในเรื่องรายละเอียดการทำงานเขาเป็นคนที่ค่อนข้างแน่นมาก ทั้งคิว โลเกชั่น การแสดง เรียกว่าเป๊ะเลยทีเดียว แล้วเขาจะมีอีกหนึ่งมุมมองใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนผู้กำกับรุ่นเก่าๆ เขาเป็นคนที่คิดใหม่ทำใหม่ ต้องรอดูวันที่หนังเข้าฉาก ถึงจะได้เห็นฝีมือของเขาว่าเป็นอย่างไร
Q.ได้ข่าวว่ามีเข้าฉากกับลิงแล้วมีพลาดได้แผลด้วย เล่าให้ฟังหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น
มันเป็นฉากที่เราซ่อมรั้วและเป็นลม คือต๋องเองก็ไม่รู้หรอกว่าลุงนั้นป่วยอาการหนักขนาดไหนแล้ว คือเราก็ซ่อมรั้วอยู่แล้วก็เป็นลมล้มไป เจ้าต๋องมันก็เข้ามาดู ก็แสดงให้เห็นว่าหลานนั้นเป็นห่วงลุงมากนะ เพราะมีกันอยู่แค่ 3 ชีวิต ลุงกับหลานและลิงอีกหนึ่งตัว ซึ่งพอถึงคิวที่เราต้องเป็นลมเราก็ต้องล้มไปทับเชือกของเจ้าลิงกะปิไว้ เพื่อที่ลิงมันจะได้อยู่ไกล้ๆเรา เพราะผู้กำกับเขาต้องการภาพแบบนี้ เราก็พยามนอนกดทับเชือกไว้ให้แน่นที่สุด แต่อย่างว่าแหละ ลิงมันก็อยู่ไม่สุข มันก็พยามจะหนีออกจากตัวเรา เราก็ต้องกดทับเชือกให้มันแรงขึ้น แต่แรงมันเยอะมาก มันดึงพรวดเดียวเชือกหลุดไปเลย ทีนี้เชือกมันก็เสียดสีกับผิวหนังของป๋า มันก็เลยกลายเป็นรอยไหม้เลย ก็ได้แผลมาในฉากนี้แหละ
Q.ถ้าพูดถึงซีนที่น่าจะยากที่สุดของป๋าเทพในเรื่องนี้
ก็น่าจะเป็นซีนที่ลุงมิ่งป่วย ก็จะมีความเป็นดราม่านิดหนึ่งในฉากนี้ ป๋าอาจจะไม่ค่อยถนัดเท่าไร แต่ก็พยายามเล่นให้ดีเต็มที่ แต่ว่าจะดีหรือไม่ดีถูกใจผู้กำกับรึเปล่านั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง จะให้ร้องไห้นั้นมันยาก อย่างมากก็แค่น้ำตาคลอเบ้า จะให้ไหลพรากคงทำไม่ได้หรอก แต่เราก็พยายามเล่นสร้างภาพให้คนดูรู้ว่าเราป่วยหนักอยู่นะตอนนี้แต่ยังมีความเป็นห่วงหลานอยู่ ก็ต้องตั้งใจแสดง แล้วฉากนี้ริชาร์ดเขาก็เล่นได้ดีนะ ไม่ได้แสดงถึงขนาดร้องไห้ฟูมฟายหรอก แต่ก็เล่นเหมือนเด็กคนหนึ่งที่รับรู้ว่าลุงนั้นกำลังป่วยอยู่ คือหนังเขาจะค่อยๆ ปูมาว่าลุงนั้นนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล หลานก็จะมาเฝ้า มันจะเป็นในมุมของลุงแก่ๆ คนหนึ่งที่มองดูหลานตัวเองด้วยความสงสาร แล้วฉากนี้ถ่ายถึงดึกมาก ประมาณ ตี 3 กว่า แล้วเจ้าริชาร์ดคือดึกแค่ไหนเขาก็ยังสนุกของเขาอยู่นั้นแหละ ตั้งใจทำงานอยู่จนดึก คือถ้าเป็นเด็กคนอื่นเขาคงเข้านอนกันหมดแล้ว แต่นี้เขายังทุ่มเทกับการแสดงอยู่เต็มที่ บอกอะไรเขาก็จะครับคำเดียว เป็นนักแสดงเด็กที่มีความขยันอดทนมาก
Q.มีซีนน่ารักที่ประทับใจบ้างไหม
ถ้าเป็นซีนที่น่ารักและประทับใจของป๋าน่าจะเป็นซีนซีนมีทั้ง ริชาร์ด ลิง และป๋านั่งทานข้าวกันอยู่สามคน พร้อมหน้าทั้งครอบครัว แล้วคนกับสัตว์ ยิ่งมันเป็นสัตว์ที่ฉลาดมาก อย่างถ้าป๋ากับริชาร์ดไม่ส่งช้อนให้มันกินมันก็จะนั่งนิ่งๆ อยู่เฉยๆ ของมัน แต่พอส่งช้อนให้มันเท่านั้นแหละ มันก็ตักนมใส่เข้าปากทันทีเลย ก็เป็นภาพที่น่ารักดี แล้วฉากนี้ริชาร์ดเขาต้องทานข้าวมูมมาม คือไม่พอใจที่เราไม่ซื้อรองเท้าคู่ใหม่ให้ ก็เหมือนประชดด้วยการกินมูมมาม แต่พอตัดภาพมาที่ลิงเขากินได้เรียบร้อยมาก ลิงกับเด็กมาเจอกัน ลิงดันนั่งทานข้าวเรียบร้อยกว่าเด็กซะอีก แล้วฉากนี้ลิงไม่ค่อยซนเท่าไร ให้ทำอะไรก็ค่อนข้างง่ายหน่อย อาจเป็นเพราะได้นั่งทานอาหารด้วยมั้ง ไม่กี่เทคเอง ง่ายที่สุดตั้งแต่ป๋าถ่ายมาแล้วมั้งในเรื่องนี้
Q. พูดถึงกะปิจะนึกถึงอะไร
ป๋าจะนึกถึงคนชนบทมากกว่านะ คนชนบทที่อยู่ริมทะเล เพราะกะปิมันเป็นอะไรที่มันเค็มๆ คนที่ทำกะปิก็ต้องอยู่แถวริมทะเล มันเป็นเอกลักษณ์เฉาพะตัวของชาวเล นะ
Q.คนดูจะได้อะไรจากการดูหนังเรื่อง กะปิ ลิงจ๋อไม่หลอกจ้าว
ป๋าว่าน่าจะได้เห็นธรรมชาติ ความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่น คนชนบทไม่จำเป็นต้องฟุ้งเฟ้อเหมือนคนในเมืองกรุงเขาก็อยู่กันได้ ถ้าไม่มีเงินก็ออกไปหาผักหาปลา หนังจะบอกว่าการพอเพียงนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ เหมือนที่ในหลวงท่านทรงกล่าวไว้ อย่าไปมั่ว อย่าไปหลง ไม่จำเป็นที่อยู่เมืองแล้วต้องมีรถ มีบ้านสวยๆ ราคาแพงๆ วันนึงเกิดไม่มีเงินขึ้นมาแล้วจะเดือดร้อน อย่างคนชนบทถ้าไม่มีเงินก็ออกเด็ดผักหาปลา มีชีวิตที่เรียบง่าย หนังมันจะสอนให้รู้จักพอเพียงมากกว่า อยากให้เข้าไปชมกัน ไปเสพความสนุกสนาน หนังเรื่องนี้จะทำให้เราเข้าใจชีวิตของเรามากขึ้น การอยู่ร่วมกันในสังคม ไม่ว่าคนหรือสัตว์ ถึงแม้จะพูดกันไม่รู้เรื่องแต่ก็อยู่กันได้ คนเองบางครั้งภาษาเดียวกันแท้ยังพูดไม่รู้เรื่อง เพราะความพอเพียงมันไม่มี มันมีแต่ความโลภ ไปดูกันเถอะครับแล้วจะได้ข้อคิดดีๆ หลายอย่างแน่นอน เป็นหนังสนุกที่มีสาระแน่นอน
Q.พูดถึงเสน่ห์ของหนังเรื่องกะปิ ลิงจ๋อไม่หลอกจ้าว
ป๋าว่ามันเป็นหนังอารมณ์ดี ที่ดูแล้วไม่เครียด ดูแล้วจะรู้สึกเพลินกับเรื่องราว มันมีดราม่านิดๆ แต่โดยรวมแล้วเป็นหนังที่สนุกและสร้างความประทับใจให้คนดูได้แน่นอน
Q.สุดท้ายอยากให้ฝากผลงานล่าสุดกับภาพยนตร์เรื่อง กะปิ ลิงจ๋อไม่หลอกจ้าว
ก็ฝากภาพยนตร์เรื่อง กะปิ ลิงจ๋อไม่หลอกจ้าว ด้วยครับเป็นหนังไทยดีๆเรื่องหนึ่ง หนังพวกเกาหลี ญี่ปุ่นเราก็ไปดูของเขาเยอะแล้ว ลองมาดูหนังไทยดีๆ เรื่องนี้บ้างครับ มาให้กำลังใจและดูฝีมือของผู้กำกับรุ่นใหม่อย่างคุณกังฟู และนักแสดงอีกหลายๆ คน 2 ธันวาคม นี้ ก็ฝากไว้ด้วยครับ