กรุงเทพฯ--19 พ.ย.--ธนาคารยูโอบี
นายลอย ไค ชูว ผู้อำนวยการอาวุโส พาณิชย์ธนกิจ ธนาคารยูโอบี จำกัด(มหาชน) เปิดเผยถึง ความร่วมมือทางพันธมิตรธุรกิจระหว่างธนาคารและบริษัท วอลโว่ ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซสว่า กับธนาคารยูโอบี ว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าของทั้งสององค์กรด้วยบริการทางการเงินที่เหมาะสม
โดยในส่วนของธนาคารนั้น เป็นการขยายฐานลูกค้าเพิ่มและได้ลูกค้าใหม่ที่มีคุณภาพ ในขณะที่ลูกค้าของวอลโว่ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์จากธนาคารในด้านสินเชื่อด้านอื่นๆ ของธนาคารที่มีให้เลือกอย่างหลากหลายและธนาคารได้ให้สิทธิพิเศษทางด้านอัตราดอกเบี้ย ความรวดเร็วในการอนุมัติเงินเพียง 7 วัน และให้ระยะเวลาในการผ่อนยาวถึง 5 ปีขณะเดียวกันธนาคารพร้อมให้การสนับสนุนทางด้านสินเชื่อเพื่อกิจการด้านจักรกล ด้านยานยนต์ และด้านอุปกรณ์ต่าง ๆ ของทางวอลโว่ กรุ๊ป ซึ่งวอลโว่ตั้งเป้าอัตราการเติบโตสูงขึ้นเท่าตัวในช่วง 3 ปีนี้ และตั้งเป้าสิ้นปี 2553 จะมีตัวเลขอยู่ที่ 700 ล้านบาท
“การร่วมมือในครั้งนี้เริ่มจากประเทศไทยเป็นประเทศแรก และจะขยายเข้าไปในภูมิภาคอื่นในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ซึ่งกลุ่มธนาคารยูโอบีในประเทศสิงค์โปร์ มีเครือข่ายสำนักงานมากกว่า 500 แห่งใน 19 ประเทศและเขตการปกครองทั่วโลก มีเป็นธนาคารที่มีความแข็งแกร่งระดับ 1 ใน 3 ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในขณะที่ประเทศไทยเรามีสาขาอยู่ 145 แห่งและมีเครื่องเอทีเอ็มจำนวน 338 เครื่องมีความแข็งแกร่งในภูมิภาคนี้
ด้านนายจอห์น ราโคซี่ ประธานวอลโว่ คุณจอห์น ราโคซี่ ประธานของวีเอฟเอส ประจำภูมิภาคเอเชีย /แปซิฟิก กล่าวว่า หลังจากการพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ในฐานะหุ้นส่วนในการปล่อยสินเชื่อของวอลโว่ ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส ประเทศไทย เนื่องจากวอลโว่กรุ๊ป และตัวแทนจำหน่ายของบริษัทจะได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของพันธมิตรใหม่ รวมถึงความสามารถทางการเงินในการรับประกันเครดิต การจัดหาเงินทุน การขายและการตลาดที่มีประสิทธิภาพ ผ่านไพรเวทโปรแกรมภายใต้ตราสินค้าของวอลโว่ ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส เรามุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดประเทศไทยซึ่งเป็นตลาดหลักของเอเชีย
“เราตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตของธุรกิจหลังจากร่วมมือเป็นพันธมิตรในครั้งนี้เป็น 1 เท่าตัวในช่วง 3 ปี โดยคาดว่าปีนี้จะปล่อยสินเชื่อได้ 700 ล้านบาทและปี 2554 จะเป็นที่ 1,400 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้เราสามารถเพิ่มยอดขายในส่วนของรถบรรทุกขนาดใหญ่ เครื่องจักรกลในการก่อสร้าง และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในอุตสาหกรรมทั้ง 2 ประเทศและถือเป็นการรุกตลาดรถบรรทุกและอุตสาหกรรมการขนส่งอย่างจริงจังของวอลโว่ ซึ่งเรามองเห็นศักยภาพในการเติบโตของประเทศไทย และตลาดเอเชียเป็นตลาดหลักในการรุกธูรกิจของกลุ่มบริษัทวอลโว่”ประธานวอลโว่กล่าว