กรุงเทพฯ--19 พ.ย.--กองประชาสัมพันธ์ กทม.
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด พร้อมด้วยสื่อมวลชน ร่วมทดสอบรถไฟฟ้าขบวนใหม่ 4 ตู้ สายสีลม จากสถานีวงเวียนใหญ่ (S8) เขตคลองสาน ไปยังสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ (W1) ก่อนเดินรถเต็มรูปแบบปลายเดือน พ.ย.นี้ โดยรถไฟฟ้าขบวนใหม่ 4 ตู้ดังกล่าว กทม. ได้จัดซื้อเพิ่มเติมเพื่อเดินรถเส้นทางสายสีลม รวม 12 ขบวน จำนวน 48 ตู้ มูลค่ากว่า 70 ล้านเหรียญสหรัฐ จากบริษัท ฉางชุง เรลเวย์ เวฮิเคิลส์ จำกัด บริษัทผู้ผลิตรถไฟขนาดใหญ่ และผู้ผลิตรถไฟฟ้าความเร็วสูงรายใหญ่ในภาคพื้นเอเชีย พร้อมกันนี้ ผู้ว่าฯ กทม.ได้นำตัวแทนคนพิการผู้ใช้วีลแชร์ ร่วมทดสอบอุปกรณ์ภายในรถ อาทิ ป้ายบอกสถานีดิจิตอล ราวจับ พื้นที่สำหรับวีลแชร์พร้อมเข็มขัดนิรภัย และทางเข้าออก เพื่อประเมินความเหมาะสมและการใช้งานของผู้พิการ
รถขบวนใหม่เพิ่มตู้โดยสารเป็น 4 ตู้ จุผู้โดยสารได้มากถึง 1,490 คน
สำหรับรถไฟฟ้าขบวนใหม่ ได้เพิ่มจำนวนตู้โดยสารจากเดิม 3 ตู้ เป็น 4 ตู้ต่อขบวน รวมความยาว 87.25 เมตร สามารถจุผู้โดยสารได้สูงสุด 1,490 คนต่อขบวน จากเดิมที่จุผู้โดยสารได้ 1,106 คน หรือเพิ่มขึ้นจากเดิมคิดเป็นร้อยละ 30 พร้อมทั้งออกแบบแถวที่นั่งให้มีลักษณะโค้งมน และเปลี่ยนสีที่นั่งจากสีเหลืองอ่อนเป็นสีเหลืองสดเพื่อเพิ่มความสว่างให้กับห้องโดยสาร ที่สำคัญได้เพิ่มพื้นที่สำหรับผู้ใช้วีลแชร์พร้อมเข็มขัดนิรภัยเป็น 4 ที่ต่อตู้ อีกทั้งเพิ่มจำนวนห่วงจับ ราวจับ และเสายึดแบบ 3 แกนภายในห้องโดยสารเพื่อความสะดวกสบาย ปลอดภัย และเพิ่มพื้นที่การยึดจับขณะโดยสารให้มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างบริเวณทางเดินเชื่อมระหว่างตู้โดยสารและภายในห้องโดยสาร เพื่อเพิ่มแสงสว่างภายในห้องโดยสารด้วย
อุปกรณ์ภายในรถทันสมัย เพื่อความสะดวกในการเดินทาง
นอกจากนี้ยังมีป้ายอิเล็กทรอนิกส์แสดงเส้นทางของการเดินรถแบบไฟกระพริบ เพื่อแสดงตำแหน่งสถานีปัจจุบัน สถานีต่อไป และสถานีปลายทาง โดยติดตั้งเหนือประตูผู้โดยสารแต่ละบาน แสดงข้อมูลการเดินทางแก่ผู้โดยสารร่วมกับระบบประกาศอัตโนมัติ โดยระบบดังกล่าวทำงานร่วมกับระบบอาณัติสัญญาณและระบบการประกาศแจ้งข่าวสารข้อมูลสำหรับผู้โดยสาร ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ป้องกันความสับสนและให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้โดยสาร
พัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนและระบบควบคุมสอดคล้อง 2 ระบบ
รถไฟฟ้าขบวนใหม่ที่ผลิตขึ้น ใช้ระบบขับเคลื่อนและควบคุมไฟฟ้าของบริษัท Bombardier ประเทศสวีเดน ซึ่งปรับปรุงจากระบบเดิม ให้สามารถควบคุมและติดตามสถานการณ์ทำงานทุกระบบของรถ แสดงผลผ่านหน้าจอ LCD เป็นรูปกราฟฟิกซึ่งง่ายต่อการใช้งาน และบันทึกข้อมูลให้มีความทันสมัย สามารถประมวลผลข้อมูลต่างๆ แก่ผู้ควบคุมรถได้อย่างสะดวก แม่นยำ และรวดเร็ว ส่วนระบบรองรับการสั่นสะเทือนและระบบช่วงล่างยังคงใช้ระบบชุดล้อของบริษัท Siemens ประเทศเยอรมนี เพื่อให้รถไฟฟ้าขบวนใหม่สามารถวิ่งบนโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ในปัจจุบันได้อย่างปลอดภัย โดยระบบห้ามล้อใช้ระบบจากบริษัท KNORR-BREMSE ประเทศเยอรมนี ขณะที่ประตูและระบบปรับอากาศใช้อุปกรณ์จากบริษัท FAIVELEY TRANSPORT ประเทศฝรั่งเศส อีกทั้งปรับปรุงเทคโนโลยีบางส่วนให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับระบบอาณัติสัญญาณที่ปรับปรุงให้สามารถขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
รถไฟฟ้าขบวนใหม่ 4 ตู้พร้อมเปิดใช้ปลายเดือน พ.ย.53
ในวันนี้ (19 พ.ย.) เป็นการตรวจสอบสมรรถนะของระบบไฟฟ้า การทำงานของระบบไฟฟ้า ความปลอดภัย และความน่าเชื่อของระบบไฟฟ้า ภายหลังจากบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้ทดสอบระบบรถไฟฟ้าในช่วงหลังเวลาเร่งด่วน ตั้งแต่เวลา 21.00-24.00 น. ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 7 พ.ย.53 และได้ขยายเวลาในการวิ่งทดสอบในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ในวันเสาร์ เวลา 19.00 — 24.00 น. และวันอาทิตย์ เวลา 06.00-24.00 น. ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 13 พ.ย.53 เป็นต้นมา และคาดว่ารถไฟฟ้าขบวนใหม่ 4 ตู้ จะเปิดใช้ได้ภายใน 2 สัปดาห์ หรือปลายเดือน พ.ย.นี้ และจะสามารถรองรับการบริการเดินรถไฟฟ้า ส่วนต่อขยายสายสีลม (ตากสิน-เพชรเกษม) ระยะทาง 5.3 กิโลเมตรในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ปลายปี พ.ศ.2555
หลังเดินรถไฟฟ้าขบวนใหม่ 4 ตู้
ทั้งนี้ในระหว่างทดสอบระบบได้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการเชื่อมต่อระบบอาณัติสัญญาณ ซึ่งผู้ควบคุมได้ระงับการวิ่งรถไฟฟ้าชั่วระยะเวลาหนึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุแก่ผู้โดยสาร อย่างไรก็ตามเมื่อเดินรถไฟฟ้าขบวนใหม่ 4 ตู้เต็มรูปแบบตลอดสายสีลม จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาและผลกระทบต่อผู้โดยสารแต่อย่างใด ในส่วนของรถไฟฟ้าแบบ 3 ตู้ขบวนเก่า จำนวน 30 ตู้ จะนำไปเดินรถเส้นทางส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง ซึ่งจะเปิดใช้อย่างเป็นทางการ ในปี พ.ศ.2554 โดยในปี พ.ศ.2555 จะปรับให้เป็นรถไฟฟ้าจำนวน 4 ตู้ต่อชบวนทั้งหมด และหากประชาชนหันมาใช้บริการรถไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น สามารถเพิ่มจำนวนตู้โดยสารได้ถึง 6 ตู้ เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในอนาคตต่อไป