กรุงเทพฯ--17 พ.ย.--IR network
ผลประกอบการของ SENA ยังทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 163.42 ล้านบาท พร้อมแย้มข่าวดีไตรมาส 4/53 เตรียมรับรู้รายได้โครงการใหญ่ 3 แห่งจากคอนโดมิเนียมที่จะสร้างเสร็จและโอนรับรู้รายได้เข้าบริษัท “ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์” คาดว่าสิ้นปี 2553 ผลประกอบการขยายตัว 20% เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานโดยพิจารณาจากงบการเงินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2553 โดยบริษัทฯ และบริษัทย่อยมี กำไรสุทธิ เท่ากับ 163.42 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 18.68 ของรายได้รวม ซึ่งมีกำไรสุทธิลดลง 35.21 ล้านบาท หรือลดลงคิดเป็นร้อยละ 17.73 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ SENA และบริษัทย่อย มีรายได้รวม 874.64 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากการขายเท่ากับ 818.88 ล้านบาท แบ่งเป็นการรับรู้รายได้จากการขายโครงการแนวราบและโครงการแนวสูงเท่ากับ 546.13 ล้านบาท และ272.75 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 66.69 และร้อยละ 33.31 ของรายได้จาก การขาย ตามลำดับ และรายได้จากค่าเช่า อพาร์ทเม้นท์โครงการ “เสนาเฮ้าส์” เท่ากับ 13.90 ล้านบาท และรายได้อื่น เท่ากับ 41.86 ล้านบาท ซึ่งรายได้จากการขายลดลงจำนวน 142.89 ล้านบาทหรือคิดเป็นลดลงร้อยละ 14.86 จากงวดเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม SENA มีแผนที่จะรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2553 ตามการรับรู้รายได้จากการขายหลังจากสร้างเสร็จและรอโอนกรรมสิทธิ์ในโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 3 แห่ง อาทิเช่น โครงการ “เดอะนิช รัชดา-ห้วยขวาง” โครงการ “เดอะนิช ซิตี้ ลาดพร้าว 130 ” อาคารเอ และโครงการใหม่ “เดอะคิท แจ้งวัฒนะ” อาคารเอ
“บริษัทยังมีความมั่นใจว่าในปีนี้ผลประกอบการของ SENA จะขยายตัวตามเป้าหมายที่วางไว้ได้คือเติบโตประมาณ 20% จากปีก่อน เนื่องจากที่ผ่านมาถือว่าใกล้เคียงเป้าหมายที่กำหนดไว้ ส่วนเวลาที่เหลืออีก 1 ไตรมาสของปี 2553 บริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จรอโอนเป็นจำนวนถึง 3 โครงการ ซึ่งจะส่งผลให้ผลประกอบการในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เติบโตแบบก้าวกระโดดเมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา”ดร.เกษรา กล่าวในที่สุด
สำหรับแผนการดำเนินงานสำหรับปี 2554 ของ “เสนาดีเวลลอปเม้นท์” มีแผนเตรียมที่จะเปิดตัวอีกเกือบ 10 โครงการใหม่ จากที่ปัจจุบันบริษัทมีโครงการภายใต้การบริหารจัดการเป็นจำนวนทั้งสิ้น 14 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 7,373 ล้านบาท