กรุงเทพฯ--16 พ.ย.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ข้อมูลทองคำวันนี้
- ราคาสมาคม เปิดที่ 19,200 - 19,300
- ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,360
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 29.88 — 29.89
- GFZ10 Hi- Low 19,600 — 19,510 ปิดที่ 19,540
Gold Insight
สัญญาทองคำตลาด COMEX
ส่งมอบเดือนธ.ค.บวก 3.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,368.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,356.50 - 1,376.60 ดอลลาร์เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
ปิดบวก 9.39 จุด หรือ 0.08% แตะที่ 11,201.97 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 1.46 จุด หรือ 0.12% แตะที่ 1,197.75 จุด หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ที่แข็งแกร่งเกินคาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับข่าวที่ว่าบริษัท แคทเทอร์ พิลลาร์ ตกลงซื้อกิจการบริษัท บูซีรัส อินเตอร์เนชันแนล เพื่อขยายกิจการในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
ส่งมอบเดือนธ.ค.ขยับลง 2 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 84.86 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัว ในช่วง 84.60 - 85.77 ดอลลาร์ หลังจากมีการคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเรื่องภาวะดีมานด์พลังงานหดตัว อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกและสต็อกสินค้าคงคงภาคธุรกิจที่ขยายตัวเกินคาดกองทุน SPDR Gold Trust
กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 16 พฤศจิกายน ไม่เปลี่ยนแปลงการถือครอง ถือครองเท่าเดิมที่ระดับ 1,290.86 ตัน
USD/EU ค่าเงินยูโรยังคงร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวที่ว่ารัฐบาลไอร์แลนด์อาจจะขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากสหภาพยุโรป เพื่อรับมือกับวิกฤตหนี้สาธารณะและภาวะตึงตัวในภาคการเงินภายในประเทศ ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.79% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3583 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ (12 พ.ย.) ที่ 1.3691 ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.3599 ดอลลาร์ต่อยูโร
USD/JPY ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.80% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 83.160 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 82.500 เยน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 83.14 เยนต่อดอลลาร์
USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 29.85-29.88 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักจากการเปิดตลาดในตอนเช้ามากนัก ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 29.90-29.93 บาทต่อดอลลาร์
ข่าวเศรษฐกิจโลก
- วิกฤตหนี้สาธารณะของไอร์แลนด์เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนก.ย. เมื่อรัฐบาลไอร์แลนด์ประกาศว่าอาจจะต้องอัดฉีดเงินจำนวน 3.43 หมื่นล้านยูโร (4.66 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เข้าไปพยุงกิจการธนาคารแองโกล-ไอริชแบงค์ที่ประสบปัญหาด้านการเงิน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณของไอร์แลนด์ในปี 2553 พุ่งขึ้นเป็น 32% ของตัวเลขจีดีพี จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 11% นักวิเคราะห์คาดว่า ต้นทุนในการให้ความช่วยเหลือภาคธนาคารของไอร์แลนด์อาจพุ่งสูงถึง 5 หมื่นล้านยูโร (6.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งจุดปะทุให้เกิดความวิตกกังวลว่าไอร์แลนด์อาจเผชิญปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจนำไปสู่วิกฤตหนี้สาธารณะรอบใหม่ในยุโรป และจะฉุดรั้งเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆในกลุ่มยูโรโซน เช่นสเปนและโปรตุเกส หดตัวลงด้วย
- กระทรวงการพาณิชย์ของสหรัฐ เปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังของภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนกันยายน และเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.6% นอกจากนี้ ข้อมูลสถิติของของกระทรวงยังระบุว่า ยอดขายสินค้าของภาคธุรกิจสหรัฐขยายตัว 0.5% ในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฟื้นตัวจากภาวะถดถอยแล้ว
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 1.2% ทำสถิติเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 7 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.7% หลังจากยอดขายยานยนต์และวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ยอดขายยานยนต์พุ่งขึ้น 5.0% ในเดือนต.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 เดือน ขณะที่ยอดขายวัสดุก่อสร้างขยายตัวขึ้น 1.9% และหากไม่นับรวมยอดขายยานยนต์ พบว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ดีดตัวขึ้น 0.4%
- สัญญาน้ำมันดิบหลังจากนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 พ.ย.ซึ่งทางสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐจะรายงานในวันพุธนั้น จะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล อย่างไรก็ตาม คาดว่าสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 800,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.6%
- นายหม่า เต๋อหลุน รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวว่า จีนอาจจะใช้เครื่องมือด้านนโยบายด้านการเงิน เพื่อสกัดกั้นกระแสเงินเก็งกำไร และป้องกันกระแสเงินร้อนที่ไหลเข้าสู่ประเทศ หนังสือพิมพ์เซี่ยงไฮ้ ซิเคียวริตีส์รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของนายหม่าว่า เครื่องมือที่จีนคาดว่าจะนำมาใช้นั้น ครอบคลุมถึงการกำหนดเพดานสำรองสภาพคล่อง การบริหารอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และการดำเนินการในตลาดเปิด เพื่อป้องกันการไหลเข้าของกระแสเงินร้อน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา
อาทิตย์ที่ ข้อมูลที่น่าจับตา ตัวเลขเดิม ตัวเลข คาดการณ์ ตัวเลขจริง
12 — 15 พ.ย. 2553
วันจันทร์ ? Retail Sales 0.6% 0.7% 0.4%
? Core Retail Sales 0.4% 0.4% 1.2%
? EmpireStateManufacturing Index 15.7 13.9 -11.1
? Business Inventories 0.6% 0.6% 0.9%
วันอังคาร ? PPI 0.4% 0.7%
? Core PPI 0.1% 0.2%
? TIC Long-Term Purchases 128.7B 100.3B
? Capacity Utilization Rate 74.7% 74.9%
? Industrial Production -0.2% 0.4%