กรุงเทพฯ--22 พ.ย.--กรีนพีซ
เรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ของกรีนพีซได้เดินทางมาถึงเมืองเจนเนอรัล ซานโตส มินดาเนา ทางตอนใต้ของประเทศฟิลิปปินส์ในวันนี้ เพื่อรณรงค์ “ร่วมปกป้องสิ่งแวดล้อมกับเรนโบว์ วอร์ริเออร์” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสิ้นสุดโครงการที่ประเทศฟิลิปปินส์ หลังจากเริ่มต้นรณรงค์ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา เพื่อนำอนาคตของภูมิภาคนี้ไปสู่สิ่งแวดล้อมที่ดีและอนาคตแห่งสันติภาพ
กรีนพีซเรียกร้องให้มีการปฏิวัติพลังงานในฟิลิปปินส์ (1) เพื่ออนาคตพลังงานที่สะอาด ยั่งยืน และสันติ ในมินดาเนา“กรีนพีซเชื่อว่าพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดเป็นการพัฒนาที่แท้จริง เป้าประสงค์ของเรานั้นชัดเจนคือการพัฒนาที่ยั่งยืนและสอดรับกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ระบการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เต็มไปด้วยคาร์บอนนั้นจะยิ่งเร่งเร้าให้เกิดภัยคุกคามด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งประเทศและโลกของเรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ นี่คือความท้าทายที่ประธานาธิบดีนอยนอย อาคิโน จะต้องก้าวผ่าน เช่นเดียวกับการบริหารงานในปัจจุบันที่เน้นไปยังการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งเป็นเรื่องสำคัญต่ออนาคตฟิลิปปินส์” มาร์ค เดีย ผู้แทนประจำประเทศฟิลิปปินส์ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“พลังงานสะอาดที่แท้จริงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในมินดาเนาก่อนที่โรงไฟฟ้าถ่านหินจะถูกสร้างเพิ่มขึ้นบนเกาะแห่งนี้ มินดาเนามีทางเลือกที่ดีกว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่าถ่านหิน นั่นคือแผนพลังงานหมุนเวียนเพื่อเป็นหนทางสู่การพัฒนาสีเขียว ลดความขัดแย้ง ด้วยการเข้าถึงพลังงานอย่างเท่าเทียมกัน” มาร์คกล่าวเสริม
เรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ เดินทางมายังประเทศฟิลิปปินส์ 2 เดือนหลังจากเริ่มต้นโครงการ “ปกป้องสิ่งแวดล้อมกับเรนโบว์ วอร์ริเออร์” ในกรุงเทพฯ เรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ได้เดินทางรณรงค์ในภูมิภาคนี้ ร่วมกับชุมชนที่เคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยและอินโดนีเซีย เพื่อร่วมเรียกร้องให้เกิดทางออกที่ยั่งยืนอย่างพลังงานหมุนเวียน และการพัฒนาที่คำนึงถึงคุณภาพ วิถีชีวิตชุมชน และระบบนิเวศ การเดินทางในครั้งนี้ยังเป็นวาระครบรอบ 10 ปีแห่งการปกป้องสิ่งแวดล้อมร่วมกันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการรณรงค์ปกป้องป่า สนับสนุนการปฏิวัติพลังงาน สนับสนุนเกษตรอินทรีย์ และหยุดมลพิษทางน้ำ
กรีนพีซเชื่อว่าประเทศฟิลิปปินส์มีศักยภาพในการก้าวไปสู่การปฏิวัติพลังงานและสามารถเป็นผู้นำในการริเริ่มพัฒนาพลังงานหมุนเวียนและการพัฒนาบนพื้นฐานคาร์บอนต่ำ ฟิลิปปินส์เป็นประเทศกำลังพัฒนาและเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่มีศักยภาพที่จะนำประเทศกำลังพัฒนาไปสู่ศักยภาพพลังงานหมุนเวียน ข้อมูลจากกรมพลังงานฟิลิปปินส์ได้แสดงให้เห็นว่าศักยภาพพลังงานลมในประเทศมีสูงถึง 70,000 เมกะวัตต์ ศักยภาพพลังานแสงอาทิตย์ 5.1 กิโลวัตต์ต่อตารางเมตร (2) ในขณะนี้พลังงานหมุนเวียน (3) ในประเทศมีเพียง 0.9 เปอร์เซ็นต์ของพลังงานทั้งหมด
ในการรณรงค์ครั้งนี้ กรีนพีซยังได้เชิญประธานาธิบดีอาคิโน มาเยี่ยมชมเรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ ณ กรุงมะนิลา ในวันที่ 27-29 พฤศจิกายนนี้ เพื่อผลักดันให้ประธานาธิบดีให้คำมั่นในการสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนให้เพิ่มขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2563 และเปิดให้ประชาชนร่วมลงชื่อผลักดันทางเว็บไซต์ www.greenpeace.org.ph
“เรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลง รวมถึงการต่อสู้ของประชาชนเพื่ออนาคตสิ่งแวดล้อมที่สะอาดขึ้นและมีสันติภาพ เราได้เป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวในประเทศฟิลิปปินส์เพื่อทำให้การพัฒนาสีเขียวกลายเป็นจริง เรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ลำนี้ได้เคยมาเยือนน่านน้ำฟิลิปปินส์เมื่อ 10 ปีก่อน เพื่อรณรงค์เรื่องการทิ้งสารพิษและมลพิษไดออกซินจากโรงเผาขยะ นอกจากนี้ยังได้รณรงค์เพื่อสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและหยุดโรงไฟฟ้าถ่านหิน ระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา กฎหมายสำคัญ (4) ได้รับการอนุมัติ เราเชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นมีความเป็นไปได้ และการร่วมรณรงค์กับชุมชนจะทำให้พวกเราสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมได้” ไมค์ ฟินเคน กัปตันเรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์กล่าว
เรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์เดินทางมาเยือนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นระยะเวลา 2 เดือนครึ่ง เพื่อสนับสนุนอนาคตสิ่งแวดล้อมและสันติภาพ โดยเริ่มโครงการรณรงค์ที่ประเทศไทยในวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา และเสร็จสิ้นการรณรงค์ในภูมิภาคที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ในวันที่ 29 พฤศจิกายน การเดินทางมาครั้งนี้อยู่ในวาระครบรอบ 10 ปี ของการก่อตั้งกรีนพีซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ การมาเยือนครั้งแรกของเรือรณรงค์ดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2543 ภายใต้โครงการ “เอเชียปลอดมลพิษ” สามารถติดตามการเดินทางของเรือได้ที่ www.greenpeace.org/seasia
หมายเหตุ
(1) การปฏิวัติพลังงาน ของกรีนพีซ เป็นแผนการลดการปล่อยคาร์บอนควบคู่ไปกับการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ โดยการแทนที่พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลด้วยพลังงานหมุนเวียน การกระจายศูนย์พลังงานและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การลด ละ เลิกใช้ถ่านหินก่อให้เกิดผลประโยชน์มากมายทั้งด้านความมั่นคงทางพลังงาน ความเป็นอิสระจากราคาเชื้อเพลิงในตลาดโลก การลดมลพิษ และยังเป็นทางออกของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อชะลอผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอีกด้วย
(2) http://www.doe.gov.ph/ER/BioOSW.htm
(3) Renewable energy from solar power, wind and modern biomass
(4) The Solid Waste Management Act, the Clean Air Act and the Renewable Energy Act
Turn the Tide
10 years of Protecting the Environment Together