กรุงเทพฯ--16 พ.ย.--IR PLUS
บมจ. ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น เซ็นสัญญาตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงิน เป็น Lead Underwriter ร่วมกับ Underwriter อีก 8 แห่ง กระจายหุ้น IPO 72 ล้านหุ้น เคาะราคาขายที่ 8.80 บ./หุ้น พร้อมเปิดจองซื้อแล้วพรุ่งนี้ถึง 19 พ.ย.นี้ เข้าซื้อขาย 26 พ.ย. 53 มั่นใจแฟนหุ้น IPO สนใจจองคับคั่ง หลังนักลงทุนสถาบันสนใจผ่านการ Book building ล้นกว่า 6 เท่า เหตุปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง แนวโน้มของธุรกิจมีอัตราการเติบโตที่ดี มีจุดเด่นที่อัตรากำไรขั้นต้น-กำไรสุทธิสูงกว่า 70% และ 35% ตามลำดับ ขณะที่อัตราหนี้สินต่อทุนต่ำเพียง 0.3 เท่า ด้าน บล.ธนชาต มั่นใจไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง เหตุ P/E ยังต่ำกว่า P/E ตลาดฯ และ กลุ่มICT
นายกรัณย์พล อัศวสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SYMC ผู้ประกอบการธุรกิจให้เช่าโครงข่ายวงจรสื่อสารความเร็วสูง บนสายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงระดับแนวหน้าของประเทศไทย ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สอง ซึ่งมีโครงข่ายเป็นของตนเอง เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 72 ล้านหุ้นว่า ในวันนี้บริษัทฯ แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ให้เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Lead Underwriter) หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก พร้อมด้วยบริษัทหลักทรัพย์อีก 8 แห่งเป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Underwriter) ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด
ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่หุ้นละ 8.80 บาท โดยจะเปิดให้จองซื้อได้ในวันที่ 17-19 พฤศจิกายนนี้ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ICT ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2553
“มั่นใจว่าหุ้น IPO ของซิมโฟนี่ จะได้รับตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน เพราะเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง อัตราหนี้สิน/ทุน เพียง 0.3 เท่า ในขณะที่ผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี และธุรกิจมีทิศทางการเติบโตชัดเจน ประการสำคัญเราเป็นบริษัทฯ ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า 70% และมีอัตรากำไรสุทธิสูงถึง 30-35% ในช่วง 1-3 ปีที่ผ่านมา จากธรรมชาติของธุรกิจที่เราลงทุนใหญ่เพียงครั้งเดียวในเรื่องของโครงข่ายสายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง และหากมีลูกค้าเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่กำไรเราก็จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสะท้อนให้เห็นได้จากกำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างโดดเด่น ที่สำคัญจากการทำ Book building กับนักลงทุนสถาบัน ก็พบว่าได้รับความสนใจอย่างสูงจากนักลงทุนกลุ่มดังกล่าว โดยแสดงความต้องการผ่านการ Book building ล้นกว่า 6 เท่า จากสัดส่วนของสถาบัน จึงทำให้เรามั่นใจยิ่งขึ้นว่าหุ้น IPO ของเราจะจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี”
นายกรัณย์พลกล่าวอีกว่า ปัจจุบันโครงข่ายวงจรสื่อสารความเร็วสูง บนสายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงของบริษัทครอบคลุมพื้นที่ศูนย์กลางทางธุรกิจเกือบ 100% ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในขณะที่ความต้องการใช้ยังเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอาคารสำนักงานที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และในเขตนิคมอุตสาหกรรมที่มีโรงงานของบริษัทข้ามชาติตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้ความต้องการใช้โครงข่ายประเภทนี้เติบโตเพิ่มขึ้น
นอกจากนั้นนโยบายการเปิดเสรีกิจการโทรคมนาคมของ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ยิ่งช่วยให้ความต้องการใช้โครงข่ายใยแก้วนำแสงเติบโตเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน ซึ่งซิมโฟนี่ก็ถือเป็นทางเลือกที่มีศักยภาพ เพราะเป็นผู้ให้วงจรสื่อสารความเร็วสูงภายในประเทศระดับพรีเมี่ยม เน้นการให้บริการที่ให้คุณภาพสูงแก่ลูกค้า และรับประกันคุณภาพของงานด้วย Service Level Agreement (SLA) ที่ 99.9% ทำให้ลูกค้ามั่นใจถึงคุณภาพของโครงข่ายของบริษัทฯ ประการสำคัญยึดมั่นความเป็นกลางในการให้บริการกับพันธมิตรทุกราย โดยมุ่งให้บริการเป็น Network Provider เท่านั้น ไม่ทำธุรกิจอื่นๆ แข่งขันกับลูกค้า จึงเชื่อว่าจะตอบโจทย์ของผู้ได้รับใบอนุญาตในการประกอบกิจการโทรคมนาคมทุกประเภทได้เป็นอย่างดี
เขากล่าวต่อว่า เงินทุนที่ได้จากการขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะนำไปลงทุนเพื่อขยายโครงข่ายเพิ่มเติมให้ครอบคลุมความต้องการ โดยเบื้องต้นจะขยายโครงข่ายไปในนิคมอุตสาหกรรม 11 แห่งในภาคกลางและภาคตะวันออก ซึ่งจะทยอยลงทุนต่อเนื่องและครบตามแผนในปี 2556 รวมทั้งจะ ติดตั้งระบบโครงข่ายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงภายในพื้นที่อาคารสำนักงานชั้นนำในเขตกรุงเทพฯ ให้ได้ 150 อาคารภายในปี 2556 เช่นเดียวกัน จากปัจจุบันที่ให้บริการอยู่แล้ว 28 อาคาร เพื่อขึ้นสู่เป้าหมายเป็นผู้ให้บริการวงจรสื่อสารความเร็วสูงชั้นนำที่ให้บริการทั้งในประเทศและระหว่างประเทศที่มีความเป็นกลางในอนาคตอันใกล้นี้
ด้าน นางสาวสุนันท์ เลิศสีทอง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน มั่นใจว่าหุ้นเพิ่มทุนของซิมโฟนี่จะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนอย่างแน่นอน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัท โดยกำหนดราคาขายไอพีโอ 8.80 บาท/หุ้น ซึ่งคิดเป็นค่า P/E ประมาณ 13 เท่า โดยให้ส่วนลดประมาณ 15-20% จาก ค่า P/E ของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและของกลุ่ม ICT ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับประมาณ 15-16 เท่า ประกอบกับช่วงนี้สภาพการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์โดยรวมดีขึ้นเป็นอย่างมาก จึงถือเป็นอีกปัจจัยที่จะทำให้หุ้นน้องใหม่อย่าง ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่นได้รับความสนใจ และคาดว่าเมื่อเข้าทำการซื้อขายจะไม่ทำให้ผู้ลงทุนผิดหวัง
“หาไม่ได้ง่ายนักสำหรับบริษัทฯ ที่มีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 70% และมีอัตรากำไรสุทธิสูงถึง 35% แต่ทุกอย่างที่กล่าวมานี้มีอยู่ในซิมโฟนี่ ดังนั้น จึงเชื่อว่านักลงทุนน่าจะให้ความสนใจหุ้นที่มีผลประกอบการแข็งแกร่งและดีเยี่ยมนี้ เพราะความสนใจอย่างล้นหลามของนักลงทุนสถาบันก็เป็นการการันตีได้เป็นอย่างดีว่าหุ้น IPO ของซิมโฟนี่ น่าสนใจเพียงใด” นางสาวสุนันท์ กล่าว
ข้อมูลบริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)
บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ประกอบธุรกิจให้เช่าโครงข่ายวงจรสื่อสารความเร็วสูงภายในประเทศ บนสายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง ภายใต้แบรนด์ “Symphony” ให้กับลูกค้าองค์กรที่นำโครงข่ายของบริษัทไปให้บริการเชิงพาณิชย์แก่ลูกค้า End-user อีกทอดหนึ่ง เช่น ผู้ให้บริการด้านอินเตอร์เน็ต หรือ Internet Service Provider และกลุ่มลูกค้าองค์กรที่เป็น End-user/เพื่อการรับส่งข้อมูลขนาดใหญ่ระหว่างสำนักงานภายใต้องค์กรเดียวกัน และซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น ถือเป็นผู้ประกอบการรายแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สอง ประเภทมีโครงข่ายเป็นของตนเองจากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช.โดยใบอนุญาตมีระยะเวลา 15 ปี ปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท เป็นทุนชำระแล้ว 228 ล้านบาท โดยเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 72 ล้านหุ้น หรือ 24% ของทุนจดทะเบียน โดยจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 17-19 พฤศจิกายน 2553 และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ICT ได้ภายในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้