มูลนิธิรามาธิบดีฯ ชวนคนใจบุญร่วมสร้างปาฏิหาริย์ ช่วยเหลือผู้ป่วยขาดแคลนทุนทรัพย์ ในโครงการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเทิดไท้คู่ขวัญองค์ราชันราชินี

ข่าวทั่วไป Wednesday November 17, 2010 11:37 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 พ.ย.--Public Hit มูลนิธิรามาธิบดีฯ ชวนคนใจบุญร่วมสร้างปาฏิหาริย์ ช่วยเหลือผู้ป่วยขาดแคลนทุนทรัพย์ ในโครงการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเทิดไท้คู่ขวัญองค์ราชันราชินี พร้อมรวมพลังจิตอาสากับแกรมมี่ เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ครบ 7 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 และในวโรกาสสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในวันที่ 12 สิงหาคม 2555 ทางมูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ริเริ่ม “โครงการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเทิดไท้คู่ขวัญองค์ราชันราชินี” ช่วยเหลือในการหาทุนให้กับผู้ป่วยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล โดยจัดแถลงข่าวโครงการดังกล่าว ที่ห้องประชุมชั้น 5 ศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เมื่อวันก่อน ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ป่วยเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปรกติทางเม็ดเลือด รวมไปถึงโรคทางพันธุกรรมและโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งในเม็ดเลือดหรือมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะโรคเลือดจางธาลัสซีเมียมีผู้ป่วยราว 600,000 — 1,000,000 คน การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตนับเป็นวิธีการรักษาที่ดีและได้ผลแน่นอนที่สุด แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสเข้ารับการรักษาด้วยวิธีนี้ เนื่องจากการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตมีขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนและค่าใช้จ่ายสูงมาก จึงได้แต่เฝ้ารอโอกาสด้วยความหวังอันน้อยนิด ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิรามาธิบดีฯ จึงได้ริเริ่มจัดตั้งโครงการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเทิดไท้คู่ขวัญองค์ราชันราชินี โดย ศ.พญ.แสงสุรีย์ จูฑา ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าโครงการฯ กล่าวถึงโครงการนี้ว่า เป็นการจัดขึ้นเพื่อหาทุนช่วยเหลือผู้ป่วยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยโรงพยาบาลรามาธิบดี ริเริ่มโครงการนี้เมื่อ พ.ศ. 2553 โดยจะให้การรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยจำนวน 100 ราย ทั้งที่เป็นผู้ป่วยของโรงพยาบาลรามาธิบดี, โรงพยาบาลอื่นๆ และคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ “สำหรับโรคที่รักษาให้หายขาดได้ด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตนั้น มีอยู่หลายโรค คือ โรคไขกระดูกฝ่อ โรคซีดพันธุกรรมธาลัสซีเมีย โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด ซึ่งโรคต่างๆ เหล่านี้ หากไม่ได้รับการรักษาด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต จะมีโอกาสเสียชีวิตถึงร้อยละ 80 หรือทนทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต ทางคณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ได้ทำการรักษาผู้ป่วยด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตตั้งแต่ปี พ.ศ.2532 เราได้รักษาผู้ป่วยด้วยวิธีนี้มาเกิน 500 รายแล้ว ส่วนค่ารักษาพยาบาลของผู้ป่วยต่อ 1 ราย โดยประมาณจะมีค่าใช้จ่ายห้องกดภูมิ, ค่ายากดภูมิ, ค่ายาล้างไขกระดูก, ค่าเจาะไขกระดูก, ค่าถุงกรองเลือด ค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วยแต่ละรายประมาณอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท นั่นคือรายที่ไม่มีปัญหาแทรกซ้อนใดๆ แต่ถ้ามีปัญหาแทรกซ้อนอาจใช้จ่ายเกินไป 2-3 ล้านบาทได้ ซึ่งนับว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก เพราะฉะนั้นก็ยังมีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งซึ่งขาดแคลนทุนทรัพย์ จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ เพราะถ้าเรารักษาเขาด้วยวิธีนี้ได้ คนไข้ก็สามารถมีชีวิตปกติได้ และสามารถทำประโยชน์ให้แก่สังคมได้” ศ.พญ.แสงสุรีย์ จูฑา กล่าว ทางด้าน รศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง แพทย์ผู้ดำเนินโครงการฯ กล่าวว่า ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องทำการปลูกถ่ายยังมีอยู่อีกมาก สำหรับผู้ป่วยเด็ก ทางรัฐบาลมีงบช่วยเหลือ แต่ไม่เพียงพอเนื่องจากค่าใช้จ่ายแต่ละรายนับล้านบาท ส่วนผู้ใหญ่ที่ไม่ได้อยู่ในประกันสังคมก็ไม่มีคนจ่ายให้ ในแต่ละปีจึงมีคนไข้นับพันคนที่รอการปลูกถ่าย ซึ่งถึงแม้บางรายจะหาผู้บริจาคไขกระดูกได้ แต่ไม่สามารถปลูกถ่ายได้เพราะไม่มีเงิน จึงทำให้เสียชีวิตในที่สุด นับเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก “การมีโครงการนี้ขึ้นมา เหมือนเป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง ชีวิตนี้พวกเรามีกำลังสมอง มีกำลังกายและกำลังใจ สิ่งที่คนอื่นจะช่วยเราได้คือ กำลังศรัทธาและกำลังเงิน คือศรัทธาในพวกเราว่าจะช่วยผู้ป่วยได้ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ผมให้ความมั่นใจได้เลยว่าเทคโนโลยีในเรื่องการปลูกถ่ายกระดูกหรือเซลล์ต้นกำเนิดที่ประเทศไทย ณ ปัจจุบันนี้ไม่ได้ด้อยกว่าต่างประเทศเลย สมัยก่อนมีผู้มีอันจะกินเวลาป่วยต้องบินไปรักษาต่างประเทศ เช่น ซีแอทเทิล แต่ทราบหรือไม่ว่าการปลูกถ่ายในปัจจุบัน โดยวิธีเดียวกัน อัตรารอดเหมือนกัน เราสามารถทำได้โดยถูกกว่าเขาเป็น 10-20 เท่า ผมเชื่อว่าทุกคนสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยที่กำลังรอคอยความหวังได้อย่างง่ายๆ คือ การสนับสนุน และบอกกันปากต่อปากไปถึงคนที่อยากจะทำบุญ อันนี้ก็ถือเป็นโครงการหนึ่งเพราะต้องใช้เงินมากจริงๆ นับ 100 ล้านบาท” รศ.นพ.สุรเดช กล่าวเชิญชวนไปถึงผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลาย ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นให้เห็นแล้วจากโครงการนี้ คือ น้องพงศ์ — ด.ช.พิสิฐพงศ์ สุระเกรียงศักดิ์ อายุ 7 ขวบ ซึ่งป่วยเป็นโรคธาลัสซีเมีย มาตั้งแต่อายุ 1 ขวบ มีอาการซีด ตัวเหลือง คุณพ่อคุณแม่จึงได้พามาหาหมอที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งทางคุณหมอได้แนะนำคุณแม่ว่าให้มีบุตรอีก 1 คน เพื่อจะได้นำไขกระดูกมาปลูกถ่ายให้น้องพงศ์ ปรากฏว่าสเต็มเซลล์ของ น้องณัฐ-ศุภเสกข์ สุระเกรียงศักดิ์ ซึ่งเป็นน้องชาย เข้ากันได้กับพี่ชาย จึงทำให้การรักษาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี “ตกใจมากตอนที่รู้ว่าลูกป่วยเป็นธาลัสซีเมีย รู้สึกเหมือนฟ้าผ่า เพราะรู้ว่าโรคนี้ต้องใช้จ่ายมหาศาล ต้องให้เลือดตลอดชีวิต แล้วส่วนใหญ่จะเสียชีวิตตั้งแต่อายุสิบกว่า พอรู้ว่าการปลูกถ่ายจะเป็นวิธีเดียวที่สามารถรักษาให้ลูกเราหายได้ก็พยายามค้นคว้าข้อมูลว่าต้องทำยังไง และคุณหมอแถวบ้านก็แนะนำให้เราพาลูกมาตรวจที่โรงพยาบาลของรัฐจะได้ผลที่แน่นอน พอตรวจวันอาทิตย์ปุ๊บ คุณหมอบอกวันพุธมาให้เลือดเลยนะ เราก็ตกใจ อึ้งมาก อยู่ดีๆ จะเอาเลือดคนอื่นมาใส่ให้ลูกเรา ยอมรับว่ากลัวเพราะไม่รู้ใครจะเป็นโรคอะไรหรือเปล่า การคัดกรองเป็นยังไง กังวลไปทุกอย่างเลย คุณหมอได้แนะนำว่าทางเดียวที่จะรอดคือ ปลูกถ่ายไขกระดูก และที่ดีที่สุดคือ ต้องเป็นของพี่น้อง จะเข้ากันได้มากที่สุดไม่ค่อยมีผลข้างเคียง ก็เลยตัดสินใจมีลูกอีกคน และโชคดีที่เซลล์เข้ากันได้หลังจากทำการปลูกถ่ายตอนอายุ 4 ขวบ ตอนนี้น้องก็แข็งแรงดีแล้ว ไม่มีโรคแทรกซ้อนอะไร อาจมีเป็นหวัดบ้างนิดๆ หน่อยๆตามประสาเด็ก ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้ทางมูลนิธิฯ ดูแลให้ทั้งหมดเลย ต้องขอบคุณมากๆ ค่ะ” ชุติมา จินดาทองประภา คุณแม่ของน้องพงศ์ กล่าวอย่างตื้นตันใจ ในโอกาสเดียวกันนี้ มูลนิธิรามาธิบดีฯ ยังได้ร่วมกับ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) แถลงข่าว “การรวมพลังจิตอาสาระหว่างมูลนิธิรามาธิบดีฯ และบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีการชวนศิลปินในค่ายมาร่วมกิจกรรมจิตอาสา ทำสิ่งดีๆ เพื่อช่วยเหลือและให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยและทำกิจกรรมต่างๆ กับโรงพยาบาลรามาธิบดี โดยในงานแถลงข่าวครั้งนี้ บุษบา ดาวเรือง ประธานกรรมการบริหารร่วม บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) มาร่วมสนทนาเกี่ยวกับการรวมพลังจิตอาสาของแกรมมี่ฯ และมูลนิธิฯ ตลอดปี 2553 ที่ผ่านมา และโครงการต่างๆ ที่จะจัดขึ้นในปี 2554 ศ.พญ.สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์ รองคณบดี สื่อสารฯ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีและรองประธานกรรมการบริหารมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวถึงการริเริ่มความร่วมมือกับทางแกรมมี่ฯว่า ได้มีความร่วมมือกันอย่างดีมานานมาแล้วเป็นกว่าสิบปีอย่างต่อเนื่อง ในการระดมทุนสร้างอาคารและซื้อเครื่องมือการแพทย์ ตั้งแต่การก่อสร้างศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ฯ เรื่อยมาจนถึงอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ และต่อมาทั้งสององค์กรก็ได้เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องของการให้กำลังใจ การส่งต่อความรู้สึกที่ดี จึงเป็นที่มาของการรวมพลังจิตอาสาระหว่างมูลนิธิรามาธิบดีฯ และบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) โดยครั้งนี้ทางจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ ได้ให้การสนับสนุนศิลปินวัยรุ่น สิงโต-สิงหรัตน์ จันทร์ภักดี และ หนูนา-หนึ่งธิดา โสภณ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์โครงการฯ และเป็นสื่อกลางในการช่วยเหลือคนไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน “ในยามที่เจ็บป่วย บางคนอาจจะรู้สึกท้อแท้ หรือสิ้นหวัง และการที่ศิลปินแกรมมี่ได้มาร่วมกิจกรรมกับทางมูลนิธิก็ทำให้ผู้ป่วยมีกำลังใจที่ดีขึ้น และนอกจากนี้ ยังมีเรื่องของทุนทรัพย์ อย่างผู้ป่วยที่เป็นโรคบางชนิด ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูง หรือ ต้องใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลานานๆ ทำให้ผู้ป่วยบางคนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ไม่มีโอกาสได้รับการรักษา แม้ทางมูลนิธิฯและคณะแพทย์เองจะพยายามช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนนี้อยู่ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เราจึงหวังว่า หากมีคนรู้ หรือ เข้าใจในความต้องการส่วนนี้มากขึ้นและยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ผู้ป่วยของเราจะได้รับโอกาสในการรักษา หรือโอกาสในการมีชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น” บุษบา ดาวเรือง ประธานกรรมการบริหารร่วม บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บริษัทฯ มีนโยบายสำคัญในการสร้างสรรค์สังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมดูแลสังคมที่เราอาศัยอยู่ ด้วยการจัดกิจกรรมต่างๆมากมายร่วมกับทุกภาคส่วนของสังคมไทย สำหรับความร่วมมือกับมูลนิธิรามาธิบดีฯ ในครั้งนี้ เป็นการรวมพลังจิตอาสาครั้งสำคัญระหว่าง 2 หน่วยงาน ซึ่งแกรมมี่ได้มีส่วนร่วมในการรณรงค์เชิญชวนบริจาคสมทบทุนสร้างอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ตั้งแต่เริ่มแรกกับโครงการศิลปินจิตอาสา โดยมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ ศิลปินจิตอาสาร่วมรณรงค์เชิญชวนบริจาค, ขายของที่ระลึก, กิจกรรมเล่านิทานให้ผู้ป่วยเด็ก กิจกรรมดนตรีอาสา, เข้าเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ป่วยพักฟื้น, การรณรงค์ประชาสัมพันธ์จำหน่ายและประมูลเสื้อยืดโครงการ “คำว่าให้..ไม่สิ้นสุด” เพื่อหารายได้สมทบทุนจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ ฯลฯ โดยได้รับผลตอบรับที่ดี บริษัทฯ หวังว่ากิจกรรมจิตอาสาในครั้งนี้จะส่งผลให้ทุกคนมีความสุข ทั้งผู้ให้และผู้รับค่ะ” มูลนิธิรามาธิบดีฯ ยังคงมุ่งมั่นในการให้ความช่วยเหลือสนับสนุนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคมไทย ด้วยการสนับสนุนการพัฒนาด้านการแพทย์และงานสาธารณสุขอย่างไม่หยุดนิ่ง อันดำเนินไปได้ด้วยน้ำใจจากการให้ดังแนวคิดหลักที่ว่า “คำว่าให้...ไม่สิ้นสุด” การปลูกถ่ายไขกระดูกหรือการเปลี่ยนถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด เปรียบเสมือนการได้รับการปลูกชีวิตใหม่แก่ผู้ป่วย ยังมีผู้ป่วยอีกหลายร้อยราย ที่ไม่มีทุนทรัพย์เพียงพอสำหรับค่ารักษาพยาบาลในการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตดังกล่าว ต้องรอผู้ที่มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ให้เขาได้มีโอกาสมีชีวิตใหม่อีกครั้ง ดังนั้นจึงใคร่ขอเชิญชวนผู้ที่มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเพื่อเป็นทุนทรัพย์ในการรักษาพยาบาลผู้ป่วย สนใจสามารถร่วมบริจาคสมทบทุน มูลนิธิรามาธิบดีฯ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-201-1111 ? สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02 2525699 Public Hit

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ