ฟิทช์จัดอันดับเครดิตภายในประเทศหุ้นกู้ของบริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่ ‘BBB+(tha)’

ข่าวทั่วไป Thursday July 19, 2007 13:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ก.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาว หุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของบริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SF มูลค่าไม่เกิน 1.0 พันล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2553 ที่ระดับ ‘BBB+(tha)’ โดยบริษัทมีแผนที่จะนำเงินที่ได้รับจากหุ้นกู้ชุดใหม่มาชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะและชื่อเสียงทางการตลาดที่มั่นคงของ SF ในธุรกิจพัฒนาและบริหารศูนย์การค้าขนาดกลางแบบเปิด และคุณภาพของโครงการศูนย์การค้าที่อยู่ในระดับสูงดังจะเห็นได้จากอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย (Average Occupancy Rate) ของศูนย์การค้าที่อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องถึงกว่า 90% ตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการ ถึงแม้จะมีการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและการเติบโตของพื้นที่ค้าปลีก นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้ค่าเช่าและค่าบริการ โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากจำนวนศูนย์การค้าเปิดใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น ความหลากหลายของผู้เช่าพื้นที่ในศูนย์การค้า และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งที่ได้รับจากสัญญาเช่าระยะยาวกับผู้เช่าหลักซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 54% ของพื้นที่ให้เช่าทั้งหมดในปี 2549
SF มีแผนที่จะเพิ่มพื้นที่ให้เช่าทั้งหมดอย่างน้อยปีละประมาณ 25% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าโดยจะใช้งบลงทุนประมาณ 1.8 พันล้านบาทต่อปี ในปี 2550 บริษัทวางแผนที่จะเปิดให้บริการศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Centre) แห่งใหม่ที่พัทยา ได้แก่ โครงการดิ อเวนิว พัทยา และศูนย์การค้าชุมชนขนาดใหญ่ (Community Centre) แห่งใหม่ที่ปากช่อง นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2551 SF ยังมีแผนที่จะเปิดให้บริการศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์เพิ่มอีก 2 แห่ง ได้แก่ โครงการเมเจอร์ อเวนิว รัชโยธิน และโครงการเสนา อเวนิว ที่บริเวณเกษตร นวมินทร์ รวมถึงศูนย์การค้าชุมชน (Neighbourhood Centre) อีก 1 แห่งที่นวมินทร์ (สุขาภิบาล 1)
ในไตรมาสแรกปี 2550 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 88% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (EBITDAR) เพิ่มขึ้น 27% เนื่องจากการบันทึกรับรู้รายได้จากสัญญาเช่าทางการเงิน (Finance Leases) เป็นหลัก ถึงแม้ระดับหนี้สินสุทธิของบริษัทจะเพิ่มขึ้นจากการขยายโครงการศูนย์การค้าใหม่อย่างรวดเร็ว อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า ย้อนหลัง 12 เดือน (Net Adjusted Debt/ Last-twelve-month (LTM) EBITDAR) ของ SF ลดลงมาอยู่ที่ 3.6 เท่า ณ สิ้นไตรมาสแรกปี 2550 จาก 6.9 เท่า ณ สิ้นปี 2548 นอกจากนี้ อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน ย้อนหลัง 12 เดือน (LTM Funds from Operations Adjusted Net Leverage Ratio) และอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ย้อนหลัง 12 เดือน (Net Debt/ LTM Cash Flow from Operations) ของบริษัทได้ปรับลดลงเช่นกัน โดยลดลงมาอยู่ที่ 3.6 เท่า และ 3.3 เท่า ณ สิ้นไตรมาสแรกปี 2550 จาก 8.0 เท่า และ 12.2 เท่า ณ สิ้นปี 2548 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่ลดทอนความแข็งแกร่งของอันดับเครดิตของ SF ได้แก่ แผนการขยายโครงการศูนย์การค้าใหม่อย่างรวดเร็วในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ถึงแม้แผนการขยายโครงการดังกล่าวน่าจะช่วยทำให้ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทแข็งแกร่งขึ้น แต่หากมีความล่าช้าในการเปิดตัวศูนย์การค้าแห่งใหม่กว่าที่กำหนดมากอาจส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินและระดับหนี้สินของบริษัทได้ อย่างไรก็ตาม SF มีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกประมาณ 681 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2550 เพื่อใช้ในการเสริมสภาพคล่อง ถึงแม้ SF จะมีระดับการลงทุนและระดับของหนี้สินรวมเพิ่มขึ้น ฟิทช์คาดว่าบริษัทน่าจะสามารถบริหารอัตราส่วน Adjusted Net Debt/ EBITDAR ให้อยู่ที่ประมาณ 2.5 เท่า ถึง 3.0 เท่า ในระหว่างปี 2550 และปี 2551 ได้ เนื่องจาก EBITDAR ที่คาดว่าจะเติบโตขึ้น ประกอบกับเงินมัดจำและเงินค่าเช่าจ่ายล่วงหน้าที่บริษัทคาดว่าจะได้รับจากการเปิดโครงการศูนย์การค้าแห่งใหม่เพื่อนำมาใช้เป็นเงินลงทุนบางส่วน
ติดต่อ
โสมสิริ ชฎาวัฒน์ +662 655 4753, วสันต์ ผลเจริญ +662 655 4763, Vincent Milton +662 655 4759

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ