กรุงเทพฯ--12 มี.ค.--ปตท.
นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา และได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 2 - 3 เหรียญฯ ในช่วง 3 วัน โดยเฉพาะน้ำมันสำเร็จรูป ล่าสุดในวันนี้ (12 มี.ค. 50) ราคาน้ำมันเบนซิน 95 ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 77.75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (เพิ่มขึ้น 2.89 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) น้ำมันดีเซลขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 73.47 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (เพิ่มขึ้น 3.02 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) และน้ำมันดิบดูไบขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 59.25 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล (เพิ่มขึ้น 1.30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) ทำให้ต้นทุนราคาน้ำมันในประเทศปรับตัวสูงขึ้นตาม ซึ่งก่อนหน้านี้ราคาต้นทุนได้อยู่ในระดับที่สูงติดต่อกันต่อเนื่องมานานแล้ว ทำให้ค่าการตลาดอยู่ในระดับต่ำมากเฉลี่ยทุกผลิตภัณฑ์ประมาณ 48 สตางค์/ลิตร ปตท. จึงจำเป็นต้องพิจารณาทยอยปรับราคาน้ำมันขายปลีกทุกชนิดขึ้น 40 สตางค์/ลิตร มีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (13 มี.ค. 50) เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาน้ำมันในเขต กทม. และปริมณฑล เป็นดังนี้
หน่วย : บาท/ลิตร
น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 95 27.59
น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์ 95 พลัส 25.59 (ถูกกว่าเบนซิน95 ถึง 2 บาท)
น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91 26.79
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว พีทีที เดลต้า เอ็กซ์ ยูโร ทรี 23.74
น้ำมัน พีทีทีไบโอดีเซล/น้ำมันดีเซล-ปาล์มบริสุทธิ์ 23.04 (ถูกกว่าดีเซล ถึง 70 สตางค์)
การที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น เนื่องจากมีการเก็บสำรองน้ำมันก่อนถึงฤดูท่องเที่ยวของสหรัฐฯ และ EIA รายงานว่าความต้องการใช้น้ำมันของโลกในปีนี้อยู่ในระดับสูงกว่ากำลังการผลิตถึง 800,000 บาร์เรล/วัน กล่าวคือมีความต้องการอยู่ที่ระดับ 86.6 ล้านบาร์เรล/วัน ในขณะที่ปริมาณน้ำมันทั้งจากกลุ่มโอเปก และ Non-OPEC อยู่ที่ระดับ 35.8 และ 50 ล้านบาร์เรล/วัน เท่านั้น นอกจากนี้ตลาดยังมีความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยทางการเมืองของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน อาทิ อิหร่าน อิรัก เวเนซูเอลา และไนจีเรีย ซึ่งจะมีผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันในตลาดด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ส่วนประชาสัมพันธ์ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน ปตท.
โทรศัพท์ 0 2537 2532, 2538
โทรสาร 0 2537 2572, 2517