กรุงเทพฯ--17 พ.ย.--IR network
-9 เดือนกำไรกระฉูด 623% - เตรียมเปิดบริการ SBL ปลายปีนี้
บล.ฟินันเซียไซรัส หรือ FSS โชว์ผลงานสุดยอดงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 111.76 ล้านบาท พุ่งกระฉูดถึง 623% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน “ช่วงชัย นะวงศ์” มั่นใจผลงานปี 2553 ขยายได้อย่างโดดเด่น เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า เหตุสภาพการซื้อขายของตลาดหุ้นเอื้ออำนวย ขณะเดียวกัน FSS ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อให้บริการและรองรับความต้องการของนักลงทุนได้อย่างครบครัน โดยหลังจากจับมือ OCBC Securities สิงคโปร์ เปิด Global Trading ให้ลูกค้าซื้อขายหุ้นตปท.ช่วงต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ปลายปีนี้จะมีธุรกรรมยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ หรือ SBL มาให้บริการด้วย
นายช่วงชัย นะวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซียไซรัส จำกัด (มหาชน) (FSS) เปิดเผยถึงผลประกอบการสำหรับงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนปี 2553 ว่ามีกำไรสุทธิจากงบการเงินรวมจำนวน 90.40 ล้านบาท และ 111.76 ล้านบาท ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 38.59 ล้านบาท และ 96.32 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 74.48 และร้อยละ 623.83 ตามลำดับ
ไตรมาส 3/53 ผลประกอบการเพิ่มขึ้นเนื่องจากรายได้หลักของบริษัทคือรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 85.85 ของรายได้รวม มีรายได้จากงบการเงินรวมและงบเฉพาะบริษัทเท่ากับ 342.60 ล้านบาท และ 342.05 ล้านบาท ตามลำดับ เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนเพิ่มขึ้น 164.70 ล้านบาท และ 171.53 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 92.58 และร้อยละ 100.59 ตามลำดับ โดยสาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้นเกิดจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของตลาดหลักทรัพย์ มาอยู่ที่ 35,756 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทก็มีส่วนแบ่งจากการตลาดที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 4.78
นอกจากนี้ มีรายได้จากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า มีรายได้จากงบการเงินรวมและงบเฉพาะบริษัทเท่ากับ 13.39 ล้านบาท และ 13.36 ล้านบาท ตามลำดับ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 0.81 ล้านบาท และ 1.34 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.47 และร้อยละ 11.17 ตามลำดับ โดยสาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้นเกิดจากบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 2.86 และมีรายได้จากดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ มีรายได้จากงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะบริษัทเท่ากับ 13.19 ล้านบาท และ 10.87 ล้านบาทตามลำดับ เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้น6.26 ล้านบาท และ 5.24 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 90.32 และร้อยละ 93.24 ตามลำดับ โดยสาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้นเกิดจากยอดเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว
ส่วนรอบ 9 เดือนที่ผ่านมาของปี 2553 ปรับตัวดีขึ้นมากเนื่องจาก FSS มีรายได้จากงบการเงินรวมและงบเฉพาะบริษัทเท่ากับ 746.66 ล้านบาท และ 705.12 ล้านบาทตามลำดับ เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้น 491.27 ล้านบาท และ 457.12 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 192.36 และร้อยละ 184.32 ตามลำดับ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของตลาดหลักทรัพย์มาอยู่ที่ 26,170 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทก็มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 4.42
นอกจากนี้ รายได้จากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีรายได้จากงบการเงินรวมและงบเฉพาะบริษัทเท่ากับ 50.14 ล้านบาท และ 41.30 ล้านบาท ตามลำดับ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 31.37 ล้านบาท และ 23.09 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 167.08 และร้อยละ 126.77 ตามลำดับ โดยสาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้นเกิดจากบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 2.76 และมีรายได้จากดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ มีรายได้จากงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะบริษัทเท่ากับ 37.60 ล้านบาท และ 25.53 ล้านบาท ตามลำดับ เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้น 25.58 ล้านบาท และ 14.81 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 212.71 และร้อยละ 138.21 ตามลำดับ โดยสาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้นเกิดจากยอดเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว “จากผลประกอบการในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา FSS ทำผลงานได้เป็นที่น่าประทับใจอย่างมาก และเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มของตลาดหุ้นไทย ซึ่งขณะนี้ยังคึกคักอย่างมากปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันหนาแน่นมาก ผนวกกับการเตรียมความพร้อมของ FSS เองในด้านของการเพิ่มเติมเครื่องมือ พยายามออกโปรดักส์ใหม่ๆ มาสนองตอบกับความต้องการของนักลงทุน โดยที่ผ่านมาได้จับมือกับ OCBC Securities สิงคโปร์ เปิดบริการ Global Trading ให้ลูกค้าซื้อขายหุ้นต่างประเทศได้มากกว่า 10 ประเทศ และในช่วงปลายปีนี้ ได้เปิดให้บริการในธุรกรรมยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ หรือ Securities Borrowing and Lending (SBL)อีกด้วย”
เขากล่าวต่อในช่วงท้ายว่า FSS จะเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน โดยจะทำให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และจะขยายธุรกิจอื่นเพิ่มขึ้นด้วย เพื่อให้บริษัทมีบริการที่หลากหลาย ครบวงจรและครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม เพื่อกระจายรายได้ไปยังธุรกิจอื่นเพิ่มขึ้น ถือเป็นการลดความเสี่ยงทางธุรกิจอีกทางหนึ่ง เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดเสรีธุรกิจหลักทรัพย์ในปี 2555 ควบคู่ไปกับการขยายฐานของนักลงทุนให้เพิ่มมากขึ้นด้วย