Little Children บทลงโทษของผู้ใหญ่ไม่รู้จักโต

ข่าวทั่วไป Tuesday January 16, 2007 10:46 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ม.ค.--สหมงคล ฟิล์ม
สัญชาติ อเมริกัน
ประเภท ดราม่า / ตลกเสียดสี
กำกับการแสดง ท้อดด์ ฟีลด์ (In the Bedroom)
อำนวยการสร้าง อัลเบิร์ท เบอร์เกอร์ (Cold Mountain, Election, Little Miss Sunshine)
เขียนบท ท้อด ฟีลด์, ทอม เพอร์ร็อตตา
นิยาย ทอม เพอร์ร็อตตา (Election)
นำแสดง เคท วินสเล็ต (Titanic, Finding Neverland, Eternal Sunshine and the Spotless Mind)
แพทริค วิลสัน (The Phantom of the Opera, The Alamo)
เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี่ (A Beautiful Mind, Blood Diamond, Dark Water)
แจ๊คกี้ เอิร์ล เฮลี่ย์ (All the King’s men)
ฟิลลิส โซเมอร์วิลล์ (Messengers, Swimfan, Bringing out the Dead)
โนอาห์ เอ็ทเทอร์ริช (Cellular, Windtalkers, Frequency, The Trueman Show)
จัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์
กำหนดฉาย 8 กุมภาพันธ์ 2007
Official Site http://www.littlechildrenmovie.com/
เรื่องย่อ
ณ ชุมชนแห่งหนึ่งย่านชานเมืองบอสตัน ชีวิตของผู้คนเต็มไปด้วยความเงียบเหงาและน่าเบื่อหน่าย พวกเขาพบปะกันในสังคมแคบๆ ในสถานที่เดิมๆ อย่างสนามเด็กเล่น, สระว่ายน้ำ และถนนในชุมชน กระทั่งวันหนึ่ง...
ซาร่าห์ เพียร์ซ (เคท วินสเล็ตต์)... คือแม่บ้านลูกหนึ่งที่ไม่มีความสุขในชีวิต สามีของเธอเอาแต่หมกมุ่นกับเว็บไซต์โป๊จนไม่เป็นอันทำอะไร ส่วนตัวเธอเองก็รู้สึกแปลกแยกจากแม่บ้านคนอื่น และรู้สึกอึดอัดกับสถานะแม่
แบรด อดัมสัน (แพทริค วิลสัน)...คือพ่อบ้านลูกสองที่หมดหวังในการสอบทนายความ และแม้จะมีภรรยาที่เพียบพร้อม แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าชีวิตยังไม่สมบูรณ์
เคธี่ อดัมสัน (เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี่)...คือสาวเก่งที่สนใจแต่งานกับลูกจนบางครั้งละเลยสามี สถานะของเธอดูเหนือกว่าสามี และจะถามแค่ว่าเขาอยากได้อะไร ไม่เคยถามว่าการงานและชีวิตของเขาเป็นอย่างไร
หน้าร้อนนั้น ซาร่าห์ และ แบรด ลักลอบเป็นชู้กัน
แลรี่ เฮ็ดจ์ (โนอาห์ เอ็มเมอร์ริช)...คืออดีตตำรวจที่เคยทำผิดครั้งใหญ่จนกลายเป็นตราบาปในใจ เขาพยายามไถ่โทษให้ตัวเองด้วยเตือนชาวบ้านเรื่องนักโทษคดีทำอนาจารเด็ก และประณามผู้ชายคนนั้นอย่างรุนแรง
รอนนี่ แม็คกอร์วี่ย์ (แจ๊คกี้ เอิร์ล เฮลี่ย์)...คือนักโทษคดีทำอนาจารเด็กที่เพิ่งพ้นโทษออกมาอยู่กับแม่ ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำผิดข้อหาอะไร แต่สังคมก็ตื่นกลัวและรังเกียจเขาเหมือนตัวประหลาดน่าขยะแขยง
เมย์ แม็คกอร์วี่ย์ (ฟิลลิส โซเมอร์วิลล์)...คือหญิงชราที่มีลูกชายเป็นอดีตนักโทษคดีทำอนาจารเด็ก เธออยู่เคียงข้างลูกเสมอ คอยปกป้องเขาจากผู้คนที่รุมประณาม และเป็นคนเดียวในโลกที่รักและเข้าใจเขาอย่างแท้จริง
หน้าร้อนนั้นเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นกับรอนนี่
และทุกคนต่างได้รับบทเรียนจากสิ่งที่ตัวเองกระทำ
คุยกับ ผู้กำกับ ท้อดด์ ฟีลด์
ทำไมคุณถึงเลือกกำกับ Little Children เป็นเรื่องที่สอง
ผู้อำนวยการสร้างที่เคยดัดแปลงนวนิยายของ ทอม เพอร์ร็อตตา เรื่อง Election ไปเป็นภาพยนตร์ส่ง Little Children ซึ่งเป็นผลงานอีกเรื่องหนึ่งของเพอร์ร็อตตามาให้เพื่อนผมอ่าน พอเขาอ่านจบก็รีบโทรมาหาผมและบอกว่าผมต้องอ่านหนังสือเล่มนี้ให้ได้ ผมเองไม่เคยอ่านงานของเพอร์ร็อตตามาก่อน เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ในบทแรกๆผมอ่านแล้วหัวเราะ และคิดว่านี่คงเป็นหนังสือประเภทตลกโปกฮา แต่พออ่านไปเรื่อยๆ ผมถึงกับวางไม่ลง มันทำให้ผมหายใจไม่ทั่วท้อง ผมรู้สึกว่าเรื่องราวมันมีอิทธิพลกับคนอ่าน ผมอ่านหนังสือมาก็มาก แต่เรื่องนี้ไม่เหมือนสิ่งที่ผมเคยอ่านมาก่อน
องค์ประกอบหนึ่งของบทหนังที่โดดเด่นก็คือการใช้เสียงบรรยาย ผู้เขียนบทส่วนใหญ่ใช้เสียงบรรยายเป็นเทคนิคในการปกปิดและแก้ไขข้อบกพร่องของการเล่าเรื่อง แต่หากใช้อย่างเหมาะสมอย่างในเรื่องนี้ มันจะมีประโยชน์และช่วยในการเล่าเรื่องอย่างมาก ทำไมคุณถึงเลือกใช้วิธีนี้ล่ะ
บทบรรยายของทอมที่ผมอ่านในนวนิยายหนักแน่นมากจนทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้น อีกอย่าง หนังสือเล่มนี้มีแง่มุมที่อ้างอิงถึงวรรณกรรม อย่างตัวละครหลักก็เรียนเอกวรรณคดีอังกฤษ และหนังยังเป็นเมโลดราม่าเสียดสีสังคม ไม่ใช่หนังดราม่าเพียวๆ เพราะฉะนั้นก็เลยตัดสินใจไม่ยาก ทอมเองก็เห็นด้วย เราก็เลยตกลงใช้เสียงบรรยาย สิ่งที่เราคิดก็คือชีวิตของตัวละครหลักทุกตัวจะถูกถ่ายทอดผ่านมุมมองของบุคคลที่สาม ยกเว้นรอนนี่
แง่มุมหนึ่งในหนังที่กลายเป็นข้อขัดแย้งในหมู่ผู้ชมก็คือตัวละครรอนนี่ ชายโรคจิตที่กลับมาอยู่ในชุมชนกับแม่หลังต้องโทษจำคุกคดีทำอนาจารเด็ก บางคนบอกว่าหนังไม่จำเป็นต้องมีตัวละครนี้ เพราะเขาดึงความสนใจไปจากตัวละครหลักของเคท วินสเล็ตต์, แพทริค วิลสัน และเจนนิเฟอร์ คอนเนลลี่ขณะที่บางคนบอกว่าหนังขาดตัวละครนี้ไม่ได้ แล้วคุณเองคิดยังไง
ทอมให้เหตุการณ์เกิดขึ้นในปี 2001 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เราตกอยู่ในความกังวล ความหวาดผวาไร้สติที่เราตัดสินคนอื่น ตัดสินตัวเอง และมองคนอื่นในแง่ร้าย คอยมองหาคนชั่วอยู่ตลอดเวลา ตื่นกลัวอย่างไร้เหตุผล เข้าข้างตัวเอง และทำตัวหน้าไหว้หลังหลอก ตอนอ่านหนังสือของทอม ผมไม่ได้คิดว่ามันเป็นหนังล้อเลียนคนชานเมืองนะ ผมเองก็เป็นคนชานเมือง ผมอยู่มาแล้วเกือบทุกที่ในโลกและคิดว่าเรื่องนี้อาจเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ มันเป็นเหมือนนิทานสอนใจเกี่ยวกับสภาวะจิตใจของคนในสังคม โดยมีตัวละครอย่างแลรี่เป็นตัวแทนของผู้นำ และรอนนี่เป็นโอซาม่า บินลาเดน หรือชายบริสุทธิ์คนนึงที่ไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ในจุดที่ยืนอยู่ได้ยังไง
คุณสนใจอะไรในตัวละครนี้ ถึงไม่นำเสนอเขาให้ออกมาเป็นชายผู้ถูกใส่ร้ายธรรมดา ซึ่งง่ายและชัดเจนกว่าเยอะ ขณะที่รอนนี่ถูกแลรี่ตามรังควานไม่เลิกรา ก็มีบางฉากที่แสดงให้เราเห็นว่าเขายังไม่พร้อมจะกลับสู่สังคม เช่นฉากที่สระว่ายน้ำและฉากนัดบอดที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า
เขามีปัญหาแน่ๆ แต่เราไม่รู้ว่าคืออะไร เรารู้ว่าเขาทำอนาจารเด็กและถูกจับเข้าคุก แต่ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาอาจจะโชว์ของลับต่อหน้าเด็กสาวอายุ 17 ก็ได้ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาแตะต้องและทำร้ายใครหรือเปล่า ขณะที่แลรี่ทำแน่ๆ เพราะเขาสารภาพเองกับแบรด มันขึ้นอยู่กับการตัดสินของคนดู ถ้าเอาฉากสระน้ำขึ้นตอนต้นเรื่อง โดยที่คุณไม่ได้เห็นใบปลิวของแลรี่และไม่ได้ยินคนคุยกันเรื่องรอนนี่ เขาก็คงเป็นแค่ชายคนนึงที่มาว่ายน้ำที่สระ เราเห็นเขาจริงๆหลังจากที่หนังดำเนินไปเกือบชั่วโมง ก่อนหน้านั้นมีแต่การกล่าวถึงของชาวบ้านและสื่อมวลชน เพราะฉะนั้นฉากที่เขาปรากฏตัวจริงๆก็เลยมีพลัง
อย่างไรก็ตามรอนนี่คือตัวละครที่รู้จักตัวเองดีที่สุดในเรื่อง ตัวละครอื่นพยายามดิ้นรนเพื่อค้นหาความเป็นตัวเอง ขณะที่รอนนี่พูดกับแม่ว่า “ผมเป็นคนมีปัญหา ผมไม่อยากเป็น แต่ก็เป็นไปแล้ว”
ขอถามเรื่องการคัดเลือกนักแสดงนิดนึง คนแรกคือเคท วินสเล็ตต์ ซึ่งถือเป็นตัวเลือกที่ไร้ข้อกังขาเพราะเธอคือนักแสดงหญิงที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งของยุคนี้ อย่างเดียวที่น่าสงสัยก็คือบทบาทที่เธอได้รับส่วนใหญ่มักเป็นตัวละครที่น่าชื่นชอบ แต่ซาร่าห์นั้นเป็นตัวละครที่ค่อนข้างห่างไกลคำว่า“น่าชื่นชอบ” พอสมควร แล้วทำไมคุณถึงเลือกเธอมารับบทนี้
ผมไม่สนใจเรื่องว่าคนจะชอบหรือไม่ชอบตัวละครหรอก ผมไม่เชื่อด้วยว่าคนเราจะมีใคร”น่าชื่นชอบ” ผมว่าถ้าให้ใครมาตามเราสักวันนึง เขาก็คงเห็นเราทำสิ่งที่ทั้งน่าชื่นชมและน่ารังเกียจ เหตุผลแรกที่คุณพูดถูกแล้วครับ เคทเป็นนักแสดงหญิงที่ยอดเยี่ยมของยุคนี้ แต่สารภาพตรงๆว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้มาก่อน ผมไม่เคยดูผลงานของเธอเลย กระทั่ง Eternal Sunshine of the Spotless Mind ฉากที่เธอต่อยจิม แครี่เข้าที่แขนทำเอาผมสะดุ้งจากเก้าอี้ และเสียศูนย์ไปจนหนังจบ เธอมีความหลากหลายและมีการแสดงที่น่าตื่นเต้นที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น ทันทีที่ผมกับทอมเขียนบทเสร็จ เคทคือตัวเลือกแรกสำหรับบทซาร่าห์ และขอบคุณพระเจ้าที่เธอตอบตกลง
นักแสดงอีกคนหนึ่งที่ได้รับการโจษจันก็คือ แจ๊คกี้ เอิร์ล เฮลี่ย์ ถ้าไม่นับ All the King’s Men ที่เพิ่งปิดกล้องไปเมื่อปีที่แล้ว เขาไม่ได้เล่นหนังมานานเกือบ 10 คุณเห็นอะไรในตัวเขาถึงเลือกมารับบทนี้
สตีฟ เซลเลี่ยน เป็นคนติดต่อให้แจ๊คกี้ไปรับบทใน All the King’s Men ผมได้ดูเทปตัวอย่างการแสดงของเขาแล้วคิดจะติดต่อไป แต่เขาส่งเทปมาให้ผมซะก่อน เป็นเทปทดสอบบทรอนนี่ยาว 20 นาที ผมตะลึงกับการแสดงของเขาและเอาไปบอกเคทในวันรุ่งขึ้นเพราะพวกเขาถ่าย All the King’s Men ด้วยกัน เคทบอกว่าแจ๊คกี้มีฝีมือและถามว่าผมสนใจเขามั้ย ผมบอกว่าสนเธอก็เลยอาสาพาเขามาคุยที่นิวยอร์ก เคทต้องการอ่านบทกับแจ๊คกี้ และเมื่อเขามาถึงผมก็ไม่มองหาใครอีก เพราะเขาเหมาะสมกับบทมาก
เล่าถึงฉากเซ็กส์ระหว่างเคท วินสเล็ตต์ กับ แพทริค วิลสัน หน่อยสิ
ผมไม่ชอบที่ใครๆเรียกมันว่า “ฉากเซ็กซ์” เคทกับแพทริคเองก็ไม่ชอบ ฉากเหล่านั้นมีความหมาย และนักแสดงต้องแสดงอารมณ์ความรู้สึก เราตั้งใจกับมันมาก ไม่ได้มัวมานั่งเขินอายหรือคิดตะขิดตะขวง และไม่ได้ให้ทีมงาน 200 คนไปนั่งจ้องนักแสดง ฉากนั้นมีไม่กี่คนในกองถ่าย ในบ้านที่ใช้ถ่ายทำมีแค่ผม เคท, แพทริค, ช่างกล้อง, ช่างเสียงเท่านั้น เราพูดคุยกันอย่างละเอียดถึงฉากนี้และเริ่มถ่ายทำ เราผ่อนคลายกันมาก ไม่ได้รู้สึกแปลก และสามารถเข้าถึงความตึงเครียดของฉากนั้น รวมทั้งดึงการแสดงที่ดีเยี่ยมออกมาจากตัวเคทและแพทริคได้
คุยกับ เคท วินสเล็ตต์
ดูแล้วบทนี้เหมือนเป็นความใฝ่ฝันของนักแสดงหลายคน คุณคิดนานไหมกว่าจะตกลงรับเล่น
ไม่นะคะ ตอนนั้นท้อดด์ (ผู้กำกับ) อยากคุยกับฉันเรื่องให้มาแสดงบทนี้ ซึ่งกระบวนการตอนติดต่อก็ไม่ต่างจากหนังเรื่องอื่นเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ต่างคือเขาเจาะจงมากว่าทำไมถึงคิดว่าฉันจะถ่ายทอดบทนี้ได้ เขาจับฉันนั่งลงแล้วอธิบายอย่างละเอียดว่าฉันจะทำมันได้เพราะอะไร จนถึงจุดๆนึงที่ฉันรู้สึกว่า พระเจ้า ฉันรู้สึกดีกับตัวเองจัง ฉันเล่นบทนี้ได้แน่ (หัวเราะ) แต่ก็เป็นเรื่องตัดสินใจยากเหมือนกันนะที่จะแสดงเป็นคนอย่างซาร่า เพราะมันท้าทาย ซาร่าเป็นผู้หญิงอเมริกันและไม่มีอะไรเหมือนฉันเลย บางครั้งฉันก็คิดว่า เอ๊ะ แล้วฉันจะทำได้เหรอ ฉันมีคุณสมบัติพอจะเป็นซาร่าได้ไหม แต่พอท้อดด์ให้กำลังใจว่าต้องทำได้แน่ ฉันก็รับบทไปอ่านและรู้ว่าถ้าปฏิเสธไปคงเป็นอะไรที่โง่มาก
คุณเข้าถึงความกดดันต่อสภาพแวดล้อมและความเป็นแม่ที่บกพร่องในบทซาร่าได้ยังไง คุณหยิบประสบการณ์ตรงมาใช้หรือเปล่า เพราะคุณเองก็เป็นแม่คนแล้ว
บอกตรงๆนะ อย่างเดียวที่ฉันมีเหมือนซาร่าก็คือความเป็นแม่ แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าจะให้พูดถึงหนังตอนนี้ฉันขอบอกว่าสิ่งที่ฉันค้นพบคือซาร่าผ่านอะไรมาหลายอย่างก่อนที่คุณจะได้เห็นเธอบนจอ ฉันว่าฉันสามารถเชื่อมโยงกับเธอได้ในปูมหลังนั้น แต่ตัวละครที่คุณเห็นบนจอมีส่วนเหมือนฉันแค่ตรงที่มีลูก
ความท้าทายครั้งใหญ่คือการรับบทเป็นแม่ที่ไม่ดี มันยากมาก ไม่ใช่ว่าเธอตบตีดุด่าลูกหรอกนะ แต่แค่เป็นแม่ที่งุ่มง่าม เธอไม่รู้ว่าการเป็นพ่อแม่ที่ดีคืออะไร ไม่รู้ว่าควรปฏิบัติกับเด็กผู้หญิงคนนี้ยังไง เธอรักลูกอยู่แล้ว แต่มีบางอย่างเกี่ยวกับลูกที่ทำให้เธออึดอัด เหมือนลูกเข้ามาเป็นอุปสรรคในชีวิตนิดหน่อย ฉันคิดว่าจุดอ่อนของซาร่าคือ เมื่อเธอมีลูก เธอรู้สึกเหมือนสูญเสียตัวตนบางส่วนไป
แน่นอนว่าสำหรับพ่อแม่ส่วนใหญ่รวมทั้งฉันรู้สึกว่าการมีลูกเหมือนได้เปิดโลกใหม่อีกล้านโลก มันเปลี่ยนชีวิตฉันและทำให้ฉันมีความสุขอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ซาร่าไม่ใช่อย่างนั้น เธอหงุดหงิดที่มีลูกป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ แต่มีบางอย่างน่าสังเกตในฉากสุดท้าย เหมือนเธอถูกลงโทษ ตอนที่เธอกลับมาที่รถแล้วคิดว่าลูกหาย คือวินาทีนั้นมันอาจเกิดอะไรขึ้นก็ได้ รถอาจชนเธอตายไปแล้ว ซาร่าสำนึกได้ว่าเธอทำผิดพลาดครั้งร้ายแรง เธอต้องพิจารณาตัวเองว่าละเลยลูกมามากแค่ไหน และจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เธอได้รู้ว่าความสุขในอนาคตของตัวเองขึ้นอยู่ที่การมองเข้าไปในดวงตาลูกสาวและเป็นแม่อย่างที่ลูกต้องการมาตลอด
คุณเคยมีประสบการณ์ในย่านชานเมืองที่ส่งผลกับชีวิตแบบในหนังไหม
ก็ไม่เชิงนะคะ มีอยู่ช่วงหนึ่งตอนแต่งงานใหม่ๆที่ฉันกับจิมย้ายไปอยู่เซอร์เรย์ซึ่งตอนนี้ฉันกับจิมคิดว่า นั่นเราทำอะไรกันน่ะ ทำไมเราถึงย้ายไป บ้านที่นั่นน่าอยู่ก็จริง แต่ก็เป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ในการย้ายออกจากเมือง หรือย้ายออกจากย่านที่คุ้นเคยไปอยู่ที่อื่นที่ทำให้รู้สึกว่า ที่นี่ที่ไหน คุณเข้าใจไหม ฉันกับจิมรู้สึกเหมือนกัน และระหว่างที่ยังอยู่ด้วยกัน เราก็ย้ายกลับไปอยู่ลอนดอน
สถานที่ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวหรือถูกกักขังเหมือนซาร่า แต่เรารู้สึกชัดเจนว่าเราเด็กเกินไปที่จะใช้ชีวิตแบบนี้ แต่ฉันรู้จักผู้หญิงบางคนที่ย้ายไปอยู่ชนบทหรือชานเมือง ฉันเคยถามเพื่อนว่าย้ายไปอยู่นั่นแล้วเป็นยังไง เธอตอบว่ามันเป็นตัวเลือกหนึ่งที่เธอแฮปปี้มาก
ฉันว่ามันต่างกัน พวกผู้หญิงในหนังมีชีวิตอยู่ในชานเมืองอย่างที่ต้องการมาตลอด ทุกคนที่นั่งอยู่บนม้านั่งในสวนสาธารณะต่างมีชีวิตแบบที่ตัวเองวางแผนไว้ ฉันเชื่อว่าเมื่อตอนวัยรุ่น พวกเธอคงฝันอยากแต่งงานมีลูก และย้ายออกจากเมืองใหญ่มาอยู่ชานเมืองในบ้านสวยๆที่มีรั้วไม้แหลมปักอยู่ด้านหน้า นั่นคือสิ่งที่พวกเธอต้องการ แต่อย่างหนึ่งที่ไม่ค่อยดีนักคือพวกเธอภูมิใจเรื่องนี้มากเกินไป พวกเธอคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นเพราะได้มีชีวิตอย่างที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่ซาร่ากลับรู้สึกต่างออกไป เธอรู้สึกว่าการได้มาอยู่ในสังคมนี้คือความผิดพลาด นี่ไม่ใช่ชีวิตอย่างที่เธอเคยคิดไว้ ฉันว่าถ้าเหตุการณ์มันเป็นตรงกันข้าม เธอคงไปเที่ยวโมร็อคโค อินเดีย ปารีส และได้รับรู้เรื่องราวดีๆมากมาย เพราะฉะนั้นฉันคิดว่าสิ่งที่ทำให้ซาร่ารู้สึกโดดเดี่ยวและเหมือนถูกกักขัง ไม่ใช่ที่อยู่ แต่เป็นเพราะตัวตนของเธอเปลี่ยนไปมากและไม่ใช่อย่างที่เธอเคยวาดหวังไว้ มันทำให้เธอรู้สึกกลัวและโดดเดี่ยวอย่างมาก
ซาร่ารู้สึกเหนือกว่าผู้หญิงพวกนั้นด้วยนะ ถึงเธอจะไม่รู้ว่าตัวเองไปโผล่ที่นั่นได้ยังไงก็เถอะ เพราะบางครั้งซาร่ารู้สึกว่าผู้หญิงพวกนี้สติเสีย และรู้สึกว่าเธอต้องไม่เป็นแบบนั้น มันคือการตัดสินใจที่จะเป็นใครบางคนที่เธอไม่ใช่และก็เป็นเหมือนแม่บ้านพวกนั้นด้วย นั่นคือคุณสมบัติของซาร่าที่ฉันชื่นชม เธอไม่ยอมอ่อนข้อ เธอต้องรักษาความเป็นตัวของตัวเองเอาไว้และพยายามเป็นคนๆนั้น แม้ว่าเธอจะต้องอ่อนแอลง แต่มันก็ยังคงมีความเข้มแข็งตรงนั้นอยู่
คุณกับแพทริคเข้ากันได้ดีในฉากเลิฟซีน อะไรๆก็เลยง่ายขึ้นหรือเปล่า
อย่าพูดว่าเข้ากันได้ดีเลยค่ะ ขอแก้นิดนึง ฉันไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด (หัวเราะ) แต่มันไม่ได้ง่ายขึ้นเลยนะ ทุกครั้งที่ถ่ายฉากโป๊หรือฉากรักฉันจะทำครั้งเดียวให้ผ่าน ฉันจะไม่ถ่ายซ้ำ เพราะมันยากและน่ากลัวมาก แล้วฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าตัวเองสามารถแสดงต่อได้นานแค่ไหน
สำหรับ Little Children ฉากรักไม่ใช่ฉากที่ยากที่สุด ฉากที่ยากที่สุดคือฉากอารมณ์และฉากที่ตัวละครเปิดเผยบางอย่าง ใช่ค่ะ มันยากมาก เราพยายามหัวเราะกับมัน เพราะช่วยไม่ได้ ก็สถานการณ์มันน่าหัวเราะจริงๆ แต่ที่สำคัญคือ ฉัน, แพทริค (นักแสดงนำฝ่ายชาย) และท้อดด์ (ผู้กำกับ) จะซีเรียสมากว่าการแสดงและบทพูดในฉากนั้นต้องถูกต้อง เพราะสองคนนี้กำลังเล่นชู้กัน พวกเขาปิดประตู มีเซ็กซ์กัน และกลัวว่าคนอื่นจะรู้ แต่ประเด็นคือภายในความใกล้ชิดนั้น นอกจากจะเปิดเผยตัวตนต่อกันและกันแล้ว พวกเขายังค้นพบตัวเองด้วย หลังความสัมพันธ์ครั้งนั้นซาร่าก็ได้ค้นพบตัวเองและเริ่มเปลี่ยนแปลง แบรดเองก็เหมือนกัน
คำนิยม
“หนังจะดึงดูดคุณเหมือนแม่เหล็ก” — ปีเตอร์ เทรเวอร์, Rolling Stone
“5 ดาว สำหรับเคท วินสเล็ตต์ การแสดงของเธอตลก เฉียบคม ชาญฉลาด ไร้ที่ติ” — ลี โรเซ่น, People magazine
“ยอดเยี่ยม ท้อดด์ ฟีลด์ พิสูจน์ว่าเขาคือผู้กำกับอเมริกันฝีมือเยี่ยมคนหนึ่งของวงการ ภาพยนตร์เรื่องนี้คือความท้าทายที่เข้าถึงทุกคน และคุณจะไม่อาจหยุดคิดถึงมันได้” — เอ โอ สก๊อตต์, The New York Times
“น่าทึ่ง แปลกใหม่ และเฉียบแหลม ตั้งแต่ต้นจนจบ” — เร็กซ์ รี้ด, The New York Observer
“งดงาม น่าติดตาม น่าตื่นเต้น” — ไมเคิล ฟิลลิปส์, Chicago Tribune
“น่าจดจำ จริงจัง ชวนหวั่นไหว ฟีลด์คือผู้กำกับที่มีพรสวรรค์” — โจ มอร์เกนสเติร์น, The Wall Street Journal
“โดดเด่น เฉียบแหลม และทรงพลัง” — เดวิด เดนบี, The New Yorker
“ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี เคท วินสเล็ตต์ และ แพทริค วิลสันแสดงได้ยอดเยี่ยม พวกเขาถ่ายทอดอารมณ์และสีสันสู่ตัวละคร ทั้งยังเข้ากันได้ดีอย่างเหลือเชื่อ” — ลีโอนาร์ด มัลติน, ET
รางวัล
เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ 3 สาขา ได้แก่ ภาพยนตร์ดราม่ายอดเยี่ยม, นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในภาพยนตร์ดราม่า (เคท วินสเล็ตต์), บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (ท้อดด์ ฟีลด์, ทอม เพอร์ร็อตตา)
เข้าชิงรางวัลจากสมาคมนักแสดง 2 สาขา ได้แก่ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (เคท วินเสล็ตต์) และนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (แจ๊คกี้ เอิร์ล เฮลี่ย์)
ได้รับรางวัลจากสมาคมนักวิจารณ์นิวยอร์กสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (แจ๊คกี้ เอิร์ล เฮลี่ย์)
เข้าชิงรางวัลจากสมาคมนักวิจารณ์ชิคาโก 3 สาขา ได้แก่ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (เคท วินเสล็ตต์), นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (แจ๊คกี้ เอิร์ล เฮลี่ย์) และบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (ท้อดด์ ฟีลด์, ทอม เพอร์ร็อตตา) และคว้ารางวัลสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมมาได้
เข้าชิงรางวัลจากสมาคมนักวิจารณ์ลอนดอนสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (เคท วินสเล็ตต์)
ได้รับรางวัลจากสมาคมนักวิจารณ์ซานฟรานซิสโก 3 รางวัล ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม (ท้อดด์ ฟีลด์, ทอม เพอร์ร็อตตา) และนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (แจ๊คกี้ เอิร์ล เฮลี่ย์)
ได้รับรางวัลจากสมาคมนักวิจารณ์เซาธ์อีสเทิร์นสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (แจ๊คกี้ เอิร์ล เฮลี่ย์)
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ